เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1898 เชิญ
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1898 เชิญ
“ยัยเด็กไร้เดียงสา!”
ลู่ฝานมองซูตงออกไปแล้วหัวเราะเบาๆ
ไหวพริบแค่นี้จะมาสู้กับเขา ไม่รู้ซูตงเอาความกล้ามาจากไหน
จู่ๆ มีเสียงตะโกนดังขึ้นนอกรถม้า
“ช้าหน่อย พวกนายช้าลงหน่อย!”
ลู่ฝานมองไปด้านนอก จู่ๆ เห็นหนานกงสิงเหาะมาอย่างกระหืดกระหอบ
หนานกงสิงเหาะเข้ามาในรถม้า แล้วพูดเสียงดังว่า “หัวหน้าสำนัก ครั้งหน้านัดสาวแล้วอย่าทิ้งฉันได้ไหม”
ลู่ฝานยักไหล่พูดว่า “นี่มันเหตุสุดวิสัย ฉันนึกว่านายไปนับเงิน ชนะได้มาเท่าไรล่ะ”
หนานกงสิงเลิกคิ้วขึ้นพูดว่า “ไม่น้อย แต่ไม่เกี่ยวกับนาย ซูตงล่ะ เธอไปไหนแล้ว”
หนานกงสิงมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นซูตงแล้ว
ลู่ฝานชี้เศษไม้บนพื้นแล้วพูดว่า “ทำลายข้าวของแล้วหนีไปแล้ว เหมือนเธอมีปัญหากับฉันนะ”
หนานกงสิงขมวดคิ้วพูดว่า “งั้นก็แย่น่ะสิ”
หนานกงสิงเดินเข้ามากระซิบข้างหูลู่ฝาน “สหายลู่ฝาน อย่าคิดว่าซูตงเป็นคนที่ผู้อาวุโสซู่มั่นส่งมา คุณชายเฟิงเทียนที่นายพูดถึงอาจเป็นคนส่งเธอมา เธอมีแหวนชั่วพริบตาในมือ!”
ลู่ฝานได้ยินแล้วตกใจ “แหวนชั่วพริบตาเหรอ ทำไมเธอถึงมีของแบบนี้ เดี๋ยวนะ คุณชายเฟิงเทียน ฉันจำได้แล้ว คนที่คุยกับฉันครั้งนั้น คนที่ลากฉันเข้าไปในแดนมายาชื่อเฟิงเทียน นายรู้ชื่อเขาได้ยังไง หาข้อมูลไม่เจอไม่ใช่เหรอ”
หนานกงสิงยักไหล่พูดว่า “อู่คงหลิงสืบได้ ตอนนี้เหมือนเธอมีข้อมูลเยอะกว่าฉัน”
ลู่ฝานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “ผู้ฝึกชั่วร้ายที่แท้จริงมีฝีมือจริงๆ ปล่อยให้เธอหัวหมุนไปเถอะ เธอไม่ลงมือกับพวกเราก็พอแล้ว”
หนานกงสิงส่ายหน้า “สหายลู่ฝาน นายเอาแต่เชื่อใจเธอแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีนะ ช่างเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากัน นายคิดว่าถ้าเป็นเฟิงเทียนจริงๆ จะทำยังไง”
จู่ๆ ลู่ฝานนึกภาพภาพหนึ่งขึ้นมาได้
นั่นคือภาพที่เขาคุยกับคุณชายเฟิงเทียนในแดนมายา
ลู่ฝานพึมพำว่า “เรื่องดูน่าสนุกขึ้นแล้ว! ฉันเข้าใจแล้ว เธอคือคนที่เฟิงเทียนหามาสู้กับฉัน”
สายตาลู่ฝานดุดันขึ้นทันที
เฟิงเทียนพูดคำไหนคำนั้นจริงๆ! งั้นเรื่องของหลิงเหยาที่เขาพูด คงไม่ได้ล้อเล่นเหมือนกัน
หนานกงสิงยิ้มแล้วพูดว่า “ประลองเหรอ นายกำลังล้อเล่นใช่ไหม ยัยเด็กไร้เดียงสาคนนี้เนี่ยนะ พละกำลังแค่นั้นจะสู้กับนายได้ยังไง เฟิงเทียนจงใจให้นายชนะหรือเปล่า”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ฉันคิดว่าเฟิงเทียนต้องมีเจตนาอะไรแน่ๆ หรือไม่ก็มีวิธีพิเศษอะไรสักอย่าง สหายหนานกง ตั้งแต่วันนี้ไป นายเพิ่มกำลังคนไปคุ้มครองคนของประเทศอู่อาน พวกศิษย์พี่รวมถึงหลิงเหยา โดยเฉพาะหลิงเหยา! ถ้าเป็นไปได้……”
ลู่ฝานกัดฟันพูดว่า “รับเธอมาที่จวนองค์ชายใหญ่ ฉันจะปกป้องเธอเอง!”
