เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1868 เรื่องที่คาดไม่ถึง (3)
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1868 เรื่องที่คาดไม่ถึง (3)
หนานกงฉวนพูดอะไรไม่ออกสักคำ แม้เขาอยากอธิบาย แต่เขากลับทำไม่ได้แม้แต่จะกะพริบตา
ลู่ฝานมองหนานกงฉวน จู่ๆ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ประเทศตันเซิ่งวุ่นวายจริงๆ กำจัดทิ้งก่อนดีกว่า”
จู่ๆ หนานกงฉวนสั่นไปทั้งตัว
เขาโดนลู่ฝานทำให้กลายเป็นหินไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฝานยังตัวสั่นได้อีก เห็นถึงความหวาดกลัวของเขาในตอนนี้
เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าลู่ฝานจะทำอะไร
ลู่ฝานจงใจพูดประโยคนี้ เพื่อให้พวกเขาหวาดกลัว!
ให้คนอื่นรับความเสียหายแทนตัวเอง ยุแยงให้แตกกัน
ลู่ฝานสะบัดปราณชี่ใส่พวกผู้ฝึกชี่ที่โดนคุมตัวอยู่
ปราณชี่รูปจันทร์เสี้ยว โจมตีใส่ชายที่พูดเมื่อกี้จนล้มลงพื้น เลือดไหลนองออกมา
เห็นการกระทำของลู่ฝาน พวกผู้ฝึกชั่วร้ายรอบๆ ลงมือเช่นกัน
เพียงพริบตาเดียว ผู้ฝึกชี่ที่เหลือตายคาที่ทันที
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
สะบัดมือบอกให้พวกเขาออกไปให้หมด
พวกผู้ฝึกชั่วร้ายก้มตัวทำความเคารพลู่ฝาน ตอนนี้ผู้ฝึกชั่วร้ายในสำนักที่ 15 ใครไม่มองลู่ฝานเป็นเทพเจ้าบ้างล่ะ
พูดตามตรงว่าเพราะมีลู่ฝานอยู่ ช่วงนี้ผู้ฝึกชั่วร้ายที่มาจากสำนักที่ 15 ดูทรงพลังกว่าคนสำนักอื่นเล็กน้อย
เห็นผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้ออกไปแล้ว ลู่ฝานหันมาจ้องหนานกงฉวน “นายคงเดาได้แล้วสินะ ใช่ ฉันจะให้สำนักย่อยของพวกนายตีกับประเทศตันเซิ่ง พวกนายชอบสมรู้ร่วมคิดกันไม่ใช่เหรอ ชอบเอาข่าวมาจากประเทศตันเซิ่งไม่ใช่เหรอ ฉันจะดูสิว่าถ้าพวกนายตีกันจะเป็นไง”
หนานกงฉวนตัวสั่นขึ้นอีก จู่ๆ เขาแค่นคำพูดออกมาจากลำคอ “เงามืด นายก็เป็นผู้ฝึกชั่วร้ายเหมือนกัน นายกำลังหาเรื่องให้สำนัก สำนักไม่ปล่อยนายไว้แน่นอน”
ลู่ฝานฉีกยิ้มพูดว่า “ใครบอกนายว่าฉันเป็นผู้ฝึกชั่วร้าย”
พูดจบ ไม่รอให้หนานกงฉวนตั้งตัว
ลู่ฝานโยนอาทิตย์ลุกโชนใส่ตัวเขา
หนานกงฉวนโดนไฟเผาทั้งตัว ไม่นานเขาโดนเผาจนกลายเป็นเถ้า แต่โต๊ะเก้าอี้ข้างเขา พื้นดินด้านล่างเท้า กลับไม่มีร่องรอยการโดนเผาสักนิด
แค่นี้ก็เห็นถึงความสามารถในการควบคุมของลู่ฝานแล้ว
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ลู่ฝานเก็บพลานุภาพของตัวเองไว้
พวกหานเฟิงถอนหายใจยาว มองลู่ฝานด้วยสายตาสับสน
หานเฟิงถามว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ตอนนี้นายอยู่กับผู้ฝึกชั่วร้ายเหรอ”
ลู่ฝานพยักหน้า “ใช่ อีกทั้งฉันยังใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เป็นหัวหน้าสำนัก”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดเสียงขรึม “ศิษย์น้องลู่ฝาน นายไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้ายใช่ไหม!”
