เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1889 สิบสามมาถึง
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1889 สิบสามมาถึง
หอยอดเมฆ
อู่คงหลิงยิ้มบางๆ “ผู้อาวุโส ฉันรู้แค่นี้ ถ้าผู้อาวุโสให้คนฉันเยอะกว่านี้ ฉันต้องหาเบาะแสของลู่ฝานเจอแน่นอน!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นจ้องตาอู่คงหลิง “แน่ใจใช่ไหมว่าพูดหมดแล้ว ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอรู้มากกว่าที่พูดออกมา อีกอย่าง เธอรู้รูปร่างหน้าตาของลู่ฝานจริงเหรอ”
อู่คงหลิงพูดว่า “เรียกว่าลักษณะคร่าวๆ ดีกว่า เขาเป็นคนเขตตะวันออกของฉัน ฉันเคยเจอเขาระหว่างทางมาประเทศฉิงเทียน เขาหนีออกมาจากประเทศตันเซิ่ง แต่วิทยายุทธดูเพิ่มขึ้น พลานุภาพทรงพลัง ดูเป็นยอดฝีมือมาก อีกทั้งฉันแน่ใจว่าลู่ฝานอยู่ในบรรดาคนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ถ้าคนของฉันมากพอ ฉันจับเขาได้แน่นอน”
ผู้อาวุโสซู่มั่นเงียบครู่หนึ่ง “อู่คงหลิง ในเมื่อเธอมั่นใจขนาดนี้ ฉันให้คนเธอเพิ่มก็ได้ ผู้ฝึกชั่วร้ายที่มาจากประเทศอื่น ฉันจะให้เธอเลือกคนเอง อีกทั้งฉันพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเธอได้ ให้เขาช่วยเธอหาอีกแรง แต่ฉันต้องการผล หลังจากจบการแข่งนานาประเทศ ถ้ายังไม่ได้ผลอะไรให้ฉันอีก เธอต้องชดใช้อย่างสาสม เธอน่าจะรู้กฎของจิตใจเต๋าสำนักมาร”
อู่คงหลิงหัวเราะแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ผู้อาวุโส ฉันจะเอาชีวิตตัวเองไปพนันกับเรื่องที่ไม่มั่นใจได้ยังไงล่ะ ผู้อาวุโสให้คนกับฉัน ฉันทำความดีความชอบให้ เมื่อจบแล้วผู้อาวุโสเอารางวัลส่วนใหญ่ไปได้เลย ฉันขอแค่ส่วนเล็กๆ แบบนี้ยุติธรรมมาก”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน ฉันชอบผู้หญิงแบบเธอ เธอทำให้ฉันคิดถึงตัวเองตอนนั้น ได้! แค่คนเท่านั้น ตกลงตามนี้แล้วกัน เธอไปตามหาลู่ฝาน ถ้าหาเจอ ความดีความชอบเป็นของเธอ ฉันไม่แย่ง ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอมีความสามารถจริงหรือเปล่า ตอนนี้น้อยคนที่กล้าเอาชีวิตมาพนันอย่างมั่นใจต่อหน้าฉันแบบนี้ ถึงเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายก็มีคนกลัวตายเยอะ”
อู่คงหลิงคำนับทำความเคารพ “ขอบคุณผู้อาวุโสที่อนุญาต งั้นฉันขอตัวไปจัดการก่อน”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพยักหน้า “ไปสิ ใช่สิ เธอเอาสิ่งนี้กลับไปให้หัวหน้าสำนักเธอด้วย ช่วงนี้เขาทำภารกิจสำเร็จได้ดีเลย เธอบอกเขาว่าระงับการลงโทษพวกนั้นไว้ชั่วคราว ค่อยสะสางทีเดียววันหลัง!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นโยนป้ายอันหนึ่งให้อู่คงหลิง
อู่คงหลิงรับมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสซู่มั่นส่ายหน้าเบาๆ มองด้านหลังอู่คงหลิงหายลับไปจากสายตา แล้วพูดเสียงเบาว่า “คิดไม่ถึงว่าลูกน้องของเงามืดจะมีผู้หญิงอัศจรรย์แบบนี้ กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์จริงๆ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป สำนักที่ 15 คงกลายเป็นที่ที่ชอบสร้างเรื่อง”
เมื่อพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสซู่มั่นหลับตาเบาๆ นึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับลู่ฝานที่อู่คงหลิงบอกเธอเมื่อครู่
วิทยายุทธไม่ธรรมดา ดูมีสง่าราศี ตอนนี้อยู่ในเมืองฉิงเทียน
ผู้อาวุโสซู่มั่นขมวดคิ้วเบาๆ
ดูแปลกไปหน่อย เหมือนอู่คงหลิงไม่ได้พูดจุดสำคัญเลย
รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ใช้อาวุธอะไร ลักษณะเด่นภายนอก เธอไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้เลย
จู่ๆ ผู้อาวุโสซู่มั่นหัวเราะ “เด็กผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ ถ้าเธอหาลู่ฝานเจอ เธอต้องโดดเด่นขึ้นได้แน่นอน วิทยายุทธไม่ใช่ปัญหา แค่เข้าสระปีศาจเพียงครั้งเดียวก็จบ มีความทะเยอทะยาน พูดเก่ง ถ้าทำงานเก่งอีก สามารถบ่มเพาะได้!”
