หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 491 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (2)
ตอนที่ 491 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (2)
เสนาบดีกรมคลังได้ยินพระราชโองการนี้ก็แทบจะร้องไห้ออกมา เชลยพวกนั้นในตอนนั้นนอกจากส่งไปเป็นทาสในค่ายทหารแล้ว ก็ถูกเอาในขายไปเป็นทาสในจวนต่างๆ แล้ว ถึงแม้กรมคลังจะลงทะเบียนไว้ ทว่าผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว หากจะสืบหาอย่างละเอียด คงทำให้คนสืบเหนื่อยตายพอดี
เพียงแต่ว่าไม่มีใครกล้าขัดพระราชโองการของฮ่องเต้ ต่อให้ต้องเหนื่อยตาย ก็ย่อมดีกว่าทำให้ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธจนถูกถีบออกจากประตูอู่แน่นอน
ยังไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าขุนนางในกรมคลังว่ายุ่งเพียงใด แค่กล่าวถึงจวนติ้งโหวเสียศพในวันนี้ หวางฮูหยินแห่งตระกูลเหยา หนิงฮูหยินน้อย เหยาฮูหยินจวนแม่ทัพฝู่กั๋ว หร่วนฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้งไห่โหว ตระกูลเฟิง ตระกูลซุน จวนเจิ้นกั๋ว และเหล่าฮูหยินจากตระกูลกงโหวอื่นๆ ต่างก็มาร่วมกันส่งศพของสองสามีภรรยาแห่งจวนติ้งโหวที่ล่วงลับไปในเดือนและปีเดียวกัน
ฮ่องเต้ทรงอักษรกลอนคู่เพื่อไว้อาลัยผู้ถึงแก่กรรม วิญญาณวีรชนผู้พลีชีพเลื่องลือไปตลอดกาล ชื่อเสียงดีงามพันปีสู่ดาวประกายพรึก เหิงจวิ้นอ๋องเป็นผู้ประกอบพิธีเซ่นไหว้
จวนเยี่ยนอ๋อง จวนจิ่นอ๋อง จวนเฉิงอ๋องและจวนอ๋องอื่นๆ ต่างสร้างเพิงส่งศพไว้ข้างทาง เหล่าซื่อจื่อจากจวนต่างๆ เป็นตัวแทนบิดาไปส่งดวงวิญาณสองสามีภรรยาติ้งโหวไปสู่สรวงสวรรค์ จึงทำพิธีโรยสุรา เขียนกลอนคู่ไว้อาลัย ตอนที่รอให้โลงศพของสองสามีภรรยาคู่นี้ออกจากประตูเมืองหลวงและร่ำลากับเหล่าญาติมิตรเสร็จ เมฆสีก็เต็มนภาแล้ว
รอให้ขบวนส่งดวงวิญญาณของจวนติ้งโหวออกจากประตูเมืองหลวง รถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่และเหล่าญาติมิตรคนอื่นก็เดินทางกลับจวนของตนเอง
วันนี้เหยาเยี่ยนอวี่ยุ่งตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงแม้หร่วนฮูหยินจะช่วยจัดการหลายเรื่องเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่ต้องเหยาเยี่ยนอวี่คอยกังวล ทว่าแค่เสวนากับคนพวกนี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว หากทำได้ เหยาเยี่ยนอวี่หวังเป็นอย่างมากว่าจะเฝ้ารอดูผลการทดลองในสำนักแพทย์ ก็ไม่อยากจะมาร่วมกิจกรรมทางสังคมเช่นนี้
ตอนที่รถม้าจอดลง เหยาเยี่ยนอวี่พิงหมอนนุ่มนอนหลับไปแล้ว โดยปกติแล้ว ตอนที่รถม้าหยุดโงนเงน นางก็จะลืมตาขึ้นอย่างสะลืมสะลือ แล้วถามขึ้น “ถึงจวนแล้วหรือ”
เซียงหรูที่อยู่ด้านข้างพูดด้วยเสียงต่ำ “ฮูหยิน เหิงจวิ้นอ๋องตรัสว่ามีเรื่องจะเสวนากับฮูหยินเจ้าค่ะ”
“เหิง…จวิ้นอ๋อง? มีธุระกับแม่ทัพหรือเปล่า บอกท่านอ๋องว่าแม่ทัพไม่อยู่ในรถม้า” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว ตนเองกับเหิงจวิ้นอ๋องไม่เคยไปมาหาสู่กันอะไร เขาจะมีเรื่องอะไรมาเสวนาด้วยเล่า
