หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 490 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (1)
ตอนที่ 490 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (1)
เพียงแต่ว่าคังผิงเพิ่งจะออกจากประตูไป หย่าจวิ้นก็รีบลุกขึ้นนั่ง “มานี่ที”
เสียงออกคำสั่งอันทุ้มต่ำและเลือดเย็นดังขึ้น หลังฉากกั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งรีบเดินออกมาทันที จากนั้นโค้งคำนับ “นายท่านมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ”
“หญิงแพศยาคนนี้กลับส่งคนไประเบิดโรงงานกระจกกระนั้นหรือ!” หยาจวิ้นตวาดด้วยเสียงโมโห
ชายหนุ่มรีบตอบกลับด้วยเสียงเบา “เรียนนายท่าน บ่าวก็เพิ่งได้รับข่าวมา คนของวกเราที่แฝงตัวอยู่ในนั้น หนึ่งคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอาการอีกสองคนไม่ค่อยหนักมากขอรับ ตอนนี้ต่างอยู่ในจวนแม่ทัพฝู่กั๋ว เพราะว่าจวนแม่ทัพรักษาความปลอดภัยอย่างดี จึงไม่สะดวกสื่อสารกับพวกเขาขอรับ”
“มือไม่พาย ยังเอาเท้าราน้ำ!” หยาจวิ้นเครียดจนกวาดถ้วยน้ำแกงที่อยู่ข้างมือหล่นลงบนพื้น
“นายท่านได้โปรดใจเย็น บ่าวได้ข่าวว่าพวกเขาถูกส่งตัวเข้าไปรักษาอาการที่จวนแม่ทัพขอรับ รอให้แผลหายดีต้องได้ออกมาแน่นอน อีกอย่าง นี่ก็เป็นโอกาสของพวกเรา เช่นนี้อย่างน้อยก็รู้ได้ว่าจวนแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง”
“โง่เขลาดักดาน!” หยาจวิ้นสบถหยาบด้วยความโมโห “เจ้าเห็นว่าเว่ยจางโง่เง่าหรือ! สามคนนี้เกรงว่าพวกเราคงรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว ปกติใครเป็นคนติดต่อพวกเขา รีบหาวิธีจัดการให้สิ้นซาก! อย่าทิ้งร่องรอยไว้เด็ดขาด! มิเช่นนั้น พวกเราคงไม่ได้อยู่ตำหนักองค์หญิงต่อแน่!”
“นี่…” ชายหนุ่มคนนั้นยังค่อนข้างลังเล
“รีบไปจัดการสิ!” เสียงตะโกนของหยาจวิ้นดังสนั่นไปทั่วเรือน
“ขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“ไอ้พวกโง่!” หยาจวิ้นมองชายหนุ่มคนนั้นที่ถอยออกไป แล้วใช้มือยกโต๊ะด้านข้างจนพลิกคว่ำ พลางสบถหยาบอย่างโมโห “เจ้ามันไอ้สวะ!”
ทั้งเรือนเกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที คุณชายรูปงามที่กระดูกข้อมือและน่องหักกำลังปั้นหน้าเหี้ยมเกรียม เขาแทบอยากจุดไฟเผาทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อระบายความแค้นเคืองในใจ
ความรู้สึกกังวลของหยาจวิ้นไม่ได้น้อยลง ทว่าจวนแม่ทัพในตอนนี้ ภายนอกอาจดูเหมือนไม่แตกต่างอะไรจากวันวาน แม้กระทั่งยังยุ่งวุ่นวายกว่าปกติ เพียงแค่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดกว่าก่อนหน้านี้เท่านั้น หากใครที่มีพิรุธในใจ ก็มักรู้สึกมีคนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ทีแรกเว่ยจางก็คือยอดฝีมือในการวางแผนป้องกันอย่างกวดขันอยู่แล้ว แค่ดูจากชื่อบ้านสวนเล็กๆ ที่เหยาเยี่ยนอวี่ซื้อในตอนแรกก็รู้แล้วว่า…บ้านสวนลิ่วหรู
อะไรคือลิ่วหรู? นั่นคือแก่นสารของตำราพิชัยสงคราม ว่องไวดั่งสายลม เงียบสงบดั่งผืนป่า ดุดันดั่งไฟ รอบรู้ดั่งเงา มั่งคงดั่งภูเขา เคลื่อนไหวดั่งสายฟ้า
จวนแม่ทัพเป็นที่อยู่อาศัยของเว่ยจาง และเป็นจวนเก่าแก่ที่ปู่ของเขาเคยอาศัยอยู่ ถึงแม้จะต่อเติมและแปลงโฉมใหม่ ทว่าโครงสร้างโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย จวนแห่งนี้ดูๆ แล้วค่อนข้างกว้างขวาง แม้กระทั่งดูเรียบโล่ง ทว่าอันที่จริงทุกซอกทุกมุมกลับสร้างขึ้นอย่างประณีต แค่ต้องจัดวางกำลังป้องกันตามจุดสำคัญ แค่นี้ทั้งจวนก็เหมือนอยู่ในสายตาตลอดเวลาแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือเหล่าช่างในโรงงานกระจก ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง ได้รับบาดเจ็บหนักหรือเบา ก็ถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดี ทุกคนถูกแม่ทัพเว่ยถามไถ่ถึงอาการด้วยตัวเอง แน่นอน แม่ทัพเว่ยมาถามอาการด้วยตัวเอง ก็เพื่อที่จะสืบหาว่าใครคือคนชาวเกาหลี ส่วนคนที่ไม่รู้ประวัติอย่างชัดเจนก็จะถูกนำตัวไปอยู่อีกเรือนตามลำพัง
ความเร็วอันเกินความสามารถของมนุษย์และอานุภาพของแม่ทัพเว่ยก็ปรากฎออกมา เขาเพียงแค่ใช้สองสามชั่วยามก็สืบหาว่าต้นตอเรื่องนี้เกิดจากเหลียงซือเชียน ทว่าท่าทีของอีกฝ่ายนั้น เขาก็ไม่ควรดูหมิ่น ตอนที่คนของเว่ยจางไปถึง คนคนนั้นกลับตายไปแล้ว
ฟังถังเซียวอี้พูดจบ หัวคิ้วของเว่ยจางค่อยๆ ชนกัน
“แม่ทัพ ข้าไปสืบหามาแล้ว คนพวกนี้รอบคอบมาก พวกเขาติดต่อส่งสารทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น”
“คนคนนั้นตายไปได้อย่างไร”
“กินยาพิษ” ถังเซียวอี้พูดจบก็เสริมต่ออีกประโยค “ทว่าอาจจะไม่ใช่การฆ่าตัวตาย มีความเป็นไปได้ที่ถูกคนอื่นฆ่า”
“ไปสืบดูว่านางมีญาติอื่นๆ หรือไม่ คนคนนี้เข้าไปในจวนไท่ฉื่อลิ่งได้ ต้องไม่ใช่ทหารที่มีฝีมือธรรมดาแน่นอน”
“ได้ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ถังเซียวอี้ตอบกลับพลางหันหลังกำลังเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” เว่ยจางทำนัยน์ตาเย็นชา น้ำเสียงยิ่งทุ้มต่ำยิ่งช้ากว่าเดิม “เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับตำหนักองค์หญิงคังผิงแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะสืบถึงไหน สุดท้ายก็ต้องชี้ความผิดไปให้นางแน่นอน”
ถังเซียวอี้ตะลึงงันเล็กน้อย แล้วเข้าใจขึ้นมาทันที “ขอรับ เข้าใจแล้ว แม่ทัพวางใจเถอะ”
และในขณะเดียวกัน หยาจวิ้นพลิกโต๊ะด้วยความโมโหอีกครั้ง อาหารและสุราชั้นดีที่เพิ่งจัดวางบนโต๊ะเสร็จก็ยกเต็มพื้น ทำให้พรมสีขาวตรงหน้าตั่งไม้เปื้อนเศษอาหารเต็มไปหมด
ผู้ที่คอยปรนนิบัติตรงหน้าคุกเข่าลงอย่างระมัดระวัง เสมือนวันสิ้นโลกกำลังคืบคลานมา
ในเรือนเงียบผิดปกตินี้ถูกทำลายด้วยเสียงที่มาจากประตู “เกิดอะไรขึ้น ไอ้สุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้า เหตุใดถึงไม่ปรนนิบัติดีๆ อยากรนหาที่ตายแล้วใช่ไหม!” เพิ่งจะพูดจบ องค์หญิงคังผิงสาวเท้าเข้ามาหนึ่งข้าง ก็เห็นเศษอาหาร สุรา ถ้วยและจานแตกกระจายเต็มพื้น จึงขมวดคิ้วดั่งใบหลิ่วพลางสบถหยาบทันที “ไอ้พวกสวะ! ยังไม่รีบเก็บอีก!”
