เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1509
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1509
ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆ อาทิตย์แสนอบอุ่นขึ้นทางตะวันออก
ทางเดินขนาดใหญ่ในป่ายาวเหยียดไปไกล
เรือสีม่วงทองเคลื่อนตัวมา สายลมอยู่ด้านหลัง ถนนอยู่ด้านหน้า แสงสว่างไสวอยู่ในป่า
“ลู่ฝาน นายคิดว่าการที่เราเจอกันคือโชคชะตาหรือเปล่า สองสามปีกว่าฉันจะลงจากเขาสักรอบหนึ่ง ครั้งนี้เพิ่งออกมาจับตัวนักโทษชั่วก็เจอนาย นี่มันโชคชะตากำหนดเอาไว้แล้วชัดๆ!”
หั่วตันซูดูมีความสุขมาก เขายืนอยู่ตรงหัวเรือแล้วมองออกไปไกลๆ
ลู่ฝานพูดเสียงเบาว่า “แล้วจับนักโทษได้หรือยัง”
หั่วตันซูส่ายหน้า “ยังเลย ไม่รู้พวกเขาเหลี่ยมเยอะ หรือพวกเราเคลื่อนไหวช้า คิดไม่ถึงว่านักบู๊สองคนจะทำให้เกิดความโกลาหลไปทั้งตระกูลหั่ว ใช่สิ พวกเขาเป็นชายหนึ่งคนกับหญิงหนึ่งคน ถ้าไม่ใช่เพราะนายคือผู้ฝึกชี่ที่แท้จริง ฉันต้องเข้าใจว่าพวกนายเป็นนักโทษสองคนนั้นแน่ๆ”
พูดจบ หั่วตันซูหัวเราะร่า
ลู่ฝานกับหลิงเหยามองหน้ากัน พวกเขาสองคนขำไม่ออก
ลู่ฝานแอบรู้สึกว่าโชคดี ยังดีที่ตัวเองไหวพริบดีเปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมดำไว้ล่วงหน้า ปลอมตัวเป็นผู้ฝึกชี่
ไม่งั้นตอนนี้คงยังหนีไปไกลสุดขอบฟ้า และมีโอกาสโดนหั่วตันซูที่อยู่ตรงหน้าจับตัวกลับไปตระกูลหั่วแล้ว
ลู่ฝานถามต่อ “แล้วยังจับไม่ได้จะทำยังไงล่ะ ให้ฉันช่วยไหม”
หั่วตันซูยิ้มแล้วพูดว่า “จับไม่ได้ก็ช่าง แค่นักบู๊สองคนเอง คงสร้างความวุ่นวายในสวรรค์ชั้นหนึ่งไม่ได้หรอก ยังไงก็โดนจับไม่ช้าก็เร็ว ลู่ฝานนายใจกล้าและมีพลังเยอะมาก ถ้านายเข้าตระกูลหั่วเร็วกว่านี้หน่อย ไม่แน่ฉันอาจมอบหมายงานนี้ให้นาย แต่ตอนนี้นายไปเรียนรู้ที่ตระกูลหั่วกับฉันก่อน ตั้งแต่วันนี้นายจะเป็นผู้ดูแลของตระกูลหั่วแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลภายในด้วย นายต้องมีป้ายคำสั่งใหม่ เสื้อผ้าใหม่ เรือลำใหม่ แล้วก็วิชาใหม่ด้วย เชื่อฉันสิ ที่ตระกูลหั่วนายจะได้ทุกอย่างที่นายต้องการ”
ลู่ฝานยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “คงงั้นมั้ง”
ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อย เรือเคลื่อนตัวไปยังเขาเทียนนู่ของตระกูลหั่วอย่างรวดเร็ว
ลู่ฝานเห็นจากไกลๆ ตรงสุดสายตาเป็นทิวเขาทอดยาว
ในบรรดานั้นมีภูเขาสูงลูกหนึ่ง ดูยิ่งใหญ่มาก ตรงยอดเขามีหินแมกมาไหลออกมาไม่หยุด สะท้อนท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดงเพลิงไปเกือบครึ่งฟ้า
หลิงเหยายืนอยู่หลังลู่ฝาน มองไปรอบๆ ไม่หยุด
