วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 32 เกลียดฉันไหม?
ตอนที่ 32 เกลียดฉันไหม?
กลับมาถึงห้องหอ กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาคนอยู่ในห้อง เห็นเพียงผ้าห่มผืนใหญ่และเตียงนอน
ยัยสมองทึ่มหนีไปแล้ว ภายในความคิดของธัชชัยก็ปรากฏที่อยู่ของบ้านตระกูลเดิมขุนทดขึ้นมา
สายตาพลันฉายแววชั่วร้าย แล้วรีบลงบันใดไป
ป้าอ้อยเห็นธัชชัยกำลังลงมา เดิมทีคิดอยากจะถามเขาว่าเย็นนี้จะรับประทานอะไร ใครจะรู้ล่ะว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี อยู่ใกล้แล้วก็อดที่จะหนาวขึ้นมาไม่ได้ ทำให้คนไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายธัชชัยก็ไปฝ่ายเอ่ยปากก่อน
“ป้าอ้อย เห็นคุณผู้หญิงบ้างมั้ย?” ประโยคนี้มันช่างฟังดูแข็งกระด้างมาก
ป้าอ้อยรู้สึกตะลึง ที่อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้เป็นเพราะหาคุณผู้หญิงไม่เจอเหรอ? เธอแอบหัวเราะเบาๆ รีบรายงานที่อยู่ของวัจสาทันที “วันนี้คุณผู้หญิงไม่ได้ออกไปไหนค่ะ เธออยู่ที่ห้องพักแขกค่ะ”
ธัชชัยได้ยินว่าวัจสาอยู่ที่ห้องรับแขก ก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย ดีมาก ในที่สุดก็ไม่หนีไปไหน แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรที่ห้องพักแขก? หรือว่าคิดจะหลบหน้าเขาเหรอ? มันช่างเจ็บปวดใจนัก รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นเนื้อมือของเขาอยู่แล้ว
ธัชชัยมุมปากยกยิ้มสูง พร้อมกับก้าวเท้าเร่งรีบ ไปยังห้องพักแขก
มองจากไกลๆ เห็นหน้าต่างประตูในห้องพักแขกปิดสนิท ธัชชัยผลักประตูเข้าไปเบาๆ ประตูก็เปิดออกแล้ว
เห็นเงาร่างหญิงสาวอ้อนแอ้นอรชรนอนคว่ำอยู่บนเตียงนอน เพราะว่าผิวหนังที่บวมแดงอยู่ด้วยหลัง ดังนั้นเวลานี้เธอจึงสวมชุดนอนผ้าไหมสายเดี่ยว ในมือถือหนังสือวิธีการรักษาหยินหยางจากการบาดเจ็บจากไฟลวก
วัจสาคิดว่าเธอสามารถที่จะนำอาหารไปให้วรพลได้ แต่ในเมื่อเธอตอนนี้ยังรักษาตัวเองไม่หายขาด และก็ไม่สามารถไปดูแลวรพลที่ห้องรักษาตัวได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขานี่แหละทำอาหารไปให้วรพลคงจะไม่มีปัญหาอะไร อาหารประเภทไหนผลไม้ชนิดใดที่สามารถช่วยให้แผลจากไฟลวกให้ดีขึ้น ตอนนี้เธอเริ่มมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อยแล้ว เหลือแค่ลงมือทำเท่านั้น
ได้ยินเสียงผลักประตูเข้ามา วัจสาก็หันไปมอง ใครจะไปรู้ว่าเป็นธัชชัย หน้าที่หล่อเหลาของเขามันช่างเย็นชาไร้สีสัน แต่สายตาของเขากลับลุกเป็นไฟ
เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเรือนร่างของเธอทันที โดยไม่คิดว่ามันจะกระทบกระเทือนกับบาดแผลที่อยู่ด้านหลังหรือไม่ เธอพลันส่งเสียง “ซี๊ด” ขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด
ธัชชัยขมวดคิ้วถามไปว่า “เธอปัญญาอ่อนหรือไง? ทำไมถึงต้องกลัวฉันขนาดนี้ด้วย?” พูดจบเขาก็อยากจะเดินเข้าไปดูอาการของเธอสักหน่อย
วัจสารีบห้ามของเอาไว้ทันที “คุณอย่าเข้ามานะ ใครจะรู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร ฉันไม่เป็นอะไรมาก” ผู้ชายคนนี้มารยาทสักนิดก็ไม่มี เดินเข้ามาก็ไม่รู้จักเคาะประตู แต่เธอไม่อยากจะจินตนาการกับท่าทางที่ราวกับสัตว์ดุร้ายอย่างนี้
ธัชชัยยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ใบหน้าที่หล่อเหลาล้วนเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ไม่รู้ทำไม วัจสารู้สึกว่าเขาไม่สบายใจ แต่ว่าคงไม่ใช่เพราะคำพูดของตัวเธอเองที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เธอเองก็ไม่กล้าที่จะตำหนิเขาที่เข้ามาโดยไม่เคาะประตู ใครจะไปรู้ว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาหรือเปล่า
ธัชชัยเดินเข้าไปอุ้มเรือนร่างที่บอบบางของเธอ อุ้มไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านซ้าย โยนวัจสาลงบนที่นอน ส่วนเขาเองก็นอนลงไปข้างกายของวัจสาวัจสาตกใจตั้งแต่วินาทีแรก อยากจะรีบลุกออกไปจากที่นอน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอยากจะทำอะไร!เสียงที่เย็นยะเยือกจนเข้ากระดูกก็ดังมาจากด้านซ้าย “ถ้าหากเธอคิดอยากจะหนีแล้วล่ะก็ ฉันก็จะปั้มเธอ ”คำพูดที่ตรงไปตรงมาของวัชชัย วัจสาได้ยินคำว่า “ปั้ม” ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อทันทีแม้แต่ขยับตัวยังไม่กล้าสมองเมล็ดแตงโมของเธอก็เริ่มคิดไปเรื่อย ถ้าหากตัวเธอวิ่งหนีออกไปจากห้องพักแขกนี่ แล้วยังผ่านห้องรับแขกอีก และยังต้องวิ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อขอความช่วยเหลือจากวรพลอีก อีกอย่างถ้าไปแล้วก็ใช่ว่าเขาจะช่วยอะไรเธอได้ เวลาผ่านไปนานเธอไม่ปริปากพูดสักคำ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกผู้ชายคนนี้ทำอะไรมิดีมิได้ก็ได้แต่ว่าเราจะนั่งรอความตายอยู่อย่างนี้เหรอ? วัจสาตัวแข็งทื่อ เพียงแค่ธัชชัยพลิกตัวก็สามารถทำให้เธอใจหายใจคว่ำได้แล้ว วัจสาก็พลันรู้สึกว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า อยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้องนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ เขาคงไม่ได้คิดจะปั้มเธอจริงหรอกนะ?วัจสารู้สึกได้ว่าข้างๆ มีการเคลื่อนไหว เธอเกือบจะร้องตะโกนออกมาว่า “ฉัน…” ยังไม่หายดีนะ…. ประโยคสุดท้ายดันพูดไม่ออก พูดได้เพียงคำเดียวธัชชัยลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดว่า “จะรังเกียจมั้ยถ้าฉันจะขอสูบบุหรี่สักมวน?”เสียของเขาดูแปลกๆ ไป แหบแห้งไปมาก ราวกับว่าเก็บเอาไว้ในใจมานาน เหมือนกับว่าถามเองตอบเองซะอย่างนั้น เพราะว่าเขาไม่ได้รอคำตอบจากวัจสาเลย ตัวเองก็หยิบเอากล่องบุหรี่สีฟ้าที่ดูราวกับหยก แล้วเอาออกมาสูบมวนหนึ่งวัจสาลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบๆ ควันบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วห้อง ใบหน้าที่หล่อเหลาของธัชชัยเต็มไปด้วยความระทมทุกข์พ่นควันบุหรี่ออกมากควันลอยอบอวลไปทั่ว ธัจชัยรู้สึกได้ว่าภายในใจของเขาเริ่มสบายใจขึ้นหน่อยแล้วในเวลานี้วัจสาก็แอบลงจากเตียงอย่างเงียบๆ กำลังจะเดินออกไป“หยุดนะ!” ธัชชัยตวาดเสียงดัง นี่จะเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ยังก้าวอีกแม้แต่ก้าวเดียว เขาก็จะลงมือกับเธอทันทีวัจสาก็หยุดชะงักฝีเท้าลง จริงๆ แล้วเสียงที่ดุดันของธัชชัยนั้นไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่ด่าว่าเธอสักประโยค แต่ว่านิสัยป่าเถื่อนของธัชชัยกลับทำให้เธอกลัวยิ่งกว่า