หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1022 ขว้างหนูกระทบสิ่งของอื่น[1] (1)
ตอนที่ 1022 ขว้างหนูกระทบสิ่งของอื่น[1] (1)
“เนี่ยนหย่วน”
ในค่ายทหาร เนี่ยนหย่วนในชุดสีขาวเดินเข้ามาเชื่องช้า ด้านหลังมีน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา เนี่ยนหย่วนหันกลับไป มองเห็นลิ่นฉังเฟิงที่ราวกับพายุพุ่งเข้ามาหาตนเอง ในตอนที่เข้ามาใกล้ สายตาของลิ่นฉังเฟิงพลันเปลี่ยน เตรียมยกมือตบลงไปบนหน้าอกของเนี่ยนหย่วน เนี่ยนหย่วนไม่ขยับ ทว่าคนด้านหลังของเขาขยับแล้ว
ชายที่มีลักษณะเหมือนองครักษ์มาขวางอยู่ตรงหน้าเนี่ยนหย่วน ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นปัดป้องฝ่ามือของลิ่นฉังเฟิง ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยัน ไม่ลังเลละทิ้งเนี่ยนหย่วนและฟาดฝ่ามือลงไปยังองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นเองก็ไม่ได้อ่อนแอ ชั่วพริบตาทั้งสองพลันต่อสู้กันไปกว่าสิบเจ็ดสิบแปดกระบวนท่ายังไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ ก้าวถอยหลังไปพร้อมกันหยุดชั่วขณะ
ด้านหลัง คุณชายเสียนเกอเดินตามมาไม่ช้าไม่เร็ว มองเห็นคุณชายเสียนเกอองครักษ์คนนั้นเดินเข้ามาบังอยู่ด้านหน้าเนี่ยนหย่วนทันที เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับคุณชายฉังเฟิง เขาระแวดระวังคุณชายเสียนเกอมากกว่า
เนี่ยนหย่วนมองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “คุณชายฉังเฟิง คุณชายเสียนเกอ ทั้งสองท่านหมายความเยี่ยงไรหรือ”
เสียนเกอยิ้ม เอ่ย “อ่า ไม่มีอันใด ได้ยินมาว่าหลายวันมานี้ไต้ซือเนี่ยนหย่วนถูกลอบสังหารอยู่หลายครั้ง คุณชายฉังเฟิงเป็นห่วง เลยต้องมาดู ดูแล้วองครักษ์ข้างกายไต้ซือเนี่ยนหย่วนฝีมือไม่เลว ความกังวลของคุณชายฉังเฟิงเหมือนจะไม่มีความจำเป็นแล้ว” ลิ่นฉังเฟิงหยุดมือ เอ่ยเสียงเรียบด้วยรอยยิ้มเย็น “จะว่าไปก็ใช่ ข้างกายไต้ซือเนี่ยนหย่วนมีผู้มีวรยุทธ์สูงส่งมากมาย ไม่จำเป็นต้องให้เราเป็นห่วง”
นี่เท่ากับว่าเป็นการชี้ช่องโหว่ เนี่ยนหย่วนเป็นที่ปรึกษาให้เยี่ยนอ๋อง นอกจากนี้แล้วก็เป็นเพียงพระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่งนั้น คนเช่นนี้ไยต้องซ่อนยอดฝีมือเอาไว้มากมาย เพียงแต่เนี่ยนหย่วนไม่ได้อธิบาย เพราะไม่จำเป็นต้องอธิบายอันใด ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ตัวตนและเป้าหมายของกันและกันแล้ว สิ่งที่อีกฝ่ายคาดเดาไม่ได้คงเป็นเพียงไพ่ตายของกันและกันเท่านั้น และเป็นเพราะจุดนี้ ราวกับเป็นชั้นบางๆ ที่มองไมเห็น เพียงออกแรงเล็กน้อยก็สามารถแตกสลายได้ตลอดเวลา