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ตอนพวกเขามุ่งหน้าไปยังตระกูลหั่ว ยังไปในฐานะนักโทษ ตอนนั้นทั้งสองคนยังพะวงว่าจะหนีเมื่อไร ที่ไหนดีที่สุด ไม่มีกะจิตกะใจชมทิวทัศน์รอบๆ เลยสักนิด
แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน
หลิงเหยามองรอบๆ ด้วยรอยยิ้ม ถ้าไม่สนใจค่ายกลเป็นแถบในป่า อันที่จริงป่าแห่งนี้งดงามและสงบมาก
ต้นไม้แกว่งไปแกว่งมาเป็นระยะ สายลมพัดอ่อนๆ
หลิงเหยาฮัมเพลงเบาๆ ลู่ฝานกับหั่วตันซูถึงกับหยุดคุยเพื่อฟังเพลงของหลิงเหยาเงียบๆ
“สายลมยามค่ำคืนพัดต้นหลิว แสงจันทร์ข้างทะเลสาบเล็ก สองหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เหมือนน้ำอันกว้างใหญ่”
เสียงหลิงเหยาลอยไปตามลม
จู่ๆ คืนที่เขาและหลิงเหยาตกหลุมรักกันริมทะเลสาบเป็นครั้งแรกผุดขึ้นมาในหัวลู่ฝาน ในใจปั่นป่วน หลังจากนั้นลู่ฝานรู้สึกว่าพลังแห่งโลกในตัวกระเพื่อมตามไปด้วย พลังฟ้าดินรอบตัวก็เคลื่อนไหวด้วยเหมือนกัน
จิตใจเคลื่อนไหว ฟ้าดินเคลื่อนไหว
เหมือนลู่ฝานกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีนี่อาจเป็นเส้นทางสู่แดนปราณฟ้า เขาค่อยๆ หลับตาลง
หนึ่งบทเพลงจบลง หั่วตันซูปรบมือเบาๆ “งดงาม งดงามเกินคำบรรยาย ลู่ฝาน ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายหวงผู้หญิงคนนี้ ถ้าเป็นฉันก็ไม่มีทางให้คนอื่นได้แตะแม้แต่ปลายผม”
ลู่ฝานลืมตาขึ้น “หัวหน้าเก้าชมเกินไปแล้ว”
หั่วตันซูมองหลิงเหยาอีกครั้ง “น่าเสียดาย ทำไมถึงเป็นนักบู๊”
หลิงเหยายืนก้มหน้าด้านหลังลู่ฝาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ลู่ฝานสัมผัสได้ว่าพลังของหลิงเหยาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดูเหมือนเธอได้ตระหนักรู้เหมือนกัน
เหมือนลู่ฝานนึกอะไรขึ้นได้ นัยน์ตาเขาเป็นประกาย
อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะพลังฟ้าดินของประเทศตันเซิ่งสมบูรณ์เป็นพิเศษ
ตอนมาลู่ฝานตกใจที่พลังฟ้าดินของประเทศตันเซิ่งรุนแรงจนน่ากลัว แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้ตระหนักรู้ ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้แน่ๆ
มิน่าล่ะใครๆ ก็อยากมาประเทศตันเซิ่ง
ที่นี่ไม่ใช่แค่ผลิตยาเทวดา สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการฝึกฝนที่นี่ยังลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนคุ้มค่า!
ลู่ฝานจินตนาการไม่ออกเลย ถ้าตัวเองได้ฝึกฝนอย่างสงบอยู่ที่นี่สักปีสองปี วิทยายุทธจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับไหนกันนะ