สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 364 รับบทแม่สื่อ
ตอนที่ 364 รับบทแม่สื่อ
หยิ่งซื้อเอกล่าวปรามาสหยุนเคออย่างที่หยุนเทียนเถียนเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน
การสนทนากับคนอื่นนั้นช่างมีสีสันนักทว่ากลับไม่มีใครสนใจหยิ่งซื้อเอ๋อเลย นางจึงทําได้เพียงเธอยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยความน้อยเนื้อต่าใจ
กระนั้นหยุนเถียนเถียนก็ยังมีท่าที่อ่อนโยนอยู่บ้าง หลังจากที่นางคุยกับหลี่ซื่อฮวา แล้วก็ไม่ได้ไปเดินตลาดทันทีจึงพาหยิงชื่อเอ่อกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยิง
หยิ่งซื้อเอ่อมองหยุนเถียนเถียนด้วยความระแวดระวังก่อนจะพูดอย่างรู้สึกไม่แน่ใจ “แม่นางหยุนไม่ทราบท่านจะเคืองใจหรือไม่หากข้าต้องการจะบอกว่าท่านอาจพูดจาสนุกสนานกับแน่นางหยางได้ หากแต่ข้าไม่อาจรู้สึกเช่นนั้นได้เลย”
หยุนเถียนเถียนเห็นใบหน้าชวนสงสารนั้นแล้วก็พูดอะไรเป็นการทําร้ายความรู้สึกนางไม่ลง “เอาล่ะ…เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระอะไรของท่านหรอก! ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจงรีบกลับไปพักผ่อนเสีย”
พูดจบแล้วหยุนเถียนเถียนก็ฉุดมือหยางยู่หรงพากลับไปที่ห้องส่วนตัว
หยุนเกียนเถียนจ่าต้องเตือนหยางยู่หรงที่พูดอะไรไม่รู้จักระมัดระวัง!
“ฝหรง บัดนี้มีปัญหาระหว่างท่านพี่หยุนเคอกับข้าทําให้เราไม่อาจเป็นสามีและภร รยากันได้จงอย่าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้… แต่คราวหน้าเจ้าจงอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอกอีกเข้าใจมั้ย!”
ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจ ทว่าเมื่อมองรอยยิ้มที่ดูโดดเดี่ยวของหยุนเทียนเถียนแล้วนางก็ไม่กล้าจะถามต่อจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ถึงจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ… แต่ข้าไม่มีทางยอมให้หยิ่งซื้อเอ๋อสําเร็จแผนได้ง่าย ๆ หรอก! ฮี! ไยหยุนเคอจึงไม่อยู่กับเจ้ากันนะ!”
พลันรอยยิ้มบนหน้าก็เริ่มจางลง “ลืมมันเสียเถอะ…จะอยู่หรือไม่ก็ตามแต่เขาจะดกว่า!”
หยางยู่หรงมักควบคุมสีหน้าคนอื่นอยู่เรื่อย และบัดนี้นางไม่ต้องการเห็นโฉมงามผู้นี้แสดงท่าที่โดดเดี่ยวจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที
“ข้าไม่อาจช่วยแก้ปัญหาของเจ้าได้ อย่างไรเสียหากหยุนเคอไม่ต้องการเจ้าแล้ว ข้าก็จะให้พี่ชายข้าแต่งกับเจ้า เพียงแต่เจ้าจงอย่าชักช้จนเสียการเพียงเพราะอารมณ์ของเจ้าก็พอ! หากข้าไม่ได้แต่งงานอีกละก็ท่านพ่อข้าคงตายตาไม่หลับแน่! เจ้ารู้ไหมว่าท่านพี่ข้าต้องโดนเขาด่าปากเปียกปากแฉะเพราะเรื่องนั้นแค่ไหน!”
หยุนเสียนเถียนรู้ซึ้งถึงนําใจของนางอย่างที่สุดก่อนกล่าวตอบ “ในที่สุดเจ้าก็รู้เสียที่ว่าต้องการแต่งงานกับใคร! เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเสียเถอะ ข้าจะเร่งไปขอให้คุณชายจางมาสู่ขอเจ้า!”
