หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 522 กระสับกระส่าย
ตอนที่ 522 กระสับกระส่าย
บานประตูภายในห้องถูกผลักให้เปิดออก ชายในชุดขาวผู้แลดูคล้ายชาวบ้านทั่วไปที่ไร้สิ้นพลังปราณผันผวนภายในสืบฝ่าเท้าก้าวเข้ามา
เพิ่งเหลียนยิ่งไม่รู้จักคนผู้นี้ เช่นนั้นจึงนึกประหลาดใจอยู่มิน้อยที่เห็นอีกฝ่ายบุกเข้ามาเช่นนี้
หากแต่เหล่าอารักขาของเพิ่งอขึ้นจึงผู้คล้ายไม่เคยพบเห็นชายผู้นี้เช่นกัน กลับยังคงนิ่งเฉยคล้ายทุกสิ่งอยู่ในภาวะปกติ
บริษในอาภรณ์สีขาวผู้นั้นมุ่งตรงมาที่เพิ่งอวนจึง เขาเข้ามากระซิบบางสิ่งที่ข้างหูชายหนุ่ม
เพียงเท่านั้น สีหน้าของผู้รับฟังพลันแปรเปลี่ยนก่อนน้ําเสียงตื่นเต้นจะย้อนถาม
“ที่กล่าวมา เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน ?”
ชายผู้นั้นผงกศีรษะรับ
“เรื่องสําคัญเยี่ยงนี้ ผู้น้อยไม่กล้าให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้ถึงเก้าในสิบส่วนว่ามันผู้นั้นจะเป็นผู้ให้การรักษาสองพ่อลูกตระกูลโอวหยาง”
ใบหน้าซึ่งมีปกตินิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกของเฟงอวินจึง ยามนี้กลับค่อย ๆ เผยร่องรอยแย้มยิ้มแสดงอาการตื่นเต้น
“เป็นดังที่คาดจริง ๆ การร่วมงานแข่งขันครานี้นับว่าคุ้มค่ากับตระกูลเพิ่งของเรายิ่งนัก”
ชายหนุ่มส่งเสียงออกค่าสั่ง
“พวกเราจะแยกย้ายกันลงมือ ข้าจะคอยรั้งโอวหยางฮ่าวเซวียนไว้บนยอดเขาสลายวิญญาณ ส่วนเจ้าจงหาทางล่อหลอกให้โอวหยางจื้อโซวงเข้ามาในเขตสัตว์อสูรขั้นห้า”
แค่เพียงคิด สองตาของเพิ่งอวินจึงก็ผ่าวร้อนส่งประกายวาววับ
“ทั้งเพื่อความมั่นใจ เจ้าจงหาทางหลอกล่อให้ฮูหยินโอวหยางติดตามเข้ามาด้วย ครานี้ห้ามผิดพลาดเป็นอันขาด”
บุรุษในชุดขาวยกยิ้มก้มศีรษะน้อมรับก่อนกล่าวว่า
“นับเป็นวาสนาของตระกูลเพิ่งเราที่ล่วงรู้ความลับนี้ ทั้งคนผู้นั้นยังปรากฏกายอย่างง่ายดาย เช่นนี้ขอนายน้อยโปรดวางใจผู้น้อยจะจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อยไร้ข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน”
เพิ่งเหลียนยิ่งไม่เข้าใจบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง หากแต่บุรุษในอาภรณ์สีขาวที่แลดูธรรม ดาสามัญคล้ายไร้พลังฝีมือใด แท้จริงสมควรเป็นผู้พิทักษ์เจิดจรัสประจําตระกูลเฟิงยามนี้เขา เพียงเก็บงําพลังปราณฝีมือของตนมิให้ผู้ใดล่วงรู้
ผู้พิทักษ์ในเงามืด และผู้พิทักษ์เจิดจรัสล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังยุทธขั้นห้า ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ เพียงไม่อาจรู้ได้ว่าด้วยเหตุใดเขาจึงปลอมแปลงกายแอบแฝงเข้ามาในเทือกเขาสลายวิญญาณแห่งนี้
หากแต่ความสนใจของเพิ่งเหลียนยิ่งยามนี้พลันถูกย้ายกลับมาอยู่ที่แผ่นป้ายในมือของตน
หึหึหึ ยังจะมีสิ่งใดสําคัญยิ่งไปกว่าการหาทางกําจัดคนสารเลวซีเยวผู้นั้นอีกเล่า
คล้อยบ่าย งานประชันฝีมือล่าสัตว์ของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เดิมที่ เทียบเชิญย่อมต้องถูกส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเปลี่ยนคืนเป็นแผ่นป้ายส่งตัวทว่าใน ตอนนั้น เทียบเชิญของเกอซีถูกทหารองครักษ์เก็บริบไปเนื่องเพราะข้อกล่าวหาสังหารองค์ชายสาม เช่นนั้นนางจึงมิได้รับแผ่นป้ายส่งตัว
และแน่นอนว่า ย่อมคงเหลือยอดฝีมือบางส่วนที่เพิ่งมาถึง จึงยังมิได้เปลี่ยนเทียบเชิญเป็นแผ่นป้ายส่งตัวเช่นนั้นทุกคนจึงถูกนําตัวมารับแผ่นป้ายกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
เกอซีรับแผ่นป้ายจากชายผู้นั้น ทว่าเพียงแผ่นป้ายสัมผัสมือ ปลายนิ้วของนางพลันรู้สึกเจ็บแปลบ ครั้นเมื่อก้มลงมอง จึงเห็นคราบโลหิตสีแดงติดอยู่ที่ปลายนิ้วชี้
ครั้นชายผู้นั้นเห็นคราบโลหิต เขาพลันรีบยื่นหน้าเข้าช่วยตรวจดูพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพอ่อนโยน
“หลายปีมานี้ ยอดฝีมือต่างให้ความสําคัญเข้าร่วมงานประชันฝีมือมากขึ้นทุกปี ป้ายหยกจึงตระเตรียมแทบไม่ทัน เห็นทีแผ่นป้ายชุดนี้น่าที่จะเป็นชุดสุดท้าย เร่งรีบเกินไปเจียรคมหยกไม่เรียบนิท คุณภาพงานจึงหยาบ บาดผิวโดยง่าย”
ครั้นเมื่อเกอซีกวาดตามองยอดฝีมือท่านอื่น ก็ยังพบอีกหลายคนถูกเสี้ยนไม่บาดมือเช่นกันหากแต่ไม่มีผู้ใดแสดงอาการผิดปกติแต่ประการใด
หญิงสาวขมวดคิ้วขณะส่งกระแสจิตลงสํารวจภายในใจ นางไม่พบสิ่งผิดแปลกใดจึงหลีกจากไปพร้อมแผ่นป้ายหยกในมือ
กระนั้นกลับไม่อาจระงับความรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ ลางสังหรณ์คล้ายกระตุ้นเตือนบ่งบอกลางร้ายที่กําลังจะบังเกิด
เกอซีควักแผ่นป้ายขึ้นสํารวจดูอีกครา หรือแผ่นป้ายนี้จะมีปัญหาจริง ๆ ?
บุรุษวัยกลางคนแสยะยิ้มขณะส่งสายตามองตามแผ่นหลังของเกอซี ก่อนรอยยิ้มบนใบหน้าจะเลือนหายกลับกลายเป็นความตื่นเต้นเร้าใจแทนที่
***จบตอน กระสับกระส่าย***