หนานกงสิงพูดอย่างตกใจว่า “รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ใช่ นายไปจัดการตอนนี้เลย ไม่ต้องลังเล ฉันกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง!”
หนานกงสิงพยักหน้าพูดว่า “ได้ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!”
พูดจบ หนานกงสิงกำลังจะเหาะออกไป
ขณะนั้นจู่ๆ รถม้าค่อยๆ หยุดลง
เสียงสิบสามดังขึ้น “เจ้านาย!”
ลู่ฝานได้ยินเสียงของสิบสาม รีบเดินออกมาจากรถม้าพร้อมกับหนานกงสิงทันที
เมื่อเพ่งมองไปด้านหน้า เห็นมังกรสามหัวขวางอยู่หน้ารถม้า
บนหัวมังกรขนาดใหญ่มีคนยืนอยู่ ลู่ฝานจำได้ทันทีว่านั่นคืออาจารย์ของฮ่วนเย่ว์
“องค์ชายใหญ่ คุณชายเงามืด ฉันเป็นตัวแทนหอฝึกสัตว์มาเชิญทั้งสองท่านไปคุยกัน!”
จู่ๆ ผู้อาวุโสส่งกระแสจิตพูด
ลู่ฝานกับหนานกงสิงมองหน้ากัน ลู่ฝานพูดว่า “นายไปจัดการเรื่องเถอะ เดี๋ยวฉันคุยกับคนของหอฝึกสัตว์เอง”
หนานกงสิงพยักหน้าเข้าใจ ลู่ฝานเหาะออกจากรถม้า สิบสามรีบตามไปทันที
ลู่ฝานมาด้านหน้ามังกรสามหัวแล้วพูดว่า “งั้นไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสผายมือขวา ลู่ฝานกับสิบสามเหาะขึ้นไปบนหัวมังกร
มังกรสามหัวสยายปีกบินออกไป
มังกรบินของหนานกงสิงเหาะไปไกล เขาส่ายหน้าพูดว่า “หอฝึกสัตว์จะแบไต๋แล้ว เหอะๆ เป็นเรื่องดี ไปกันเถอะ เลี้ยวหัว!”
หนานกงสิงเหวี่ยงมือ สั่งให้เคลื่อนตัวไปทางด้านหลัง
รถม้าหายลับไปในเมฆขาวอย่างรวดเร็ว
……
อีกด้านหนึ่ง ซูตงที่โมโหลู่ฝานเหาะลงมาบนพื้น หยุดลงบนถนนเส้นคึกคักแห่งหนึ่ง
เธอกัดฟันกรอด ซูตงด่าออกมาเบาๆ ว่า “ไอ้เงามืด คิดไม่ถึงว่าเขาจะดูถูกฉัน เขากล้าว่าฉันขนาดนี้ ฉันต้องทำให้เขาอับอาย ครั้งหน้าฉันจะทำให้เขาอับอายให้สาสม!”
