หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ - ตอนที่ 14 ฉันไม่ชอบติดหนี้ผู้อื่น
"มี มีอะไรคะ?"
พอมองเขา ฉันก็พูดจาติดๆ ขัดๆ ออกมา
"เธอมีเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนไหม?"
เพียงคำพูดเดียวก็ปลุกฉันให้ตื่นจากพะวัง ฉันเขินจนหน้าแดงเถือก: "ตอน…ตอนมาฉันยังไม่…"
"มานี่" เขาเดินมาทางฉัน ฉันตกตะลึงไปชั่วครู่แล้วจึงรีบเดินตาม
ลู่จือสิงเดินเข้าห้องนอน ฉันไม่ได้เดินเข้าไปด้วย แต่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าเพื่อรอเขา
หลายวินาทีต่อมา เขาก็โยนเสื้อเชิ๊ตตัวหนึ่งมาให้ฉัน
ฉันหน้าแดงอีกแล้ว เสียงของลู่จือสิงดังมา: "อย่าคิดเยอะ เสื้อตัวใหม่"
“……”
"ถ้างั้นฉันขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะประธานลู่"
พูดรัวๆ จบ ฉันก็กอดเสื้อวิ่งประหนึ่งวิ่งหนีใคร เข้าห้องรับแขกไป
แม้จะเป็นห้องรับแขก แต่การตกเเต่งยังหรูกว่าห้องนอนหลักที่บ้านฉันเสียอีก
หลับไปหนึ่งคืน 9โมงเช้าของวันต่อมาจะต้องไปสัมภาษณ์รอบสอง ยังไม่ 7 โมง ฉันก็ตื่นแล้ว
นึกถึงอาการเป็นไข้และปวดท้องของลู่จือสิง ฉันก็เลยไปค้นตู้เย็น หยิบเอาหมูชิ้นหนึ่งมาต้มโจ๊ก ก่อนจะรีบไปสัมภาษณ์
เมื่อวานมีคนสัมภาษณ์ทั้งหมด 30 กว่าคน มาวันนี้เหลืออยู่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
สัมภาษณ์รอบสองเสร็จก็เกือบเที่ยงแล้ว ฉันมายืนรอรถตรงป้ายรถเมล์ได้ครู่เดียว รถของลู่จือสิงก็มาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน: "ขึ้นรถ"
ฉันยืนนิ่ง เขาจึงเปิดประตูข้างคนขับจากในรถออกมา: "อย่าให้ผมต้องพูดเป็นครั้งที่สาม ซูยุ่น ขึ้นรถ!"
น้ำเสียงเขาน่าเกรงขามมากจนฉันคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว ฉันรีบขึ้นรถ ปิดประตู คาดเซฟตี้เบลทันที: "ประธานลู่ ทำไมคุณ….."
"ผมไม่ชอบติดหนี้คนอื่น โดยเฉพาะกับผู้หญิง ผมกินอาหารเช้าที่คุณทำ ดังนั้นผมจะเลี้ยงอาหารกลางวันคุณ"
ฉันพยักหน้าตอบรับ: "ค่ะ"
ลู่จือสิงพูดถูก ฉันจึงไม่แย้งกลับ แต่คิดๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเเปลกๆ พิกล
เมื่อมาถึงทางเข้าร้านอาหาร ฉันถึงคิดออก อย่างมากฉันก็แค่ทำอาหารเช้าให้ ของในนั้นก็ของเขาทั้งนั้น อีกอย่างฉันเองก็กินโจ๊กก่อนออกจากบ้าน พูดไปพูดมา เขาก็ไม่ได้ติดค้างอะไรฉันนิ
ฉันเอนหน้าไปมองเขาแว๊บหนึง สายตาตกอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างที่ดูไม่แยแสของเขา สุดท้ายฉันก็ไม่พูดอะไรออกมา
วันนี้ลู่จือสิงพาฉันมาทานอาหารญี่ปุ่น เพิ่งจะได้นั่ง ฉันก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหู
"ตันตัน ผมสั่งอาหารให้คุณเรียบร้อยแล้ว คุณลองทานดูครับ"
"ไม่เอา คุณต้องป้อนฉัน"
"ได้ ได้ ได้ ที่รัก อ้าปากเร็วครับ"
เป็นเสียงของถันฮ่าวอวี่กับหยาวตันตัน พอนึกถึงความรู้สึกตลอด 4 ปีที่มีให้กันกับถันฮ่าวอวี่ ฉันก็รู้สึกโกรธ และยังโมโหมาก
ชายชั่วหญิงเลวคู่นี้ !
"ไม่ทักทายหน่อยเหรอ?"
ลู่จือสิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยปากถาม ฉันเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างมึนงง เขายกมือขึ้นแล้วเคาะนิ้ว: "สั่งอาหาร"
หยาวตันตันที่นั่งอยู่ข้างหลังของพวกเราเงยหน้าแล้วขมวดคิ้วลุกขึ้น เดินตรงมาที่ฉัน: "ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้? ซูยุ่น เธอมาอยู่กับคุณน้าฉันได้ยังไง?!"
เมื่อนึกถึงคำสบประมาทของเธอ ฉันก็กลั้นไม่อยู่ยิ้มเยาะออกมา: "ทำไมฉันจะมาอยู่ทีนี่ไม่ได้? ที่นี่ก็ไม่ใช่ร้านของเธอนิ ฉันกับประธานลู่อยู่ด้วยกันแล้วยังไงล่ะ? เธอยังเป็นหญิงชู้ ขึ้นเตียงกับแฟนของคนอื่นได้เลยนิ ฉันกับประธานลู่ซึ่งยังไม่ได้แต่งงานกันทั้งคู่จะออกมาทานข้าวไม่ได้เลยรึไง?"
"เธอ!"
หยาวตันตันที่มองมาทางฉันหน้าเขียวปั๊ด ในที่สุดฉันก็เรียนรู้ที่จะตอบโต้กลับโดยฉับไวได้แล้ว ฉันอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก
จู่ๆ เธอก็ยื่นมือมาตรงหน้าฉัน จากนั้นยกกาน้ำชามาราดใบหน้าฉันทันที
ฉันหลบทันที แต่น้ำร้อนก็กระเด็นมาโดยไม่ทันได้คาดคิด พอลืมตาก็เห็นใบหน้าอันเย็นเฉียบของลู่จือสิง เขากำลังจับข้อมือเหยาตันตันเอาไว้: "พี่สาวฉันสอนเธอแบบนี้หรือ?"