ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 100 จดหมายลับของชางเจียชิงซู
หยุนชางตกใจและเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเฉี่ยนอินก็อยู่ในกระโจมด้วย คำพูดเมื่อครู่จึงถูกนางได้ยินเสียหมด ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ถลึงตามองเฉี่ยนอินแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง
"หรือว่าองค์หญิงไม่ชอบท่านอ๋องหรือ? ก็จริง ท่านอ๋องติดจะเย็นชาไปนิดแล้วยังแก่กว่าองค์หญิงตั้งสิบชันษา…" เฉี่ยนอินพยักหน้าท่าทางครุ่นคิด
หยุนชางกัดฟันและทำเสียงขึ้นจมูก "เจ้าตัวดี เชื่อหรือไม่ว่าข้าขายเจ้าไปเป็นลูกสะใภ้พ่อบ้านของท่านตาเสีย"
เฉี่ยนอินรีบโบกมือ "องค์หญิง ไม่เอานะเพคะ ลูกชายนั่นของพ่อบ้านเป็นคนง่อย หม่อมฉันไม่เอาเด็ดขาด"
ในชาตินี้ของหยุนชาง การรับมือกับเรื่องชีวิตรักของนางไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆ จิตใจของนางจึงว้าวุ่นเล็กน้อย ลางสังหรณ์บอกนางว่าจิ้งอ๋องปฏิบัติต่อนางดูจะแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่นางก็ไม่กล้าครุ่นคิดอย่างละเอียด แม้แต่ความกล้าหาญที่จะไปทำความเข้าใจนางก็ไม่มี หยุนชางถอนหายใจและแอบว่าตนเองอย่างลับๆ ใช้ไม่ได้เสียจริง
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว หยุนชางเข้านอนอย่างรวดเร็ว เป็นครั้งแรกที่นางนอนในค่ายทหารที่ชายแดน นางรู้สึกเพียงว่าเสียงเอะอะรอบตัวทำให้นางนอนไม่ค่อยหลับนัก แต่ว่านางก็ง่วงมากจริงๆ สักพักก็ผล็อยหลับไป
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หยุนชางตื่นขึ้นด้วยเสียงฝึกทหาร เมื่อตื่นมารับประทานอาหารเช้าแล้วแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษ นางก็เดินออกจากกระโจม เมื่อออกมาแล้ว ที่หน้าประตูก็มีผู้ติดตามคนเมื่อวาน ดูเหมือนจะชื่อลั่วติง? หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า "ลั่วติง ใช่ไหม?เป็นทหารฝึกหัด?"
ผู้ติดตามดูราวกับคิดไม่ถึงว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ท่านอ๋องถือว่าเป็นแขกจะจำชื่อของเขาได้ ในใจประหลาดใจระคนยินดีและรีบตอบรับ "ใช่ขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องฝึกทหารอยู่ ฮิฮิ เสียงดังไปหน่อยรบกวนคุณชายนอนหลับใช่ไหมขอรับ?"
หยุนชางส่ายหัวและเดินไปในทิศทางที่เสียงนั้นแว่วมา ไกลออกไปนางเห็นคนกลุ่มใหญ่ถือหอก ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดสวมชุดเกราะสีขาวเงิน คงจะเป็นจิ้งอ๋อง
ก่อนที่หยุนชางจะเดินไปถึง จิ้งอ๋องก็ได้เห็นนางแล้วและเดินเข้ามาหานาง "ตื่นแล้วหรือ? มันรบกวนเจ้าหรือเปล่า?"
