สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 252 หึงหวง
บทที่ 252 หึงหวง
ทว่าท่าทางมารยาทเช่นนี้ทําให้หยุนเคอรู้สึกขัดสายตาเล็กน้อย
เขาเพ่งสมาธิไปที่หญิงสาวนางนี้ปรากฏว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล นางคือเฉินเจียวเจียวหญิงสาวที่ไร้ยางอายที่สุดในหมู่บ้าน นางกําลังมองมาทางชายหนุ่มอย่างเขินอาย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงกับสายตาเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าการที่เขาโกนหนวดเคราทําให้หญิงสาวตรงหน้าจําไม่ได้ อย่างไรก็ตามหยุนเคอไม่ต้องการพูดคุยกับนางมากนักจึงทําเพียงตอบเสียงแผ่วเบา
“อืม!”
ผู้ใดจะรู้ว่าเฉินเจียวเจียวผู้เย่อหยิ่ง ไม่แม้แต่จะชายตามองใครหน้าไหน แต่พอได้ยินคําพูดเช่นนั้นกลับทําให้นางดีใจยิ่งนัก
“นายน้อย…ข้านามว่าเฉินเจียวเจียว ข้ารู้สึกเคยเห็นนายน้อยมาก่อน! ไม่ทราบว่านายน้อยมาจากตระกูลอันยิ่งใหญ่ตระกูลไหนหรือ?”
เดิมที่นางเป็นเพียงชาวนาผู้ไม่รู้หนังสือ แต่กลับแสร้งทําท่าทางเลียนแบบเสียงอักษร ฉากนี้ดูช่างตลกอย่างไรไม่รู้?
แต่ปฏิเสธไม่ได้นางคือหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์สง่างามกว่าครั้งที่อยู่หมู่บ้าน
เครื่องประดับสีทองบนศีรษะนางเข้ากับเสื้อผ้าที่สวมได้เป็นอย่างดี
ก่อนหยุนเคอจะพูดออกอะไรมา ขณะนั้นเอง หยุนเถียนเถียนก็เดินออกจากห้องลองชุด
เมื่อนางสังเกตเห็นหยุนเถียนเถียน เฉินเจียวเจียวก็นึกออกแทบจะทันที นางเคยพบเจอนาง ทั้งใบหน้าที่สวยหวานและตกแต่งหน้าออกมาขี้ริ้วขี้เหร่!
ทว่านางไม่ต้องการให้ใครี๔เถึงความงามที่แท้จริงของหยุนเถียนเถียน หรือต่อให้รู้ก็กล่าวได้ว่าหยุนเถียนเถียนเป็นผู้ละเลงตกแต่งหน้าด้วยตัวนางเอง แม้ว่าเฉินเจียวเจียวไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด นางก็ไม่มีทางที่จะถามมันออกไปแน่นอน
“หยุนเถียนเถียน! นางแพศยาอย่างเจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เมื่อหยุนเถียนเถียนได้ยินเสียงตะโกนอันแหลมทะลุแก้วหู อารมณ์รื่นรมย์ของนางก็หมดลงทันที
“เฉินเจียวเจียว! ที่นี่มันบ้านเจ้างั้นรึ? เจ้ายังมาที่แห่งนี้ได้แล้วทําไมข้าถึงมาไม่ได้?!”
“นี่เจ้า!” ก่อนจะพูดจบสายตาของนางเหลือมองหยุนเคอ ราวกับกลัวว่าหยุนเคอจะไม่พอใจ หากได้ยินวาจาเช่นนี้
“หยุนเถียนเถียน! เจ้าเข้ามาในเมืองหยุนเคอทราบหรือไม่? ข้ารู้อยู่แล้วว่าสตรีนางนี้จะต้องไม่ซื่อสัตย์ เจ้ามีนายน้อยหยุนอยู่แล้ว แม้เขาจะหน้าตาจะไม่ดีนัก แต่เจ้ากับเขาก็หมั้นหมายกันแล้ว!”
หยุนเถียนเถียนมองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมหัน มองหยุนเคอสลับไปมาจนนางกล่าวจบ เมื่อฟังจากความหมายที่แฝงอยู่ในคําพูดแสดงว่านางจําหยุนเคอไม่ได้
หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มอย่างสดใสทันที!
“เฉินเจียวเจียวเจ้าออกติดตามหลี่เฟิงไปไม่ใช่รึ? แต่เอาเถอะ ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ายังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอนุภรรยางั้นรึ? ดูเจ้าตอนนี้สิ แม้แต่ผมยังไม่ได้รับการหวี ข้าเกรงว่าเจ้าคงเป็นเพียงนางสนมนอกเรือนใช่หรือไม่ ทําไมถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ? ช่างไม่มีค่าเอาเสียเลย!”
ในยุคนี้หญิงสาวที่แต่งงานแล้วจะต้องมัดผม! แต่นางสนมนอกเรือนนั้นต่างกัน!
กล่าวได้ว่านางสนมเช่นนี้จะไม่ได้รับการยอมรับหรือต้องคอยหลบซ่อนอยู่นอกเรือน เป็นได้เพียงของเล่นข้างกายชายหนุ่มเท่านั้น ไม่ถูกสนใจว่านางผู้นั้นจะต้องถูกหวีผมหรือไม่! เช่นเดียวกับเฉินเจียวเจียว นางไม่ได้รับการยอมรับจากหลี่เฟิง จึงเป็นเพียงสนมที่ไม่อาจแม้แต่จะได้รับการหวีผม
หยุนเถียนเถียนกําลังจี้ปมความเจ็บปวดของ เฉินเจียวเจียว “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบโอ้อวดต่อหน้าชายผู้นั้นหรอก อยากจะประกาศให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับงานหมั้นหมายคงรู้ดีแล้วใช่ไหมที่จะชื่อเสียงตนเองต่อหน้าเขา เจ้ามันก็แค่สนมนอกเรือนไร้ยางอายก็เท่านั้น!”
ใบหน้าของเฉินเจียวเจียวซีดเผือด นางตั้งสติหายใจเข้าออกลึกๆ และชี้นิ้วไปที่หยุนเถียนเถียน ทว่าไม่มีคํากล่าวใดพร้อมยืนนิ่งสั่นสะท้านไม่หยุ
“ข้านึกถึงครั้งที่หลี่ชุนเทาโอ้อวดต่อหน้าเราว่าบุตรสาวเธอเก่งกาจเพียงใด! ทั้งยังกล่าวอีกว่าถ้านางตั้งครรภ์ หลี่เฟิงจะแต่งตั้งนางอย่างถูกต้อง ในความคิดของข้าอยากให้เจ้าหยุดฝัน! ไม่นานหลังหลี่เฟิงเบื่อเจ้าแล้ว เจ้าอาจจะต้องกลับไปยังหมู่บ้านของเจ้าดังเดิม! ”
เฉินเจียวเจียวตะโกนออกไปอย่างเสียสติ “ที่ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าหรอกรึ หยุนเถียนเถียน! เจ้าอย่าภูมิใจนักเลย ข้ารอเวลาให้หยุนเคอเห็นตัวตนของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็จะถูกทิ้งไม่ต่างจากข้า!”
ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนสี ตอนนี้นางอยากจะกระโจนเข้าโจมตีอย่างหมาบ้าทุกเมื่อ
“เพราะข้างั้นรึ? นี่เจ้าหมายความว่าข้าเป็นผู้ บังคับให้เจ้าขโมยสูตรในเรือนของเจ้าเองงั้นรึ? และข้าเป็นผู้บังคับแม่เจ้าให้ขายสูตรนั่นแก่หลี่ เฟิงด้วยใช่หรือไม่? เจ้าทั้งสองขโมยสูตรปลอมมาขายให้หลี่เฟิง ถึงคราวนั้นพ่อแม่เจ้าก็ยังไม่ยอมควักเงินแลกเจ้าออกมา! เรื่องทั้งหมดนี้ เกี่ยวข้องกับข้าด้วยเช่นนั้น?