ผู้อาวุโสซู่มั่นปรบมือ ผู้ฝึกชั่วร้ายปรากฏข้างตัวเธอ
“ตอนนี้พวกนายไปหาคนชื่อหวูเฉิน ในบรรดาคนที่มาประเทศฉิงเทียน เอาคำพูดฉันไปบอกเขา”
ผู้ฝึกชั่วร้ายคนหนึ่งคำนับแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสจะฝากข้อความอะไร”
แววตาผู้อาวุโสซู่มั่นดูล่องลอย เหมือนความคิดย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
ทันใดนั้นผู้อาวุโสซู่มั่นพูดเบาๆ ว่า “จันทร์เฉิดฉายเหนือกิ่งหลิว นัดพบยามสนธยา!”
“รับทราบ!”
พวกผู้ฝึกชั่วร้ายรีบออกไป
ผู้อาวุโสซู่มั่นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ แหวนบนนิ้วกระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงดังชัดเจน
“หวูเฉิน นายกำลังก่อกวนอะไรอยู่หรือเปล่า!”
……
ในเวลาเดียวกัน ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์ชายใหญ่ ทอดมองประตูจวนองค์ชายใหญ่
ผมดำตาดำ ตัวผอมเล็กน้อย แววตาดูทรงพลังแน่วแน่มาก
สวมชุดบู๊พอดีตัวสีดำทั้งตัว มีกระบี่ตรงเอวหนึ่งเล่ม
องครักษ์จวนองค์ชายใหญ่มองคนคนนี้แล้วพูดซุบซิบ
“นี่ใครกัน”
“ไม่รู้ ยืนอยู่นานแล้ว”
“ถามสิ เข้ามาในวังได้ต้องมีตำแหน่งแน่ๆ ถ้าเมินจะไม่ดีนะ!”
พวกองครักษ์พยักหน้า จากนั้นตะโกนเสียงสูงพูดกับผู้ชายคนนั้น “ไม่ทราบว่าคุณชายมาหาใคร มาจวนองค์ชายใหญ่มีธุระอะไรหรือเปล่า”
ผู้ชายไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่มองพวกเขาอย่างนั้น
ทันใดนั้นผู้ชายพูดออกมาสองคำ “หาคน!”
องครักษ์รอให้เขาพูดต่อ แต่รออยู่นาน ผู้ชายไม่มีท่าทีว่าจะพูดต่อ
องครักษ์มองหน้ากัน จากนั้นองครักษ์คนหนึ่งถามอีกครั้ง “หาใคร”
ผู้ชายยังพูดสั้นๆ “เจ้านาย!”
หลังจากนั้นผู้ชายไม่พูดอะไรอีก
องครักษ์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
นี่มันคนบ้าจากไหนเนี่ย!
พูดอยู่สองคำ ยังมาหาเจ้านายอีก ใครจะไปรู้ว่าเจ้านายเขาคือใคร!
แต่เห็นผู้ชายไม่มีท่าทีจะพูดต่อ องครักษ์ส่ายหน้า ไม่อยากสนใจเขาอีก
เขาอยากยืนก็ให้เขายืนไป ดูสิจะยืนได้นานแค่ไหน
ผู้ชายรออีกพักใหญ่ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
จู่ๆ เขาก้าวมาด้านหน้า
พวกองครักษ์เห็นท่าไม่สู้ดี จึงดึงอาอาวุธออกมาทันที
“นายจะทำอะไร……เขาไปไหนแล้ว”
องครักษ์เพิ่งดึงอาวุธออกมา ตัวของผู้ชายหายไปแล้ว
จู่ๆ ลมแรงพัดผ่านข้างตัวพวกเขาไป
พวกเขาหันไปมองด้านหลัง เห็นว่าชายคนนั้นเดินเข้าไปในจวนองค์ชายใหญ่แล้ว
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
พวกองครักษ์ร้องเสียงหลง วินาทีต่อมาองครักษ์คนหนึ่งผิวปากเบาๆ พวกผู้ฝึกชั่วร้ายรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
เหมือนผู้ชายคนนั้นไม่เห็นองครักษ์ที่ตามมาด้านหลัง เขายังเดินไปด้านหน้าต่อ
ด้านหน้ามีองครักษ์พุ่งมาอีกกลุ่ม
“หยุด!”
ตะโกนเสียงสูง พวกองครักษ์ใช้กระบวนท่าโจมตีผู้ชาย
แต่ผู้ชายยังมองพวกเขาอย่างเฉยเมยเหมือนเดิม ไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวยังไง หลบการโจมตีได้ทั้งหมด
เขาเหมือนผี ยังเดินไปด้านหน้าต่อ
พวกองครักษ์โจมตีอย่างต่อเนื่อง คิดไม่ถึงว่ากระบวนท่าไม่โดนแม้แต่ปลายเสื้อเขา
“เวรแล้ว มาเร็ว รีบมาเร็ว!”
พวกองครักษ์ตะโกนเสียงดัง ผู้ฝึกชั่วร้ายรอบๆ รวมตัวกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นาน ผู้ฝึกชั่วร้ายมากมายล้อมผู้ชายเอาไว้ทุกทิศทุกทาง
ผู้ชายชะงักฝีเท้าลง หันมากวาดตามองรอบๆ
“ถ้ากล้าเดินแม้แต่ก้าวเดียว จะสับนายเป็นหมื่นชิ้น! นายเป็นใครกันแน่ บอกชื่อมา!”
พวกองครักษ์ล้อมผู้ชายไว้ตรงกลาง
เมื่อผู้ชายได้ยินคำพูดของพวกเขา จึงตอบอย่างเฉยเมยว่า “สิบสาม!”