เซียงหรูอธิบายด้วยเสียงเบาอีกครั้ง “ไม่ได้มาหาแม่ทัพเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบอกว่า เหิงจวิ้นอ๋องอยู่ร้านมังสวิรัติซูเย่ว์ทางฝั่งโน้น บอกว่าเชิญคุณหนูไปลิ้มลองน้ำชาและของว่างที่ร้านมังสวิรัติซูเย่ว์เจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่มองเซียงหรูด้วยความสงสัย พลางยื่นมือไปเลิกม่านหน้าต่างมองออกไปด้านนอก เห็นผู้เฒ่าใบหน้าขาวผ่องไร้หนวดที่อยู่ในชุดผ้าต่วนสีเทายืนอยู่นอกรถม้า หลังจากเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ สองมือยื่นป้ายหยกมาหนึ่งอัน ป้ายหยกเนื้อโปร่งใสสลักลายลูกปัดมังกรคู่ ตรงกลางสลักตัวอักษร ‘เหิง’
เหิงจวิ้นอ๋องนั่งอยู่ในห้องเหมาที่หรูหราที่สุดในร้านร้านมังสวิรัติซูเย่ว์ แล้วกำลังลิ้มลองชาใหม่ปีนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่เข้าประตู ผู้เฒ่าคนนั้นก็ปิดประตูหายตัวไปทันที ทันใดนั้นในเรือนก็เหลือเพียงเหิงจวิ้นอ๋องและเหยาเยี่ยนอวี่เพียงสองคน
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่สวมเสื้อผ้าสีเรียบ แล้วกำลังโค้งคำนับ
“หมอหลวงเหยา เชิญนั่งเถอะ” เหิงจวิ้นอ๋องยกมือสื่อให้เหยาเยี่ยนอวี่นั่งตรงข้ามตนเอง พร้อมทั้งยื่นถ้วยน้ำชาอันหอมกรุ่น “ลองชิมชาที่เปิ่นอ๋องชงดู”
หลังจากเหยาเยี่ยนอวี่ค้อมตัวขอบคุณพลางนั่งลงแล้ว ก็รับถ้วยชาแก้วอันประณีตไว้ หลังจากดมกลิ่นหอม ลิ้มลองรสชาติ และได้รสชาติที่ติดลิ้นแล้ว จากนั้นยิ้มจางๆ “ชาเหมาเฟิงจากยอดเขา รสชาติหอมหวาน เป็นชาชั้นดีที่หายาก”
“หมอหลวงเหยาเหมือนพี่สาวตนเองเลย เป็นยอดฝีมือลิ้มลองชาจริงๆ” เหิงจวิ้นอ๋องยิ้มจางๆ พลางลิ้มรสชาของตนเองไป
ตั้งงแต่ที่เหยาเยี่ยนอวี่เห็นป้ายหยกเหิงอ๋องก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ว่า เหตุใดท่านอ๋องผู้นี้ถึงเชิญตนเองมาร้านซูเย่ว์อย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ทว่าขบคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ จนถึงตอนนี้ที่ได้ยินคำว่า ‘พี่สาว’ จู่ๆ นางก็เหมือนได้บุญถึงจิตใจ จึงเข้าใจขึ้นมาทันที
“ท่านอ๋องสนิทกับพี่สาวข้าอยู่หรือ” หลังจากจับจุดม่ายเหมิน เหยาเยี่ยนอวี่ก็สงบจิตใจลงได้ อย่างน้อย ดูจากสีหน้าตอนที่ท่านอ๋องผู้นี้กล่าวถึงพี่สาวตนเอง ถึงแม้จะดูโดดเดี่ยว ทว่ากลับไม่ได้ดูแค้นเคืองอะไร
“หลายปีก่อนข้าไปสะสางราชกิจที่เจียงหนานตามพระราชโองการของเสด็จพ่อ บังเอิญเจอกับพี่สาวของเจ้า เลยมีโอกาสลิ้มลองชาด้วยกัน” เหิงจวิ้นอ๋องยกยิ้มจางๆ รอยยิ้มนั้นเหมือนสุขที่รสชาตินั้นยังคงติดลิ้น “ตอนนั้นได้ดื่มชาจากสวนตระกูลเหยาของพวกเจ้า กลิ่นชาชนิดนั้นหอมเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้เปิ่นอ๋องยังอดเฝ้าคะนึงถึงรสชาตินั้นไม่ได้เลย”
เหยาเยี่ยนอวี่อดยิ้มเบาๆ ไม่ได้ ภายในใจกำลังคิดว่าคำพูดเหล่านี้ควรบอกเฟิ่งเกอก่อนที่นางยังไม่ออกเรือนหรือเปล่า ว่าไปแล้วนี่ก็คงผ่านไปไม่น้อยกว่าหกเจ็ดปีแล้ว ชาของตระกูลพวกเราหอมมากเพียงใดกันเชียว ถึงกับทำให้เหิงจวิ้นอ๋องเฝ้าคะนึงมาหลายปีเช่นนี้
