ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 99 หยุนชางวางกลยุทธ์แด่จิ้งอ๋อง
"ท่านอ๋อง" เสียงเรียกดังแว่วเข้ามาจากด้านนอก หยุนชางตกใจเพราะนางยังคงอยู่บนเตียง เคราะห์ดีที่นางเพียงงีบหลับไปเท่านั้นจึงไม่ได้ถอดเสื้อผ้า นางรีบลุกขึ้นมาสวมรองเท้าอย่างรีบร้อน ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไปก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องกล่าวว่า "พวกเจ้าเร่งรีบเดินทางมาอย่างลำบาก ไปพักเถอะ กองทัพเต็มไปด้วยบุรุษ พักที่อื่นก็คงไม่สะดวกนัก เจ้ากับสาวใช้ของเจ้าก็พักผ่อนที่นี่เถอะ ข้าจะบอกพวกเขาไม่ให้มารบกวน"
หยุนชางผงะไป คาดไม่ถึงว่าแม้มีฉากกั้นจิ้งอ๋องก็รู้ว่านางเขากำลังทำอะไรอยู่ นางหน้าร้อนขึ้นเล็กน้อย ตอบรับเสียงเบา แต่ก็ยังสวมรองเท้าแล้วเดินออกไป
จิ้งอ๋องเห็นท่าทางสะลึมสะลือหลังตื่นขึ้นของหยุนชางก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม "อีกเดี๋ยวจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ที่กองทัพมีของกินน้อย เกรงว่าเจ้าคงต้องลำบากแล้ว"
หยุนชางหัวเราะ "เสด็จอาพูดอะไรกัน ในเมื่อข้ามาที่นี่ย่อมไม่กลัวความลำบากเล็กน้อยเช่นนี้อยู่แล้ว"
นางพูดพลางนึกได้ถึงคำถามที่นางอยากถามมาโดยตลอด "เสด็จอา ชางเอ๋อร์คิดว่าค่ายของเราอยู่ระหว่างภูเขาสองลูก ถ้าทหารเย้หลางลอบโจมตีจากบนภูเขา กลิ้งพวกหินลงมา เกรงว่าจะไม่ง่ายนักที่จะรับมือ".
จิ้งอ๋องเห็นสีหน้าของหยุนชางในวันนี้ก็รู้สึกว่านางจะสนใจในการสงครามอยู่บ้างจึงเดินไปที่โต๊ะด้านข้างและชี้ไปยังแผนที่บนโต๊ะพร้อมกล่าวว่า "เจ้ามาดูนี่"
หยุนชางเดินตามไปก็เห็นว่าแผนที่เต็มไปด้วยวงกลมหลายวง เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงสับสนเล็กน้อย จิ้งอ๋องชี้ไปที่วงกลมบนแผนที่และกล่าวว่า "
นี่คือที่ที่เราอยู่ตอนนี้และนี่คือตำแหน่งขิงกองทัพเย้หลาง"
หยุนชางโน้มตัวลงไปดูก็เห็นสัญลักษณ์และเส้นโค้งเต็มไปหมด จิ้งอ๋องไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้นางมองดู ผ่านไปสักพักนางจึงเข้าใจ "ข้าเข้าใจแล้ว"
"หืม? ไหนลองว่ามา?" จิ้งอ๋องเลิกคิ้ว
หยุนฉางชี้ไปที่ตำแหน่งไกลซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่ราบขนาดใหญ่แล้วกล่าวว่า "นี่คือแคว้นเย้หลาง อาณาเขตของแคว้นเย้หลางนั้นเป็นที่ราบกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้นทหารของพวกเขาจึงมีโอกาสชนะในการรบบนพื้นราบ แต่ถ้าเข้าไปในภูเขาแล้วจะเดินยาก ระแวกใกล้เคียงมีภูเขาอยู่เพียงสองลูกเท่านั้น ชาวเย้หลางจึงไม่คิดจะเริ่มต้นจากภูเขาอย่างแน่นอน แต่พวกเราทำได้"
จิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางไม่ต้องให้เขาแนะนำก็สามารถหาประเด็นสำคัญได้ ในใจจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาพยักหน้า "นอกจากนี้ ข้าส่งคนไปสืบเรื่องนี้แล้ว รอบภูเขาสองลูกนี้มีพิษมาก เพียงเข้าไปในป่าทึบบนภูเขาก็แทบจะมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ห่างออกไปห้าก้าวเลย ชางเจียชิงซูจึงไม่เสี่ยง"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งเข้าใจ เพียงแต่เมื่อเทียบกับจิ้งอ๋องแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มากประสบการณ์การเท่าเขา แต่ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของนางก็คือนางเคยผ่านชาติที่แล้วมาก่อน ชางเจียชิงซูนี้ไม่ธรรมดา แม้แต่จิ้งอ๋องก็ได้รับความเดือดร้อนจากเขาไม่น้อย หยุนชางก้มศีรษะลงคิดว่านางควรจะเตือนเขาอย่างไรให้ไม่ปรากฏพิรุธได้