“ใช่! ครั้งแรกหากเจ้าต้องการนําสูตรออกมา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเจ้าไป! แต่สูตรนั่นเป็นของข้า ข้าจะนําไปทําอะไรมันก็เรื่องของข้า เจ้ามิใช่ญาติหรือคนในตระกูลข้า ทั้งยังเคยรังแกข้าอย่างไร้สาเหตุ! ทําไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะนําของตนเองมาช่วยเจ้าด้วย?”
“รอหยุนเคอเห็นตัวตนของข้า? หยุนเคอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอก? เจ้าพูดออกมาสิว่าข้าเป็นคนเช่นไร? เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยจิกกัดราวหมาบ้าเช่นเจ้า!”
หยุนเถียนเถียนกล่าวจบก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องลองชุดอีกครั้ง นางอยากถอดเสื้อผ้านี้ ออกเสื้อผ้าชุดนี้เหมาะกับนางที่สุดแต่ แต่อารมณ์การเลือกซื้อเสื้อผ้าจะนางมันพังทลายลงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องได้ชุดกลับเรือนสักชุด
เฉินเจียวเจียวตกตะลึง นางไม่ได้คาดคิดว่า ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้คือหยุนเคอที่มีหนวดเครารุงรั้ง!
นางจึงเศร้าใจเล็กน้อย หากรู้ก่อนว่าหยุนเคอหล่อเหลาถึงเพียงนี้ นางจะเลิกตามหลี่เฟิงนานแล้ว! ไอ้เฒ่าเวรนั่นจะเทียบกับหนุ่มหล่อที่ตรงหน้านี้ได้อย่างไรกัน เสื้อผ้าที่หยุนเคอสวมใส่ต่างมีมูลค่ามหาศาล เขามิใช่ยาจกงั้นรึ?
เฉินเจียวเจียวหันหลังกลับด้วยความอิจฉา! ฝ่ายหยุนเคอก้มศีรษะลงอย่างไร้อารมณ์ พร้อมเอนตัวพิงประตูร้านเสื้อผ้า
เมื่อหยุนเถียนเถียนแต่งตัวเสร็จ นางเดินออกจากห้องลองชุด หยุนเคอที่เห็นได้เผยรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วเจ้าชอบชุดนี้หรือไม่? หากชอบก็ซื้อมันซะ! ข้าว่าเราต้องกลับแล้ว อย่า ลืมว่าเฉินเฮ่อถูกทิ้งไว้ที่ร้านหนังสือ!”
รอยยิ้มน่าเอ็นดูนี้ ทําให้หยุนเถียนเถียนหน้า แดงทันที แม้ฉากดังกล่าวอาจทําให้หัวใจนาง เจ็บปวดในสายตาเฉินเจียวเจียว
หยุนเคอเองก็มีช่วงเวลาที่สุภาพอ่อนโยนเช่นกัน แต่ทุกความอ่อนโยนนั้นถูกใช้กับหยุ นเถียนเถียนเพียงผู้เดียว หยุนเถียนเถียนทําบุญด้วยสิ่งใดกัน? หรือเพียงเพราะเธอสง่างาม? เหตุใดต้องเป็นเธอที่ได้รับความรักจากหยุนเคอ?
เมื่อจ้องมองไปที่ชุดที่อยู่ในมือหยุนเถียนเถียน ความหึงหวงของเฉินเจียวเจียวก็พังทลายลง
“หยุนเถียนเถียน! เหตุใดเจ้าไม่เจียมตัวเสียบ้าง! คนอย่างเจ้าจะสวมเสื้อราคาแพงเช่นนี้ได้อย่างไร? หยุนเคอเป็นเพียงนายพรานหนุ่มล่าสัตว์ในภูเขาเท่านั้น หรือจะให้ข้าจ่ายเงินซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้เจ้าลองใส่สักตัวก็ได้นะ?”
หยุนเถียนเถียนยิ้มตอบ “ข้าจะซื้อมันหรือไม่ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกเฉินเจียวเจียว! อย่างไรข้าก็มีโรงเย็บอยู่ในมือ! เพียงเสื้อผ้าชิ้นเดียวข้าไม่จําเป็นถึงเพียงนั้น!”
********************************