วิวาห์ร้อน แต่งผิดรักจริง - ตอนที่ 292 ข่าวจากไหน
ตอนที่ 292 ข่าวจากไหน
ที่สถานสงเคราะห์ อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่สนุกสนานด้วยเสียงจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรสจากพวกเด็กๆ ตัวน้อยที่อยู่ที่นั่น นี่แหละเป็นเหตุผลที่เวลาเธอไม่สบายใจทีไรก็จะมาหลบตัวอยู่ที่นี่
เธอชอบที่จะเอาความสนุกสนานและร่าเริงของเด็กๆ นี้มาเยียวยาและพาให้เธอก้าวพ้นผ่านความเศร้าโศกเหล่านั้นไป
“พี่สา พี่สา เดี๋ยวหนูก็จะได้ผ่าตัดแล้วหล่ะ คุณดนิตาบอกว่าถ้าหนูผ่าตัดเสร็จแล้วหนูก็จะได้เป็นเหมือนเพื่อนๆ ใช่มั้ยคะ? หนูจะมีปากที่สวยเหมือนพี่คุกกี้ แล้วก็จะกลายเป็นคนสวยด้วยหล่ะ!
กระต่ายป่วยเป็นโรคเดียวกับที่แวววัยคอยกังวล เธอเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่มาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้เธอยังไม่ได้ทำการผ่าตัด ดังนั้นเสียงที่เธอเปล่งออกมาก็ยังมีรั่วอยู่อีกทั้งการหายใจก็ยังไม่ค่อยสะดวกนัก
แต่วัจสาที่ใช้ใจตั้งใจฟังเธอ ก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
“จริงเหรอ? ได้ผ่าตัดแล้วก็ดีหน่ะสิ กระต่ายต้องสู้ๆ นะ”วัจสาพูดให้กำลังใจเด็กน้อย เธอคุกเข่าลงไป ให้อยู่ในระดับเดียวกับกระต่าย ก่อนจะใช้ทิชชูเช็ดเหงื่อที่ปรกหน้าผากเด็กน้อย
“รอให้กระต่ายผ่าตัดเสร็จแล้ว พี่จะให้ของขวัญนะ ดีมั้ย? ไหนบอกมาสิว่าอยากได้อะไร? อะไรก็ได้ทั้งนั้นเลยนะ”
จู่ๆ กระต่ายก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา ตอนนี้เธอเป็นเด็กอายุได้7-8ขวบ เธอใช้เวลานานพอสมควรทีเดียวกว่าจะพูดถึงสิ่งที่อยากได้ “ลิปสติก…..พี่สา หนูอยากได้ลิปสติกจะไหมคะ? ”
ประโยคสุดท้าย เธอพูดด้วยเสียงที่มีพลังขึ้น
วัจสาตะลึงงันไป ความจริงแล้ว เด็กน้อยที่เพิ่งจะอายุเท่านี้ใช้ลิปสติก มันจะดูไม่ค่อยดีนะ
แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้ารับคำ “ได้สิ”กระต่ายยิ้มออกมาในทันที “ขอบคุณค่ะพี่สา!พี่สาใจดีที่สุดเลย!หนูรู้ดีว่าเด็กไม่ควรที่จะใช้ลิปสติก หนูสัญญาเลยค่ะว่าถ้าไปโรงเรียนหนูจะไม่ทา วันหยุดแล้วค่อยเอามาทา พอทาเสร็จหนูก็จะลบมันออก ไม่ให้ใครเห็นได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะคุณดนิตาจะไม่ให้เห็นเลยหล่ะค่ะ !”“ดีมากจ่ะกระต่าย”วัจสาเห็นเด็กน้อยที่อายุเพียงเท่านี้แต่ฉลาดรู้ความ ก็รู้สึกเศร้าอยู่ในใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอกอดกระต่ายเอาไว้แน่นในขณะที่ความรู้สึกนั้นยังแน่นอยู่ที่คอเรื่องที่เพิ่งเกินขึ้นเมื่อไม่นานมานี้มันทำให้เธอเหนื่อยล้า อาจจะด้วยเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ จึงทำให้อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย“ไอ้หยา สา มาได้ยังไงเนี่ย? นานแล้วนะเนี่ยที่ไม่เจอเธอเลย เรียนหยักใช่มั้ยหล่ะ?