ไม่เอ่ยไม่ได้เลยว่าเนี่ยนหย่วน…หรือกงอวี้เฉินนั้นมีโชคชะตาไม่เลว หากมีความมั่นใจเพียงเรื่องที่เยี่ยนอ๋องได้รับพิษรวมไปถึงแผนการลอบสังหารเหล่านั้น เยี่ยนอ๋องและเว่ยจวินมั่วก็คงไม่หวาดระแวงเขา อย่างไรเสียนเกอก็หาวิธีถอนพิษให้เยี่ยนอ๋องได้แล้ว แต่แผนการที่ลอบวางเอาไว้เหล่านั้น ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่อาจบอกได้ ทว่าตอนนี้เขากลับจับตัวเยาเยาไป นั่นทำให้สถานการณ์ที่ควรเอนเอียงไปทางเว่ยจวินมั่วกลับต้องชะงักค้าง และกงอวี้เฉินก็มีสิทธิ์เข้าร่วมหมากเกมนี้ต่อไป แน่นอนนี่เป็นสิ่งที่อันตราย นอกจากกงอวี้เฉินเกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเข้ามาอยู่ร่วมในค่ายศัตรูเพียงเพราะมีหมากเช่นนี้ อย่างไรเสียหากเว่ยจวินมั่วหรือเยี่ยนอ๋องโหดร้ายสักหน่อย ยอมตัดเยาเยาทิ้งล่ะก็ กงอวี้เฉินอาจจะมีเพียงความตายเท่านั้น ต่อให้โชคดีไม่ตาย ก็คงถูกตามล่าทั่วทั้งยุทธภพ
เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ขอบคุณที่ทั้งสองท่านเป็นกังวล อาตมายังสบายดี ท่านอ๋องใกล้บุกโจมตีจินหลิงแล้ว แทนที่ทั้งสองท่านจะเป็นห่วงอาตมา มิสู้เป็นห่วงเรื่องการรบไม่ดีกว่าหรือ”
ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยันอย่างไม่พอใจ เรื่องการรบเกี่ยวอันใดกับเขาเล่า
“เมื่อครู่ไต้ซือออกไปข้างนอกหรือ”
เนี่ยนหย่วนตกใจ “หรือว่าอาตมาออกไปข้างนอกมิได้หรือ” เขาเป็นที่ปรึกษาของเยี่ยนอ๋อง ไม่ใช่นักโทษของกองทัพ
“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าเพียงรู้สึกว่าตอนนี้ด้านนอกอันตราย ไต้ซือออกไปข้างนอกให้น้อยจะดีกว่า” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยเสียงเย็น
เนี่ยนหย่วนหัวเราะ “เป็นตายแล้วแต่โชคชะตา ขอบคุณคุณชายฉังเฟิงที่เป็นห่วง เพียงแต่…อาตมาสามารถออกไปข้างนอกให้น้อยได้ เพียงกลัวว่าแมวน้อยที่อาตมาเลี้ยงเอาไว้จะหิวตาย นั่นคงไม่มีโทษกระมัง” ลิ่นฉังเฟิงหรี่ตาลง เนิ่นนานจึงพยักหน้า เอ่ย “ไต้ซือเอ่ยถูกแล้ว”
คุณชายเสียนเกอมองเนี่ยนหย่วนพร้อมหัวเราะ ดวงตาคู่นั้นกลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม ได้ยินเนี่ยนหย่วนเอ่ย “หลายวันก่อนได้ฟังเพลงฉินของคุณชายเสียนเกอ อาตมาได้บรรลุลึกซึ้ง ต้องขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ” เสียนเกอเอ่ยเสียงเรียบ “ไต้ซือเกรงใจแล้ว เพียงดีดไปตามสิ่งที่อยากดีดก็เท่านั้น”
เนี่ยนหย่วนพยักหน้า “อาตมายังมีธุระ คงต้องขอตัวแล้ว”
“เชิญ ไม่ส่ง”
มองตามเนี่ยนหย่วนเดินจากไป คุณชายฉังเฟิงกัดฟัน “พระชั่วนี่ กล้าข่มขู่ข้า”
คุณชายเสียนเกอยิ้มอย่างจนใจ “ขว้างหนูกระทบสิ่งของอื่น นอกจากยอมรับการข่มขู่ของเขาแล้วทำอย่างไรได้เล่า” ไม่เพียงลิ่นฉังเฟิง เขาเองก็ถูกเนี่ยนหย่วนข่มขู่เหมือนกันมิใช่หรือ ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “เยาเยาตกไปอยู่ในมือกงอวี้เฉินแล้ว ยิ่งยากขึ้นไปอีก”
เสียนเกอส่ายศีรษะ เอ่ย “เรื่องราวคงไม่แย่ไปกว่านี้ เขาคิดจะใช้เยาเยามาบีบบังคับเรา แน่นอนว่าจะไม่ทำร้ายเยาเยา” ตัวประกันขอเพียงมีชีวิตก็มีคุณค่า
“จับหนานกงไหวได้แล้วหรือ”
ลิ่นฉังเฟิงส่ายศีรษะ “เขาหนีไปได้”