ลู่ฝานส่ายหน้า “ไม่ใช่”
พูดจบ ลู่ฝานเงยหน้ามองศิษย์พี่ทุกคน “พวกพี่เชื่อฉันไหม”
พวกหานเฟิงมองหน้ากัน จากนั้นทุกคนหัวเราะออกมา
หานเฟิงตบไหล่ลู่ฝานแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ระหว่างเราต้องถามคำถามแบบนี้ด้วยเหรอ นายบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งนั้น!”
หลิงเหยาก็หัวเราะอยู่ข้างๆ “ถึงตีฉันให้ตาย ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่านายเป็นผู้ฝึกชั่วร้าย ลู่ฝาน นายเข้าไปอยู่กับผู้ฝึกชั่วร้ายทำไม แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมองค์ชายสี่ของประเทศฉิงเทียนถึงเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายล่ะ”
คำถามของหลิงเหยาตรงประเด็นจริงๆ
ลู่ฝานถอนหายใจพูดว่า “เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว ฉันบอกทุกคนได้แค่ว่าตอนนี้ในประเทศฉิงเทียนเต็มไปด้วยผู้ฝึกชั่วร้าย!”
เมื่อหานเฟิงได้ยิน เขาสูดหายใจเฮือก “อะไรนะ ทั้งประเทศฉิงเทียน นายหมายความว่าตั้งแต่ราชวงศ์รวมถึงทั้งประเทศเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหมดเลยเหรอ”
ลู่ฝานพูดว่า “กลัวว่าจะไม่ใช่แค่นี้น่ะสิ เท่าที่ฉันรู้ ในประเทศฉิงเทียนมีผู้อาวุโสสิบคน สามราชาปีศาจ สำนักย่อยเกือบพัน ผู้ฝึกชั่วร้ายนับไม่ถ้วน การแข่งนานาประเทศครั้งนี้ ดูจากภายนอกไม่ต่างจากทุกครั้ง แต่ความเป็นจริง ผู้ฝึกชั่วร้ายเป็นคนจัดขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังสืบว่าพวกเขาทำอะไรกันแน่ ฉันสงสัยว่าพวกเขามีแผนการใหญ่ แต่แท้จริงแล้วคืออะไร ทำยังไง ฉันไม่รู้เลย”
ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “พูดแบบนี้ ถ้างั้นคนที่มาประเทศฉิงเทียนก็มีอันตรายสิ เรารีบออกไปตอนนี้ดีกว่า”
ลู่ฝานส่ายหน้า “ออกไปไม่ได้ พวกเขาปิดภูเขาสี่โลกแล้ว เข้าได้แต่ออกไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับประเทศอู่อาน โอกาสเพียงอย่างเดียวคือออกจากประเทศฉิงเทียนทางเขตเหนือ ค่อยๆ เหาะกลับอู่อาน เรื่องนี้ฉันเตรียมการไว้เอง ถ้าพบว่าสถานการณ์ผิดปกติ ฉันจะพาทุกคนไปด้วยกัน”
หลิงเหยายิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็ไม่กลัวแล้วล่ะ”
พวกหานเฟิงพากันหัวเราะออกมา
จู่ๆ ลู่ฝานคิดอะไรออก เขารีบพูดว่า “ใช่สิ ทุกคนได้ไปสลักชื่อสมัครบนแท่นหินหรือเปล่า”
ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นศิษย์พี่หานเฟิงพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “แค่กๆ ยังเลย อันที่จริงควรไปตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว แต่นายก็รู้ว่าฉันชอบความเพอร์เฟกต์ ต้องฝึกเขียนให้สวยก่อนแล้วค่อยไป ถ้าสลักชื่อไม่สวย ก็ส่งผลกระทบกับชื่อเสียงฉันสิ วันไหนโด่งดังขึ้นมาจะกลายเป็นตัวตลกนะ!”