เหิงจวิ้นอ๋องมองสตรีนั่งตรงข้ามยิ้มด้วยเสียงเบา เขาไม่เห็นรอยยิ้มที่มาจากใจเช่นนั้นมานานแล้ว ถึงแม้ดวงหน้าของนางจึงไม่เหมือนดวงหน้าของสตรีในฝัน แค่ตอนที่พวกนางแย้มยิ้มก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง
จู่ๆ เขาก็จับจ้องนางไว้ แล้วดื่มชาจนหมดถ้วย
เหยาเยี่ยนอวี่โดนสายตาของเหิงจวิ้นอ๋องจับจ้องจนอยู่ไม่เป็นสุข เลยยื่นมือไปเอาเหยือกน้ำมาชงชา จากนั้นก็รินน้ำชาให้กับเขาและเติมให้กับตนเอง แล้วค่อยหุบยิ้มพลางยกถ้วยชาและเอ่ยถามด้วยเสียงเบา “ท่านอ๋องตามหม่อมฉันมาเวลานี้ เพียงต้องการให้ลิ้มรสชาที่ติดลิ้นเมื่อหลายปีก่อนหรือ”
เหิงจวิ้นอ๋องยิ้มมุมปาก “หมอหลววงเหยาไม่ใช่สตรีทั่วไปอย่างที่คาดจริงๆ”
เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ้มตามไปด้วย “ท่านอ๋องได้โปรดยกโทษที่หม่อมฉันโง่เขลา เดาความหมายโดยนัยของท่านอ๋องไม่ออกจริงๆ ท่านอ๋องได้โปรดอธิบายเพคะ”
“ก็ได้ ไหนๆ หมอหลวงเหยาเป็นคนตรงไปตรงมา เช่นนั้นเปิ่นอ๋องจะพูดตรงๆ” เหิงจวิ้นอ๋องมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยรอยยิ้มชื่นบาน พลางถามว่า “เปิ่นอ๋องได้ข่าวว่า หมอหลวงเหยาและพี่สาวสร้างโรงงานกระจกที่เมืองเจียงหนิงหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างจนปัญญา “ท่านอ๋องได้ข่าวไวยิ่งนัก”
เหิงจวิ้นอ๋องปั้นหน้าเย้ยหยัน แล้วพูดยิ้มๆ “โรงงานกระจกเป็นเรื่องใหญ่เช่นนั้น เปิ่นอ๋องไม่รู้ถึงจะยาก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ จืดจางไป แล้วมองเขาด้วยแววตาที่นิ่งเฉยโดยตรง รอให้เขาพูดต่อ
“หมอหลวงเหยาไม่ต้องคิดมาก เปิ่นอ๋องแค่รู้สึกว่า ไหนๆ โรงงานกระจกมีเรื่องอันตราย เช่นนั้น วันข้างหน้าก็อย่าสร้างโรงงานในเขตตัวเมืองจะดีกว่า ขืนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอีก จะได้ไม่ต้องไปทำร้ายผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
เหยาเยี่ยนอวี่วางถ้วยชาลงพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง พร้อมตอบกลับด้วยความเคารพ “ท่านอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องเพคะ”
เหิงจวิ้นอ๋องยกมืออีกครั้ง พลางพูดยิ้มๆ “เจ้านั่งก่อน เปิ่นอ๋องพูดคำนี้ไม่ได้คิดจะไถ่ถามความผิด เพียงต้องการเสนอความเห็นเท่านั้น”
“เหยาเยี่ยนอวี่เชิญท่านอ๋องเสนอเพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่จะนั่งลงได้อย่างไร เดิมทีนางยังคิดว่าเหิงจวิ้นอ๋องมีเยื่อใยอะไรกับเฟิ่งเกอหรือเปล่า แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว ตนเองคงจะไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ
“โรงงานของเจ้าเกิดเรื่อง ทว่าสินค้าที่ราชวังสั่ง ก็ควรส่งให้ตรงเวลาหรือเปล่า” เหิงจวิ้นอ๋องเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ทำท่าทางป้องกันตน จึงหลุดยิ้มพลางส่ายหน้า
เหยาเยี่ยนอวี่ตอบกลับ “เพคะ ทว่าท่านอ๋องวางพระทัยเถอะ นอกเมืองยังมีโรงงานอีกหนึ่งที่ สินค้าที่วังหลวงต้องการ น่าจะไม่ล่าช้าเพคะ”
“นั่นเป็นธุรกิจของเจ้ากับฮูหยินจิ้งไห่โหว ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”