"ไม่รู้สิ องค์ชายสามนี่มักจะใช้วิธีไหนทำสงครามกันนะ?" หยุนชางดูเหมือนพึมพำกับตัวเอง
เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้งอ๋องก็กวาดตามองนางเบาๆ "ชางเจียชิงซูคนนี้ค่อนข้างใจร้อน ชอบใช้กำลังปะทะ แต่เขาไม่ได้ทำการสุ่มสี่สุ่มห้า พวกกลอุบายร้ายหรือเล่เหลี่ยมเขาก็ช่ำชองไม่น้อย"
หยุนชางนึกข้อมูลเกี่ยวกับศึกครั้งนี้จากอดีตชาติ ในช่วงเวลานี้นางเพิ่งเลือกราชบุตร สวามีของหัวจิ้งเกิดเรื่องขึ้น หลังจิ้งอ๋องออกรบแล้ว โม่จิ้งหรานจึงเพิ่งเริ่มแสดงนิสัยที่แท้จริงออกมา เขามีชู้ไปเรื่อย นางรู้สึกเศร้าใจมากกำลังคิดหาทางทำให้เขาอยู่แต่กับนางทุกวัน จะมีเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องเหล่านี้
แต่เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ยามที่นางเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮองเฮาก็บังเอิญเจอหัวจิ้งร้องไห้อยู่ที่นั่น ตัดพ้อว่าชีวิตของนางช่างลำบาก ไม่ควรแต่งงานกับแม่ทัพ เขาเสียชีวิตในสนามรบ แม้แต่ผู้ที่เก่งกาจเช่นจิ้งอ๋องก็ยังตกลงไปในอุบายขององค์ชายสามแห่งเย้หลางและติดอยู่ในภูเขา องค์ชายสามจุดไฟเผาภูเขา จิ้งอ๋องเกือบเอาชีวิตไม่รอดและก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในภูเขา… หยุนชางมองดูแผนที่อย่างระมัดระวัง ไม่มีภูเขาอีกภายในหนึ่งร้อยลี้
หรือว่า…
หยุนชางคิดเช่นนี้อยู่พักใหญ่แล้วจึงกล่าวเสียงเบา "คนที่รู้วิธีใช้เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ บางทีความบ้าบิ่นที่เห็นนั้นก็อาจไม่เป็นความจริง ในรัศมีหรึ่งร้อยลี้ไม่มีภูเขาสูงเช่นนี้อีก เสด็จอากลับเลือกที่จะตั้งค่ายที่นี่ ชางเจียชิงซูก็ต้องเข้าใจเหตุผลนี้อย่างแน่นอน ทหารของเราสามารถหาวิธีที่จะเดินทัพในสภาพแวดล้อมพิษนี้ได้ แต่หากชางเจียชิงซูจุดไฟขึ้น…"
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววชื่นชม เขายิ้มและกล่าวว่า "อืม ไม่ว่าเขาบ้านบิ่นจริงหรือไม่ ก็ควรที่จะป้องกันไว้"
เมื่อหยุนชางได้รับคพสนับสนุนจากเขา หัวใจของนางจึงสงบลงเล็กน้อย "ข้าได้ยินมาว่า ในช่วงนี้องค์ชายสามเพียงมาท้ารบ เมื่อเสด็จอานำทัพไป เขาก็จะวิ่งกลับไปหางจุกตูด ช่างเอ๋อร์ขอบังอาจเดาว่าเขาเพียงอยากหลอกลวงเสด็จอาเท่านั้น ทำให้เสด็จอาคิดว่าเขาไม่มีฤทธิ์เดชอันใดแล้วก็จะคลายความระมัดระวังลง เมื่อถึงเวลาเขาก็จะออกล่า"
จิ้งอ๋องยิ้มและกล่าวว่า "ข้าคิดว่าสตรีในเมืองหลวงเช่นเจ้าจะสนใจเพียงเรื่องเย็บปักถักร้อยลัดนตรีเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าชางเอ๋อร์จะพอรู้เรื่องการทหารด้วย เพียงแค่… เข้าใจแผนที่นี้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว ชางเอ๋อร์อยู่ในวังไม่น่าได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้ ไต้ซืออู๋น่าสอนเรื่องเหล่านี้ด้วยเหรอ?"