คนที่เดินเข้ามาทักทายเธอนี้คือเรรัตน์ เป็นคนเดียวกับที่มีปัญหากับธัชชัยเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นหัวหน้าทีมอาสาสมัครดูแลเด็กๆ ที่คอยรับผิดชอบในการเตรียมการสำหรับการกุศลและการบริจาคของสถาบันสถานสงเคราะห์ไปเรียบร้อยแล้วไม่รอให้วัจสาตอบอะไรกลับไป เรรัตน์ก็ถามขึ้นมาอีก “หรือว่าแต่งงานเข้าไปเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลใหญ่งานการเลยไม่ต้องทำแล้ว? ”“พี่เรรัตน์ ไม่ต้องมาล้อเลียนฉันเลยนะ แล้วก็คำถามพี่หน่ะฉันขอยังไม่ตอบนะ ได้มั้ย? ” วัจสามีสีหน้าขมขื่น อยู่ต่อหน้าเรรัตน์ เธอไม่จำเป็นต้องปั้นหน้าเข้มแข็ง ด้วยเพราะเรรัตน์ก็เปรียบเสมือนพี่ชายที่คอยดูแลเธอมาโดยตลอดตาของวัจสาบวมเป่งราวกับลูกวอลนัท ที่แม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออก เรรัตน์ที่เป็นคนใส่ใจแบบนี้จะมองไม่ออกได้ยังไง?“โอเค พี่จะไม่ถาม เดี๋ยวพวกเราจะออกไปข้างนอกกัน เธอว่างมั้ย? ไม่อย่างนั้นก็ไปด้วยกันสิ จะได้เป็นการไปพักผ่อนหย่อนใจ”“ออกไปข้างนอก? ไปไหนหรอ? ”“ไปหมู่บ้านแจ่มใส คุณดนิตาให้พวกเราเอาของที่ได้จากสถาบันสถานสงเคราะห์ส่วนหนึ่งเอาไปให้เด็กที่นู่นหน่ะ เขาต้องการของเหล่านี้มากกว่าเราวัจสารู้ดีว่าหมู่บ้านแจ่มใสอยู่ที่ไหน หลายปีก่อนเธอก็เคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งครั้ง ที่นั่นอยู่ห่างจากเมืองSไปค่อนข้างไกล ถ้าเธอจะไปด้วย ก็ต้องนั่งรถนานทีเดียวอีกด้วยที่นั่นสภาพแวดล้อมค่อนข้างแย่ มันเป็นเขตพื้นที่ที่อยู่ระหว่างภูเขากับที่ราบสูง ด้วยความขาดแคลนของวัสดุอุปกรณ์ การจราจรจึงยิ่งไม่ค่อยสะดวก ส่วนใหญ่วัยรุ่นชายก็จะออกไปทำงานและส่วนที่เหลือก็จะเป็นคนแก่และหญิงม่ายแต่วัจสาก็ตกลงโดยไม่คิดใคร่ครวญใดๆ อีกอย่างเธอก็จะได้นั่งรถตู้ที่ซึ่งเรรัตน์เป็นคนขับ ด้วยเพราะว่าสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อจะช่วยให้เธอรักษาบาดแผลของเธออย่างเงียบๆสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เธอที่อายุเพียงเท่านี้ไม่อาจที่จะจัดการให้มันหายไปจากใจได้ ดังนั้นตอนนี้ก็ทำได้เพียงเก็บมันเอาไว้ก่อน รอให้ตัวเธอจัดการมันได้มากกว่านี้ก่อน ค่อยกลับไปตอนที่วัจสามาที่สถานสงเคราะห์ก็ว่างฉุกละหุกแล้ว เวลาที่จะออกไปกับเรรัตน์ก็ยิ่งฉุกละหุกเข้าไปอีก แบบนี้ใครจะเจอวัจสาได้หล่ะดังนั้นเมื่อแวววัยมาตามหาเธอครั้งแรก ก็ไม่พบเธอแล้วจะว่าไปนี่ก็40ชั่วโมงได้แล้วที่เธอไม่เห็นหน้าค่าตาวัจสาเลยตอนที่ได้รับข่าวนั้นธัชชัยกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานที่ชั้นบนสุดของบริษัทโฮสติ้งใบหน้าของเขาเย็นชาและดูน่ากลัว ใบหน้านั้นไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เพียงแต่ดินสอในมือที่เขาใช้เอาไว้วาดรูปถูกหักเป็นสองท่อนมันมีความไม่สบายใจอยู่เหนือคิ้วขมวดเป็นปม ดูเหมือนว่าจะข้ามมันไปก็ข้ามไม่ได้เวลาเดียวกันนี้เองประตูของห้องทำงานก็ถูกดันเปิดออก คนที่กล้าที่จะทำเรื่องนี้ได้นอกจากบุรีแล้วก็ไม่มีใครอื่น หากเป็นแพรวเธอก็จะเคาะประตูสามครั้งเสียก่อนถึงจะเข้ามาได้ดูจากความกระตือรือร้นของบุรีแล้ว เขาก็มองออกทันทีว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญมารายงาน“มีอะไร? พูดมา” ธัชชัยเอาดินสอที่หักในมือทิ้งไป ก่อนจะถามขึ้นเรียบๆ“ท่านชัยครับ มีสองเรื่องด่วนเลยหล่ะ!เรื่องแรกคือตำแหน่งของพี่สะใภ้ เรื่องที่สองคือเรื่อง มนายุ ท่านจะฟังเรื่องไหนก่อน? ”บุรีพูดรัวเร็วยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า เขาวิ่งมาเหนื่อยแทบขาดใจ พอพูดจบก็ตรงเข้าก็หยิบน้ำเย็นจากโต๊ะชา ขึ้นมาดื่มสองอึกใหญ่