“วังจื่อเซียวช่างไร้ประโยชน์เสียจริง” คุณชายเสียนเกอเอ่ยอย่างไมเกรงใจ
ลิ่นฉังเฟิงโมโหขึ้นมา “กงอวี้เฉินวางกำลังซุ่มโจมตีจำนวนมากในบริเวณโดยรอบ ท่านคิดว่าเราได้ข่าวแล้วรีบไปที่นั่นแล้วจะทำอันใดได้ เขากับหนานกงไหวคงจะนัดแนะกันมาก่อนแล้วว่าไปเจอกันที่ใด” คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้ว “นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้ว่าเยาเยาถูกจับตัวไปภายใต้สายตาของพวกเจ้า”
ลิ่นฉังเฟิงเงียบไม่เอ่ยวาจา เสียนเกอถอนหายใจออกมา “เว่ยจวินมั่วและมั่วเอ๋อร์จะมาถึงเมื่อใด”
ลิ่นฉังเฟิงลูบจมูก “คงจะใกล้ถึงแล้ว” เขาต้องคิดดูก่อนว่าจะอธิบายกับเว่ยจวินมั่วและซิงเฉิงจวิ้นจู่อย่างไร
อีกด้านหนึ่ง เนี่ยนหย่วนกลับมาถึงกระโจมของตน นึกถึงเมื่อครู่ที่เจอสองคนอยู่ด้านนอก มุมปากยกยิ้มขึ้น
“เจ้าสำนัก พวกเราต้องอยู่ต่อหรือไม่ขอรับ” ด้านข้าง องครักษ์เอ่ยถามเสียงเบา เกรงว่าคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่คงใกล้จะถึงแล้ว ถึงตอนนั้น…” เนี่ยนหย่วนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าคิดว่า ตอนนี้เว่ยจวินมั่วกล้าลงมือกับข้าหรือ”
“…” ต่อให้คุณชายเว่ยไม่กล้าลงมือสังหาร ถูกตีจนเกือบตายก็ไม่แน่นะ
เนี่ยนหย่วนนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเชื่องช้า เอ่ย “ช่างเถิด มีเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วอยู่ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะราบรื่นเพียงนี้”
“เช่นนั้นพวกเรา…”
เนี่ยนหย่วนหมุนลูกประคำในมือเล่น เอ่ยเสียงเรียบ “เตรียมตัวสักหน่อย ถอนกำลังเถิด ดูเหมือนว่าตัวตนนี้อาจจะใช้ไม่ได้อีกแล้ว น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดาย เพียงแต่ ก่อนจะไป…ยังทำอันใดได้บางอย่าง ในเมื่อเยี่ยนอ๋องไม่จำเป็นต้องมีข้าที่ปรึกษาคนนี้ เช่นนั้นก็ช่างเถิด น่าเสียดายหลายปีที่อยู่ในกองทัพ บอกเสี่ยวเตี๋ย นางควรลงมือได้แล้ว”
องครักษ์ลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “นิสัยของคุณหนู…” นิสัยของคุณหนู เรื่องสำเร็จไม่พอเรื่องพ่ายแพ้มีเหลือเฟือ นั่นเป็นคำวิจารณ์สำหรับนาง
เนี่ยนหย่วนไม่สนใจ “บอกเสี่ยวชีก็พอแล้ว นางรู้ว่าควรทำเช่นไร จริงสิ…ส่งคนไปบอกเสียวจิ่ว ดูแลเด็กน้อยนั่นให้ดี”
“ขอรับ” องครักษ์พยักหน้า ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยถาม “เด็กผู้ชายคนนั้น…” ยังมีซังเจี้ยวที่พวกเขาพากลับมาด้วย แน่นอนการดูแลซังเจี้ยวไม่ได้ดีเหมือนเยาเยา เพียงโยนเขาไปในห้องขังไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน เนี่ยนหย่วนยิ้ม เอ่ย “วิธีของหนานกงไหวไม่เลว หลังจากนี้ให้พวกเขาเจอกับทุกๆ สิบวัน เวลาอื่น…ทางที่ดีให้เชื่อฟังจะดีกว่า”
[1] ขว้างหนูกระทบสิ่งของอื่น ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ลูบหน้าปะจมูก หมายถึงทำอะไรเด็กขาดหรือจริงจังไม่ได้ เพราะกลัวไปกระทบกับพวกพ้องของตน