หยาจวิ้นได้ยินจึงถอนหายใจเบาๆ พร้อมทั้งเปลี่ยนน้ำเสียงให้อ่อนโยนเพื่อถวายบังคมองค์หญิงคังผิง “องค์หญิง”
“เจ็บแผลอีกแล้วหรือ” องค์หญิงคังผิงก็เปลี่ยนน้ำเสียงอ่อนโยน พลางนั่งลงข้างกายหยาจวิ้น
หยาจวิ้นเปรยด้วยเสียงต่ำ “เปล่า เพียงแค่รู้สึกเบื่อหน่าย ร่างของข้าใกล้ขึ้นราแล้ว”
หยาจวิ้นพิงลงในอ้อมกอดขององค์หญิงคังผิงพลางทำท่าทางออดอ้อน ทว่าภายในใจกำลังลอบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดี เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ถึงเลยว่า หมากต่อไปยังไม่ทันได้เดิน เว่ยจางก็ลงไม้ลงมือก่อนแล้ว
เรื่องโรงงานกระจกระเบิดต้องไม่พ้นสายพระเนตรของฮ่องเต้แน่นอน ดังนั้น เว่ยจางรีบกราบทูลฮ่องเต้ก่อนที่จะรู้จากปากของคนอื่น ฮ่องเต้ได้ยินจึงขมวดพระขนงและไม่ตรัสสิ่งใด ผ่านไปสักพักถึงจะตรัสสั้นๆ “สืบหาความจริงให้ถึงที่สุด”
บังอาจทำให้เมืองหลวงอวิ๋นเกิดความวุ่นวายมากเช่นนี้ แล้วจะไม่สืบหาต้นตอให้ถึงที่สุดได้อย่างไร วันนี้โรงงานกระจกระเบิด พรุ่งนี้ราชวังคงระเบิดหรือเปล่า
คนพวกนั้นยังบังอาจลอบทำร้ายผู้อื่นในเขตนอกเมือง ช่างบ้าเลือดจริงๆ!
หลังจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันออกพระราชบัญชาสืบหาต้นตอเรื่องนี้ ก็ครุ่นคิดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด เหตุใดช่วงนี้ถึงเกิดเหตุลอบสังหารในเมืองหลวงมากมายเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ที่ตนเองเจอการลอบสังหาร ทำให้องค์ชายหกได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคุณหนูสามจวนติ้งโหวก็ถูกลอบสังหาร วันนี้คนในตระกูลเหยาหย่วนจือก็เช่นกัน จากนั้นกลับเกิดเหตุการณ์ระเบิดในโรงงานกระจกอีก!
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ กำลังจะเกิดการร้ายที่รุ่นแรงกว่านี้หรือเปล่า
ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่บนที่สูง วันๆ ก็เจอแต่การก่อการร้ายแบบลับและแบบเปิดเผยแน่นอน ดังนั้นต่อให้เป็นเรื่องเล็กก็ต้องคิดว่าเป็นการก่อการร้าย ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของคน
ดังนั้น แม่ทัพเว่ยจึงน้อมรับพระราชโองการของฮ่องเต้ หลังจากสืบหาความจริงก็ได้ผู้ต้องสงสัยมาสามสี่คน จึงส่งตัวไปให้ศาลต้าหลี่โดยตรง ขุนนางหลวงในศาลต้าหลี่แทบจะไม่ทันได้สอบสวนคนที่เว่ยจางส่งมา คนพวกนี้ก็สารภาพว่า “พวกเราคือเชลยชาวเกาหลีที่ถูกขายไปจวนต่างๆ อยู่หลายรอบ ทำให้ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ดังนั้นต่อให้พวกเราต้องตาย ก็จะไม่ยอมให้ไอ้ฮ่องเต้ต้าอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่นอน”
ฮ่องเต้ได้ยินคำพูดนี้จะไม่ทรงพระพิโรธได้อย่างไร เขาไม่ตรัสสิ่งใดก็บัญชาลงไปว่า “สืบหาเชลยชาวเกาหลีที่ถูกขายไปเป็นทาสไปอยู่ที่ใดแล้ว จับกุมคนพวกนี้กลับมาให้หมด แล้วคุมตัวอย่างเข้มงวด! ใครที่มันไม่ซื่อตรงก็ฆ่าทิ้งให้สิ้นซาก จะได้ไม่ต้องไปก่อการร้ายอะไรอีก!”