ซูตงด่าไม่หยุด แต่เหมือนคำด่าของเธอมีจำกัด พูดไปพูดมาก็มีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
เป็นผู้ฝึกชั่วร้าย แม้แต่ด่าคนยังทำไม่เป็น ยืนยันได้เลยว่าซูตงยังอ่อนหัดอยู่
แต่ซูตงไม่รู้เรื่องนี้ เธอเข้าใจมาตลอดว่ายืนด้วยตัวเองได้แล้ว
“ไม่ต้องด่าแล้ว มานั่งสิ!”
จู่ๆ เสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหูซูตง
เธอรีบหันไปมองข้างทาง คุณชายเฟิงเทียนนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ร้านขนมข้างทาง กำลังแทะเมล็ดแตงโม กินขนมอย่างสบายใจ
ซูตงรีบเดินเข้าไปหาคุณชายเฟิงเทียนด้วยสีหน้านอบน้อม เมื่อมาถึงข้างคุณชายเฟิงเทียน ซูตงคำนับแล้วพูดว่า “คารวะคุณชาย”
คุณชายเฟิงเทียนโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายหรอก นั่งสิๆ”
ซูตงคำนับแล้วขานรับ นั่งลงตรงข้ามคุณชายเฟิงเทียน
แต่เธอเพิ่งนั่ง จู่ๆ เก้าอี้ก็หักกลายเป็นผุยผง
ซูตงไม่ทันตั้งตัว ก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้น
คุณชายเฟิงเทียนปรบมือหัวเราะร่า “สนุกดีๆ”
สีหน้าซูตงเปลี่ยนไปมา เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี คิดไม่ถึงว่าวิธีเด็กน้อยแบบนี้จะทำให้คุณชายเฟิงเทียนหัวเราะขนาดนี้
อีกทั้งเรื่องแบบนี้ จากวิทยายุทธกับความเร็วในการตอบสนองของซูตง เธอต้องตั้งตัวได้อยู่แล้ว แต่เธอไม่คิดว่าคุณชายเฟิงเทียนจะเล่นแบบนี้ บวกกับความเครียดขั้นสุด สมาธิทั้งหมดอยู่ที่คุณชายเฟิงเทียน เธอเลยนั่งอยู่บนพื้นแบบนี้
ซูตงรีบลุกขึ้นยืน ก้มหน้าไม่กล้ามองคุณชายเฟิงเทียน
คุณชายเฟิงเทียนหัวเราะแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่เล่นละ นั่งสิ เรามาคุยกัน วันนี้เห็นฝีมือของเงามืดหรือยัง รู้สึกยังไงบ้าง”
ซูตงตอบอย่างนอบน้อม “คุณชาย ฉันว่าฉันยืนดีกว่า วันนี้ได้เห็นแล้ว วิทยายุทธของเงามืดน่าทึ่งมาก ทักษะมากมาย ฉัน……ฉันกลัวว่าจะสู้เขาไม่ได้!”
คุณชายเฟิงเทียนชี้หน้าซูตง “ดูถูกตัวเองเกินไปแล้ว ฉันบอกว่าได้ก็ได้สิ!”
ซูตงพูดว่า “แต่เห็นความแตกต่างของพละกำลังอย่างชัดเจน ฉันไม่กล้าพูดคำว่าชนะออกมาตามใจชอบ”
คุณชายเฟิงเทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ความแตกต่างของพละกำลังเหรอ เรื่องนี้ฉันรู้ แต่ในเมื่อฉันเลือกเธอแล้ว แน่นอนว่าฉันเตรียมการไว้แล้ว เธอไม่ต้องกลัวว่าวิทยายุทธเทียบเงามืดไม่ได้ อีกไม่กี่วันเธอจะพบว่าอันที่จริงเขานั่นแหละที่เทียบเธอไม่ได้”
พูดจบ คุณชายเฟิงเทียนโยนขวดเล็กๆ ให้ซูตง “กินมันซะ!”
ซูตงมองขวดสีดำไม่มีลาย แล้วถามว่า “นี่คืออะไร”
คุณชายเฟิงเทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ของที่จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น!”