ศิษย์พี่ฉู่เทียนพูดขึ้นข้างๆ ว่า “พูดง่ายๆ คือเขายังเขียนไม่สวย เลยไม่ให้เราไป ไม่ต้องมาทำเป็นพูดว่าจะทิ้งชื่อไว้พร้อมกัน!”
ลู่ฝานหัวเราะ “ดี ดีมาก ดีสุดๆ ฉันกลัวว่าทุกคนจะทิ้งชื่อไว้แล้ว ฉันจะบอกให้ว่าแท่นหินนั่นอาจเป็นกับดัก ห้ามเขียนชื่อจริงตัวเองลงไปเด็ดขาด ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ พยายามอย่าเขียน ถึงเขียนก็เขียนชื่อปลอมซะ”
หานเฟิงพูดอย่างตกใจ “รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลิงเหยาพูดว่า “งั้นเราต้องรีบกลับไปบอกพวกหลินหย่า”
หานเฟิงพูดว่า “ใช่ แล้วก็หานหยวนหนิงด้วย ไปกันเถอะๆๆ!”
พูดจบ ทุกคนเดินออกไปข้างนอก
ลู่ฝานกำลังจะขึ้นรถม้าไปกับพวกเขา
ขณะนั้นเหมือนลู่ฝานสัมผัสอะไรได้ เขาชะงักฝีเท้าลง
“ทุกคนไปกันก่อนเถอะ!”
ลู่ฝานพูดกับพวกหลิงเหยาเสียงเบา สายตาหันไปมองมุมถนน ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่ที่ร้านน้ำชา กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม
หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “นายไม่ไปกับเราเหรอ จะได้ไปเจออาจารย์นายด้วย”
ลู่ฝานพูดว่า “มีโอกาสเจออยู่แล้ว ทุกคนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอฉัน”
เหมือนหลิงเหยาสัมผัสอะไรได้เหมือนกัน เธอมองไปทางมุมถนน
หลังจากนั้นกัดฟันพูดว่า “ลู่ฝาน งั้นเราจะไปหานายที่ไหน”
ลู่ฝานเอาป้ายจวนองค์ชายใหญ่ออกมา ยัดใส่มือหลิงเหยาแล้วพูดว่า “จวนองค์ชายใหญ่ที่พระราชวัง บอกชื่อเงามืด หัวหน้าสำนักที่ 15”
หลิงเหยาพยักหน้าแรง ดึงพวกหานเฟิงเข้ามาในรถม้า
มังกรเกราะเหล็กบินขึ้นไปบนฟ้า ลากรถม้าออกไป
ลู่ฝานค่อยๆ เดินไปทางมุมถนน
ลู่ฝานมาถึงหน้าร้านน้ำชา มองคนท่าทางเอ้อระเหยลอยชายตรงหน้า
“นั่งสิ!”
ผู้ชายพูดด้วยรอยยิ้ม
ลู่ฝานค่อยๆ นั่งลง มองเขาแล้วพูดว่า “นายเป็นใคร เป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหรือเปล่า”
ผู้ชายพูดอย่างเฉยเมยว่า “นายเรียกฉันว่าคุณชายเฟิงเทียนก็ได้ ซู่มั่นเรียกฉันแบบนี้ สายตานายไม่เลวนะ คิดไม่ถึงว่าจะเห็นฉัน ความกล้าก็ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเดินมา”
ผู้ชายพูดแล้วยกแก้วชาขึ้นมา มองลู่ฝานด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วตอนนี้นายจะลงมือกับฉันหรือเปล่า”