เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1887 เชื่อใจ
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1887 เชื่อใจ
รถม้าผลึกน้ำแข็งเคลื่อนตัวไปกลางอากาศ ระดับความเร็วไม่เร็ว ลู่ฝานแค่เดินก็ตามรถม้าได้สบายๆ
บนท้องฟ้าแออัดมาก ถ้าไม่มาประเทศฉิงเทียน คงไม่รู้จักความหมายของคำว่า “ท้องฟ้าติดขัด”
ฝูงนกและสัตว์ร้ายส่งเสียงร้องดัง แสดงออกว่าไม่พอใจรถม้าหรือไม่ก็เรือที่อยู่ด้านหน้า
ยิ่งสัตว์อสูรตัวเล็กๆ ยิ่งซวย มองสัตว์อสูรตัวยักษ์ใหญ่ทั้งหน้าทั้งหลัง แค่สยายปีกก็ปกคลุมท้องฟ้าได้ บังสายตาคนที่อยู่ด้านหลังจนไม่เห็นอะไรเลย
นี่สินะที่เรียกว่าคนตีกับคน สัตว์เบียดกับสัตว์ สัตว์อสูรข้างหน้าปล่อยตดออกมา สัตว์อสูรด้านหลังทำได้แค่ทน
ถ้าสัตว์อสูรแข็งแกร่งเจอกับสัตว์อสูรอ่อนแอยังพอได้หน่อย เพราะระดับของสัตว์อสูรเข้มงวด เข้มงวดกว่าคนมาก ดังนั้นถึงสัตว์อสูรอ่อนแอเจอลมตด ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
แน่นอนว่าถ้าสัตว์อสูรอ่อนแออยู่ด้านหน้า สัตว์อสูรแข็งแกร่งอยู่ด้านหลัง สัตว์อสูรอ่อนแอไม่กล้าขยับมากเท่าไร
แต่ถ้าสัตว์อสูรสองตัวที่พละกำลังพอๆ กันเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน นี่สิคือเรื่องใหญ่
ตอนสัตว์อสูรพวกนี้อยู่ประเทศตัวเอง ตัวไหนไม่เป็นที่น่าเกรงขามของฝ่ายตรงข้ามบ้างล่ะ มียอดเขา มีถิ่นของตัวเอง แม้แต่ถ้ำก็ยังมี
ปกติถ้าคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้าใกล้ยอดเขาของมัน จะโดนฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้แม้แต่เกล็ดมังกรก็กำลังจะถูกเช็ดออกแล้ว!!
อภัยให้ไม่ได้ สัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย ไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้านาย โจมตีใส่พวกเดียวกันที่เบียดมาทางข้าง
ทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่องรอยความวุ่นวายของสัตว์อสูร โชคดีที่ผู้แข็งแกร่งที่เป็นมนุษย์ห้ามอยู่ข้างๆ ตลอด ไม่งั้นคงสู้กันไม่วางมือแน่นอน
ตอนนี้คนของหอฝึกสัตว์ที่อยู่บนท้องฟ้า เริ่มขายอาหารสำหรับสัตว์อสูรหลากหลายชนิด
แต่ละคนตะโกนว่า “อาหารที่ทำให้สัตว์อสูรสงบได้ หอฝึกสัตว์ขายให้เป็นพิเศษ ถ้าต้องการรีบตะโกนเลย!”
ดูก็รู้ว่าหอฝึกสัตว์มีประสบการณ์กับเรื่องนี้มาก แล้วก็เตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
ทั้งใต้หล้านี้ คงมีเพียงประเทศฉิงเทียนที่มีความอลังการแบบนี้
ถ้าเป็นที่อื่น ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่สัตว์อสูรแข็งแกร่งรวมตัวกันเยอะขนาดนี้ยังเป็นไปไม่ได้เลย
ด้วยเหตุนี้คนจำนวนมากเอากระจกจำภาพออกมาบันทึกภาพไว้ สามารถเอากลับไปขายได้
ถือเป็นโชคดีที่เป็นแบบนี้ ลู่ฝานสามารถสะกดรอยตามได้ง่ายมาก
รถม้าผนึกน้ำแข็งของธิดาเทพเคลื่อนตัวช้ามาก ถึงขั้นที่ลู่ฝานสามารถเดินดูของตามร้านค้าบนถนนได้
ขณะกำลังเดินอยู่ จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นข้างหลัง
“หัวหน้าสำนัก!”