ผู้หญิงสองคนนอนหลับอย่างมีความสุขกันอยู่ครู่หนึ่งหยุนเคอก็ถูกสาวใช้ของหยางยู่หรงรั้งไว้ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากข้างในดวงตาของเขาก็หมั่นลง
แม้วันนี้จะไม่มีปัญหาอันใด แต่จะอย่างไรก็ช่างแม่นางผู้นี้คงอยู่ล่าพังกับหญิงเพี้ยนคนนั้นมาทั้งวันนึกแล้วหยุนเคอก็รู้สึกหน่ายอยู่บ้าง
จางชิงเฟิงรีบนําภาพวาดไปมอบให้กับอาจารย์ของเขาที่เป็นบัณฑิตจวี่เหริน ซึ่งอาจารย์ท่านนั้นเคยเป็นหนึ่งในบัณฑิตขั้นจิ้นซื้อมาก่อน ทว่าเนื่องจากเขาทํางานไม่เป็นจึงถูกขับไล่ไสส่งให้มาสอนอยู่ในสํานักเล็กๆ แห่งนี้ด้วยความสิ้นหวัง
* จิ้นซื่อ = คุณวุฒิของบัณฑิตชั้นสูงสุดในการสอบจอหงวน
กระนั้นก็โชคดีที่การอยู่เช่นนี้ก็ช่างเรียบง่ายและเป็นอิสระราวกับก้อนเมฆหลบลี้หรือกระเรียนป่าก็ไม่ปาน อนึ่งการอยู่ฝึกฝนขัดเกลาตนเองเช่นนี้ก็ทําให้เข้เป็นที่นับหน้าถือตาจากนักเรียนหลายคนในฐานะอาจารย์หนานหยวน
เมื่ออาจารย์หนานหยวนผู้นี้ได้รับภาพวาดของจางเจ๋อตวนที่เป็นศิลปินคนโปรด แล้วก็เป็นสุขนักและเกรงว่าจางชิงเฟิงจะเงินขาดมือไปเพราะของขวัญชิ้นนี้
“ศิษย์ข้า! ข้ายินดีนักที่เจ้ามอบสิ่งนี้ให้ เพียงแต่ภาพวาดนี้แพงนักมิใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะให้เงินช่วยเหลือเจ้าในที่หลังเผื่อว่าจะได้ไม่ต้องพะวงกับการสอบยามนั้นก็แล้วกัน!”
จางชิงเฟิงยิ้มแหย หากไม่มีหยุนเถียนเถียนละก็เขาคงไม่มีทางได้แตะของขวัญแน่นอน
“ท่านอาจารย์อย่าได้เกรงใจ นี้เป็นสิ่งตอบแทนของข้าในฐานะลูกศิษย์ ในเมื่อเป็นของขวัญแล้วไยท่านจึงต้องมอบเงินแก่ข้าด้วยเล่า? ศิษย์มิอาจรับได้หรอก!”
อาจารย์หนานหยวนเห็นว่าศิษย์ไม่ได้มีท่าที่ฝืนใจ จึงมีได้คะยั้นคะยอเขาอีก
“ท่านอาจารย์ อันที่จริงศิษย์ได้ภาพนี้มาก็เพราะแม่นางพี่สาวของศิษย์น้องเฉินเฉิน! หากท่านอาจารย์รู้สึกรู้สึกเกรงใจก็ได้โปรดฝากดูแลเฉินเฉินด้วย!”
“เจ้าอย่าได้เกรงใจข้าเลย! เฉินเฉินเป็นเด็กที่เก่งเกินวัยและทนระกาลาบากมานัก แล้วแต่เขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ที่พากเพียรหนักเอาเบาสู้เช่นนี้ ต่อให้เจ้าไม่พูด… แต่ข้าจะปฏิบัติไม่ดีกับเขาลงได้อย่างไร?”
“เจ้าจงตั้งใจเล่าเรียนเหมือนศิษย์น้องของเจ้าเสีย! อย่าได้เถลิงใจยามที่ตนยังทํา ได้ไม่ดีมิฉะนั้นเจ้าคงเสียหน้าในสักวันหนึ่ง!”
จางชิงเฟิงยิ้มพร้อมกับคํานับพลางนึกว่าต้องหาโอกาสที่ดีสักวันไปเยี่ยมบ้านสกุลหลีเป็นการขอบคุณ
ประจวบกับที่หยุนเถียนเถียนกาลังหาโอกาสที่จะพูดคุยกับจางชิงเฟิงด้วยพอดี ซึ่งหลี่ซื่อฮวาก็รู้ความคิดของคนทั้งสอง
ดังนั้นเมื่อจางชิงเฟิงมาที่บ้านแล้ว หลี่ซื่อฮวาก็ส่งคนไปรับหยุนเถียนเถียนมาทันที
คนทั้งสามทักทายกันอย่างนอบน้อม หลี่ซื่อฮวาที่รู้ว่าหยุนเวียนเถียนอาจเรื่องที่ อยากพูดเขาจึงอ้างเหตุผลปลีกตัวออกมา
“คุณชายจาง…ข้าได้ใช้โอกาสนี้เพื่อมาพบท่านเพราะมีเรื่องจะคุยกับท่านเสียห น่อย”
จางชิงเฟิงผู้มีใบหน้างามราวกับหยก รอยยิ้มเฉยชาประดับบนหน้าอย่างไม่เคยจางหาย
“ว่ามาเถิดแม่นางหยุน”
“การแต่งงานของท่านครั้งก่อนไม่ราบรื่นนัก หากแต่ข้าก็ไม่รู้ท่านจะคิดแต่งงานกับผู้ใดอยู่หรือไม่”
จางชิงเฟิงระลึกถึงอดีตด้วยความขมขื่นอยู่เล็กน้อย อดีตหญิงงามของเขาที่สุดท้ายก็มีจุดจบอันน่าสังเวชนักคิดแล้วก็ทําให้เขารู้สึกประหลาดอยู่ทุกครั้งไป
“ท่านพ่อข้ากังวลนักเกี่ยวกับเหตุนี้ ข่าวลือพวกนั้นยังไม่ทันจะซา จึงไม่ใช่โอกาสที่ดีนักที่จะพูดถึงการแต่งงาน! อีกอย่างชื่อเสียงข้าบัดนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เกรงว่าจะไม่เหมาะดึงสตรีใดให้มาแปดเปื้อนเช่นนี้!”
“ในเมื่อข้ามาแล้วก็ย่อมต้องมีคนที่นึกไว้ในใจเป็นแน่! เรื่องก่อนหน้านี้มิใช่ความผิดของคุณชายจางเลย และท่านก็ไม่สมควรถูกปรามาสแม้แต่น้อย! บัดนี้ทั้งข้าและ ท่านเองต่างก็มีคนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้วจงลองพิจารณาดูเถิด!”
“ก็หยางยู่หรงที่ท่านเคยพบมาก่อนไงเล่า! ถึงชื่อเสียงของนางจะไม่ดีนัก กระนั้นเมื่อข้าได้ใกล้ชิดกับนางมานานก็เห็นว่านิสัยนางเป็นคนตรงไปตรงมาและน่ารักน่าชังยิ่งนัก ถึงบางครั้งนางจะชอบทําตัวซื่อบื้อเสียหน่อย แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่รู้อะไรเลย”
จางชิงเฟิงพิจารณาถึงหญิงสาวจอมตรงไปตรงมาผู้นี้
“ข้ารู้สึกไม่คุ้นนางเอาเสียเลย นางจะไปชอบบัณฑิตยากไร้เช่นข้าได้อย่างไรกัน?”
หยุนเลี่ยนเกียนยิ้ม “ที่ท่านพูดมานั้นเปล่าประโยชน์นัก! แม้ว่าหยางยู่หรงมาจากตระกูลที่ดี แต่นางเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยจึงได้มีนิสัยเช่นนี้ ท่านจําข่าวลือเรื่องหญิงที่เอาเก้าอี้ฟาดบัณฑิตหลินหีจนขาหักได้หรือไม่? อันที่จริงคนที่เป็นเจ้าของข่าวลือนั้นก็คือนางนี่แหละ!”
จางชิงเฟิงจําได้ว่าผู้หญิงที่หน้าอ่อนคนนั้นช่างต่างจากภาพหญิงหยาบกระด้างในหัวเสียเหลือเกิน