เพราะว่าท่าทางของเขาแบบนั้นมันเอาแน่เอานอนไม่ได้“ฉันจะไปหยิบที่รองขี้บุหรี่ให้คุณน่ะ” ไม่รู้ทำไมความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันกลับทำให้เธอมีความทุกข์ได้ วัจสาตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่ามันจะหยุดอารมณ์โทสะของเขาได้บ้างแต่ว่าธัชชัยก็เงียบลงไปได้จริงๆ จนกระทั่งวัจสาออกไปหยิบเอาที่รองขี้บุหรี่มาจากห้องรับแขกกลับมา สีหน้าของเขาก็ดูอารมณ์ดีขึ้น แววตาที่เย็นชาก็เริ่มคลายลงไม่น้อยวัจสาวางที่รองขี้บุหรี่เอาไว้บนโต๊ะขวามือของธัชชัย กำลังจะถอยหลังออกไป คิดไม่ถึงว่าจะถูกธัชชัยจับแขนเอาไว้ แรงของเขามันไม่ง่ายเลยที่จะขัดขืน“วัจสาเธอเกียจฉันมั้ย?” เส้นเสียงแหบแห้งที่ราวกับปีศาจร้ายในเวลานี้ รู้สึกได้ว่ามันยากเกินจะเยียวยา “ใช่หรือไม่ เกลียดฉันมากใช่มั้ย?”วัจสาตกใจมาก อยู่ดีๆ ธัชชัยก็พูดประโยคนี้ออกมา หรือว่ากำลังพิจารณาตัวเองอยู่เหรอ? แล้วก็ถามใจตัวเองว่า ตัวเองนั้นเกลียดเขาหรือไม่? แน่นอนว่าต้องเกลียดมาก ที่เขาทำเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ต่อเธอโดยไม่สนใจความถูกตัอง เธอย่อมต้องเกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำแล้ว“ถ้าหากว่าเธอไม่มีมารยาทต่อฉันที่เป็นพี่สะใภ้ของเธอ แน่นอนว่าฉันไม่เกลียด” เสียงที่อ่อนหวานของวัจสาไม่เหมือนแกล้งทำออกมา มันแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ตำหนินิดหน่อย พอธัชชัยได้ฟังแล้วก็ทำให้รู้สึกไพเราะที่สุดเลย“เหอะ จริงเหรอ?” ธัชชัยยิ้มแย้มจนทำให้ขนลุก ประเดี๋ยวเดียวก็ปล่อยมือของวัจสา เปลี่ยนเป็นชี้ไปที่เส้นผมที่เย็นเยียบ เส้นผมของหญิงสาวหนาและเป็นสีดำสนิท ไม่เคยผ่านการเสริมแต่งใดๆ ดูสุขภาพดีมาก“ทำไมถึงต้องเน้นคำว่าพี่สะใภ้ของฉันเสมอเลยล่ะ?” ทำไมถึงชอบแสดงตนว่าเป็นผู้หญิงของพี่ชายนักล่ะ?วัจสาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรธัชชัยพูดประโยคนี้ด้วยความปวดร้าวเป็นทุกข์นัก หรือเป็นเพราะว่าผ้าพันแผลที่อยู่ตรงนิ้วมือ เธอไม่อยากถกเถียงกับปัญหานี้ อีกอย่างปัญหานี้ก็ไม่ควรเอาออกมาพูด“แต่ไหนแต่ไรมาฉันก็เป็นภรรยาของพล มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าจะเน้นคำนี้” วัจสาพูดเรียบๆ ออกมาหนึ่งประโยคคิดไม่ถึงว่าผู้ชายจะไม่มีเหตุผลมาหักล้างได้ ทำได้เพียงจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกรอบ วัจสาคิ้วขมวดยังไม่คลาย แล้วยื่นมือออกไปทันที คิดอยากจะหยิบเอาบุหรี่มวนนั้นในมือของธัชชัยในตอนที่มือของวัจสายื่นไปถึงก็ต้องตกใจกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสามารถหยิบบุหรี่ในมือของธัชชัยได้ ที่ทำอยู่นี่เหมือนกับกระตุกหนวดเสืออะไรอย่างนั้นเลยจริงๆ แล้วเวลาที่มือของวัจสาสัมผัสโดนบุหรี่ของธัชชัย ภายในใจของเขาปฏิเสธ แต่ท่าทางที่ดูอ่อนโยนนั้น เขาก็พลันอึ้งชะงักไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้เธอมีโอกาสฉวยมันไปวัจสาเอาวิบุหรี่มวนนั้นมาจี้ไปที่รองขี้บุหรี่เพื่อดับไฟ หยิบขนมงาทอดมันม่วงที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้ววางลงบนมือของธัชชัยพร้อมกับพูดว่า “กินนี่สิ”วัจสาเพิ่งเข้าครัวลองทำอาหารตุ๋นยาจีนและตัวเองยังชอบกินมันอีกด้วยธัชชัยมองดูขนมงาทอดมันม่วงก้อนเล็กที่อยู่ในมือ ภายในดวงตาอดไม่ได้ที่จะฉายรอยยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้เดียงสานักเขาเอาขนมงาทอดมันม่วงเข้าปากไปตามสัญชาตญาณ ค่อยๆ เคี้ยว รสชาติพอได้ แต่หวานไปหน่อยวัจสาคิดไม่ถึงว่าเขาจะกินมันเข้าไปจริงๆ ถามอย่างมีความหวังน้อยๆ ว่า “อร่อยมั้ย”ถ้าหากธัชชัยยอมเป็นน้องสามีที่ว่าง่ายสอนง่ายก็ดีมากแล้ว เธอคิดอยากจะมีน้องชายมาโดยตลอด แต่ว่าพอคิดๆ ดูแล้วธัชชัยก็เหมือนจะอายุเยอะกว่าเธอเสียอีก คงจะเป็นน้องชายไม่ได้หรอกนะ“หวานเกินไป” ธัชชัยขมวดคิ้ว เอาที่เหลือยัดเข้าปากลงไปให้หมดวัจสาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ถึงมันจะหวานเกินไปแต่คุณก็ยังกินเข้าไปหมดเหรอ? แต่ว่าเธอก็ดูออกแล้วว่าธัชชัยคงจะไม่ชอบกินหวานสักเท่าไหร่ธัชชัยเห็นวัจสาจงใจยิ้มออกมา ในใจก็ไม่รู้ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นสงบสุขขึ้นมา บางทีใบหน้าที่สดใสขาวบริสุทธิ์ของเธอมันแดงระเรื่อเหมือนกับว่ามีเรื่องที่น่าพอใจบางเรื่อง“แผลที่หลังของเธอดีขึ้นรึยัง?” ธัชชัยถาม ความจริงแล้วเขาอยากเห็นท่าทางที่เป็นบ้าของเธอ ปิดกั้นตัวเองไม่ให้อยู่ในขั้นความสัมพันธ์ของน้องสามี ได้เห็นเธอเปลี่ยนเป็นแมวตัวน้อยที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน มันช่างดูน่ารักไม่น้อยเลย“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” วัจสาไม่คิดอะไรมาก เธอคิดว่าเขาคงเป็นห่วงเธอจริงๆ จึงตอบกลับไปตามความเป็นจริง“จริงเหรอ? งั้นให้ฉันดูหน่อยสิ ฉันถึงจะวางใจได้” มุมปากยกยิ้มอย่างมีความหมายแฝงวัจสารีบถอยล่นออกไป ผู้ชายคนนี้ช่างเอาแน่เอานอนด้วยไม่ได้จริงๆ “ไม่ต้องหรอก ป้าอ้อยทายาให้ฉันแล้ว” ธัชชัยขมวดคิ้ว ป้าอ้อยนี่ก็อะไร งานตัวเองไม่ไปทำ วันหลังจะต้องตำหนิสักหน่อยแล้วล่ะ!ธัชชัยเพิ่งจะคิดไป ป้าอ้อยก็ยกถ้วยอาหารที่มีกลิ่นหอมเข้ามา “คุณชายคะ คุณยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็น ฉันทำซุปเกี๊ยวมาให้ค่ะ”น้ำเสียงของป้าอ้อยเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน เธอรักและเอ็นดูธัชชัยเหมือนลูกชายคนหนึ่งธัชชัยรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องอีกหนึ่งคน ในใจรู้สึกไม่มีความสุขแน่ จึงรีบพูดไปว่า “ไม่เป็นไร วางเอาไว้ตรงนั้นก่อนเถอะ”“ถ้าอย่างนั้นก็จำเอาไว้นะว่าต้องกินเยอะๆ ช่วงนี้คุณกินน้อยเกินไปแล้ว” ป้าอ้อยพูดด้วยความห่วงใยอย่างสุดซึ้งวัจสาได้ฟังน้ำเสียงของอ้อยแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังในหน้าของธัชชัย ผู้ชายคนนี้ผอมลงงั้นเหรอ? ร่างกายดูแข็งแรงกำยำล่ำสันซะขนาดนี้ มันดูซูบผอมตรงไหน?ธัชชัยสุดท้ายก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีของป้าอ้อย หยิบเอาช้อนคันหนึ่งขึ้นมา ตักเอาเกี๊ยวลูกกลมโตขึ้นมากินวัจสาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังนั่งกินอาหารอยู่ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป“จะไปไหน?” ธัชชัยขมวดคิ้วมุ่น พูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงกล่าวเตือนอย่างหนักแน่น“ฉัน… ฉันจะไปเอาน้ำมาให้คุณ” วัจสาพูดออกมาและตัวก็แข็งทื่อ