ลู่ฝานหันไปมอง เห็นหนานกงสิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
ลู่ฝานมองหนานกงสิงแล้วหัวเราะ “ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้ล่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
หนานกงสิงรีบเดินเข้ามา ด้านหลังเขามีผู้ฝึกชั่วร้ายตามมาอีก 2-3 คน
หนานกงสิงสะบัดมือบอกให้ผู้ฝึกชั่วร้ายกันคนรอบๆ คนตัวใหญ่ท่าทางดุดันพวกนี้ทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย ทำให้พวกเขาเว้นที่ให้อย่างว่าง่าย
กลุ่มคนพูดคุยกันว่า “จะทำอะไรกันเนี่ย สู้กลางถนนเหรอ”
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาคิดผิดแล้ว เพราะหนานกงสิงไม่ได้มาหาเรื่องลู่ฝาน
เมื่อเดินมาถึงข้างลู่ฝาน หนานกงสิงยื่นกระจกจำภาพให้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “เกิดเรื่องแล้ว คุณอู่ไปหาผู้อาวุโสซู่มั่นคนเดียว”
พอลู่ฝานได้ยิน สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที รีบเอากระจกจำภาพมาดู
ใส่ปราณชี่เข้าไป ลู่ฝานเพ่งมอง ด้านในเป็นภาพของอู่คงหลิงอยู่นอกหอยอดเมฆ โดนพวกผู้ฝึกชั่วร้ายพาเข้าไป
ลู่ฝานพูดว่า “แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นผู้อาวุโสซู่มั่น”
หนานกงสิงพูดว่า “ธิดาเทพแห่งความมืดก็อยู่ด้วย แต่เหมือนเธอไม่ได้อยู่ต่อ เธอออกมาหลังจากอู่คงหลิงเข้าไป”
ลู่ฝานบีบกระจกจำภาพจนแตก สีหน้าไม่สู้ดีเล็กน้อย
เงียบครู่หนึ่ง ลู่ฝานพูดว่า “เธอไปหาผู้อาวุโสซู่มั่นทำไม”
หนานกงสิงส่งกระแสจิตพูดว่า “สหายลู่ฝานยังไม่เข้าใจอีกเหรอ เธอเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายที่มาจากประเทศเล็กๆ ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่ วิทยายุทธก็ไม่แข็งแกร่ง ไม่มีฐานะตำแหน่ง เธอจะทำอะไรได้ ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปเธอมาหานายก็ได้นิ มีความจำเป็นอะไรต้องไปหาผู้อาวุโส เห็นได้ชัดว่าคำตอบมีเพียงอย่างเดียว เธอไปบอกความลับ”
ลู่ฝานหลับตาลง ไม่พูดอะไรสักคำ
หนานกงสิงพูดต่อ “สหายลู่ฝาน นายเชื่อใจเธอ แต่ฉันไม่เคยเชื่อใจเธอเลย ดังนั้นฉันจึงให้คนจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอตลอด ตอนนี้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ นายบอกมาเถอะว่าเราควรทำยังไง!”
ลู่ฝานลืมตาขึ้น พูดอย่างราบเรียบว่า “ถ้าอู่คงหลิงขายเรา ตอนนี้ผู้อาวุโสซู่มั่นคงพาผู้ฝึกชั่วร้ายที่แข็งแกร่งมาจับฉันแล้ว ไม่สิ แค่ผู้อาวุโสซู่มั่นคนเดียวก็พอแล้ว ในเมืองฉิงเทียนที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกชั่วร้ายแบบนี้ ฉันไม่มีโอกาสหนีได้เลย”
หนานกงสิงกัดฟันพูดว่า “เข้าไปในอากาศเวิ้งว้าง พุ่งออกจากประเทศฉิงเทียน ฉันรู้เส้นทางปลอดภัยเส้นทางหนึ่ง ไปตอนนี้ยังทัน ฉันให้คนไปเตรียมเรือไว้แล้ว เราสามารถ……”
จู่ๆ ลู่ฝานหัวเราะออกมา ตบไหล่หนานกงสิงแล้วพูดว่า “ไม่ต้องใจร้อน สหายหนานกง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาใจร้อน”
หนานกงสิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วมองลู่ฝาน “นายยังเชื่อใจเธอเหรอ”
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ใช่”
หนานกงสิงหัวเราะทันที ใบหน้ามีรอยยิ้มขมขื่น “สหายลู่ฝาน นายรู้ไหมว่าความเชื่อใจของนาย อาจทำให้เราตายได้”
ลู่ฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเชื่อใจเธอเหมือนที่ฉันเชื่อใจนาย สหายหนานกง นายเชื่อฉันไหม”
หนานกงสิงมองหน้าลู่ฝาน ยิ้มแหยแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่มีอะไรมากไปกว่าความตาย สหายลู่ฝาน หวังว่านายจะมองคนไม่ผิด”
ลู่ฝานพูดว่า “ฉันก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน เอาเถอะ ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน จัดการคนที่รู้เรื่องทิ้งให้หมด ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อน”
ลู่ฝานชี้รถม้าผลึกน้ำแข็งของธิดาเทพประเทศเป่ยเสินบนท้องฟ้าแล้วยิ้มบางๆ
หนานกงสิงพยักหน้าเข้าใจ “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันขอกลับก่อน สหายลู่ฝาน ฉันขอบอกว่าฉันไม่เชื่อใจเธอ ยังไงเธอก็เป็นผู้ฝึกชั่วร้าย ไม่ใช่พวกเดียวกับเรา”
ลู่ฝานพูดว่า “ฉันเข้าใจ แต่นี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้ฉันเชื่อใจเธอ”
หนานกงสิงส่ายหน้าพูด “นายนี่นะ ถ้าฉันตายเป็นผีเพราะเรื่องนี้ นายต้องเป็นลูกน้องฉัน ฉันเป็นหัวหน้าสำนัก นายเป็นผู้ช่วยฉัน ฉันจะจีบสาวทุกวัน ดูนายทำงานจนวุ่นไปหมด”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีทางเด็ดขาด นายยังติดสาวงามฉันอีก 100 คน ถึงเวลานั้นฉันจะเอาเรื่องนี้ไปใช้หนี้!”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ หนานกงสิงพยักหน้า กวักมือเรียกผู้ฝึกชั่วร้ายข้างๆ แล้วเดินออกไป
ลู่ฝานยืนอยู่ที่เดิม ถอนหายใจเบาๆ แล้วพึมพำว่า “อู่คงหลิงนะอู่คงหลิง ฉันเชื่อใจเธอ เธออย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ ฉันรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายที่เกินเยียวยา”