หยุนชางตะลึง แต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ในวังย่อมไม่สอนเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วเพราะวังหลังไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับราชการได้ แต่หากนางจะบอกว่าเป็นไต้ซืออู๋น่าสอนก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก พวกวิชาดนตรี หมากล้อม หนังสือและวาดภาพนั้นหากไต้ซืออู๋น่าจะสอนก็ไม่แปลกนัก แต่เรื่องตำราพิชัยสงคราม หากพระสอนเรื่องเหล่านี้ก็จะไม่สมเหตุสมผล หากซักไซ้ไปมาก็อาจกลายเป็นการยัดเยียดข้อหากบฏให้ท่านเสียก็มีโอกาสเป็นไปได้
จิ้งอ๋องเห็นหยุนชางก้มหน้าไม่พูดไม่จาจึงรู้ว่านางไม่ต้องการพูด เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ แต่ก็ไม่ได้กล่าวถึงอีก เพียงเปลี่ยนเรื่องสนทนาไปเท่านั้น "เพลงหงส์วอนรักในงานเลี้ยงวันนั้น…"
เมื่อจิ้งอ๋องเปิดประเด็นขึ้นมา หยุนชางก็รู้สึกใจกระตุกขึ้นมา นางได้เกิดใหม่อีกครั้ง ในอดีตชาตินางถูกแผนร้ายของฮองเฮาและหัวจิ้ง เกรงว่าคงไม่รู้ว่าความรักคืออะไรจึงคิดไปว่าตนเองชอบโม่จิ้งหรานและรีบขอพระราชทานงานแต่ง ในชาตินี้แม้ว่านางจะตั้งใจแต่แรกว่านางจะไม่แต่งงานอีก เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องเอ่ยถึงเรื่องวันนั้นและประโยค "บทเพลงนี้ ต้องเป็นนางเท่านั้น" ทำให้ในใจนางถึงรู้สึกร้อนรนจึงรีบพูดขึ้นว่า "ในวันนั้นเดิมทีเมิ่งฉางจ้ายเตรียมเพลง "ปิ่นหงส์" เอาไว้ เดิมทีนางก็อยากให้ชางเอ๋อร์เล่นดนตรีให้นาง อย่างไรนางก็เป็นคนที่ออกจากวังของชางเอ๋อร์ไป เมื่อนางขอร้องเช่นนี้ ชางเอ๋อร์ก็เอ่ยปฏิเสธยาก แต่คิดไม่ถึงว่าซู่เฟยเหนียงเหนียงจะเรียกท่านอ๋อง…"
"หืม? เช่นนั้นก็เป็นข้าเข้าใจผิดไปหรือ… สายตาของจิ้งอ๋องจับจ้องไปที่หยุนชาง ในใจรู้ว่านางไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก เขาจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เขาไม่อาจละสายตาไปจากร่างของหญิงสาวผู้ที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตามาก่อนนี้ได้ อีกทั้งยังมีแต่จะสนใจใส่ใจนางยิ่งขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางแล้วก็รู้ว่าเขาไม่อาจรีบเร่งได้ ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้รู้ใจตนเองดีนัก ประโยคนั้นในวันนั้นเขาเพียงโพล่งออกไปเท่านั้นและพอพูดออกไปแล้ว เขาจึงรู้สึกได้ว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป นางเป็นหลานสาวของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทางสายเลือดก็ตาม แต่ความสัมพันธ์เช่นนี้ก็น่าอึดอัดไปสักนิด บวกกับอายุของเขายังมากกว่านางไม่น้อยเลย…
จิ้งอ๋องยิ้มขมขื่นตรงมุมปากและเอ่ยเสียงเบา "อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนนำอาหารเข้ามา เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ" เขาพูดแล้วก็หันหลังออกจากกระโจมไป
ในใจหยุนชางเพียงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กลับไม่เห็นว่าเฉี่ยนอินโผล่หัวของนางออกมาจากด้านหลังฉากกั้นอย่างเงียบๆ นางหัวเราะคิกคัก "องค์หญิง หม่อมฉันว่าจิ้งอ๋องคนนี้ต้องคิดอะไรกับองค์หญิงอยู่บ้างแน่ๆเลยเพคะ ทำไมเมื่อครู่องค์หญิงไม่ปล่อยให้เขากล่าวต่อไป ท่านอ๋องกับองค์หญิง หม่อมฉันว่าช่างเหมาะสมกันนักเชียว"