หยุนชางส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเห็นการฝึกทหารเป็นครั้งแรก รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเล็กน้อย"
จิ้งอ๋องยิ้มพลางหันกลับไปมองทหารของเขา แต่กลับนึกอะไรบางอย่างได้จึงบอกกับหยุนชางว่า "ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าพอดี เจ้าตามข้ากลับไปที่กระโจมเถอะ"
หยุนชางไม่อยากอยู่ตามลำพังกับเขาแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งจึงตามจิ้งอ๋องกลับไปที่กระโจม ทันทีที่ก้าวเข้ามาในกระโจม จิ้งอ๋องก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า "เช้าตรู่วันนี้พวกเราหยุดจดหมายฉบับหนึ่งไว้ได้ซึ่งน่าจะเป็นองค์ชายสามส่งไปยังเมืองหลวง มันถูกเขียนถึงฮอ่งเต้…"
"เขียนถึงเสด็จพ่อ?" หยุนชางตกตะลึงและคิดว่าตามหลักแล้วจดหมายลับเช่นนี้ ไม่ควรเอามาบอกนาง แต่จิ้งอ๋องสีหน้าเคร่งขรึมงมาก หรือว่าเนื้อหาของจดหมายนี้เกี่ยวข้องกับนาง? เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หยุนชางจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว "มันเกี่ยวข้องกับข้าหรือ?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "ชางเจียชิงซูอยากให้เจ้าแต่งงานไปแคว้นเย้หลาง และยังบอกอีกว่า…"
"มีอะไรอีก?" ทันทีที่นางได้ยินว่าสู่ขอนางก็รู้ได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นความคิดของหัวจิ้งแน่จึงแค่นเสียงอย่างเย็นชา
จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ยังบอกอีกด้วยว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขาแล้ว มันสายไปเสียแล้ว และขอให้จักรพรรดิหนิงเมตตาอนุญาติ"
จิ้งอ๋องแอบกำหมัดแน่น ไม่ได้พูดถึงนางแต่พูดถึงองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว
แม้ว่าหยุนชางจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่นางได้ยินเช่นนี้ก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย ในใจแอบตื่นตระหนก องค์หญิงฮุ่ยกั๋ว องค์หญิงฮุ่ยกั๋วที่อยู่ในค่ายทหารของแคว้นเย้หลางก็คือหัวจิ้ง
…หรือว่า หัวจิ้งกับองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางนั้นได้ทำเรื่อง…กันไปแล้ว?
"กลอุบายครั้งนี้ของหัวจิ้งช่างโหดเหี้ยม…" มันช่างไร้ความปรานีเสียจริง หากจักรพรรดิหนิงได้รับจดหมายฉบับนี้ พระองค์คงยังไม่เข้าใจว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะโปรดหยุนชาง เขาก็ย่อมมีความสงสัยอยู่บ้าง อย่างไรองค์ชายสามก็ได้เอ่ยอ้างถึงขนาดนี้แล้ว และแม้เรื่องนี้จะไม่เป็นความจริง แต่หากองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางจะกัดนางไม่ปล่อยและบอกว่าพวกเขาสองคนมีอะไรกันจริงๆ เสด็จพ่อก็คงไม่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะอย่างไรก็เป็นเรื่องน่าขายหน้าในครอบครัวและนางก็เป็นถึงองค์หญิง นอกจากนี้หากแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน จักรพรรดิหนิงก็จะไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยก็สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถสงบสุขไปได้สักระยะ ดังนั้นหากจดหมายฉบับนี้ไปถึงมือของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อย่อมต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
คิงจิงเห็นว่าหยุนชางเงียบไปนานแต่กลับไม่ได้แปลกใจหรือตื่นตระหนกมากนักก็รู้ว่านางคงจะมีแผนการอยู่แล้ว "เรื่องนี้ข้าไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เจ้าจะทำอย่างไร?"
หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปาก ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ "ในเมื่อเสด็จพี่กับองค์ชายสามต่างก็ชอบพอกันและกัน แล้วข้าจะไม่สงเคราะห์พวกเขาได้อย่างไร?" พูดจบแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองจิ้งอ๋องแล้วกล่าวอีกว่า
"ต้องลำบากเสด็จอาแล้ว เปลี่ยนชื่อในจดหมายนี้เป็นชื่อของเสด็จพี่ก็พอแล้ว"
หลังหยุนชางพูดจบนางก็ก้มหน้าลงเพื่อปกปิดประกายเย็นชาในดวงตาของนาง หากชื่อในจดหมายเป็นของนาง เสด็จพ่อตอ้งเห็นด้วยแน่ แต่ถ้าเป็นหัวจิ้ง… หัวจิ้งแต่งงานแล้ว แต่กลับไม่ยึดถือคุณธรรมของสตรีเช่นนี้ แม้แต่ฮองเฮาก็เกรงว่าจะไม่สามารถช่วยนางไว้ได้แล้ว นอกจากนี้นางยังอยู่ในค่ายของศัตรู เมื่อหยุนชางคิดเรื่องนี้ได้ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับจิ้งอ๋อง "มีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าเกรงว่าจะต้องรบกวนเสด็จอาอีก เสด็จอาช่วยวาดรูปเหมือนของหัวจิ้งสักภาพและส่งมันให้กับเสด็จพ่อ บอกว่ามีสตรีนางหนึ่งดูคล้ายกับองค์หญิงหัวจิ้งอยู่ในกองทัพศัตรู มักจะอยู่ข้างกายองค์ชายสามและนึกได้ว่าองค์หญิงหัวจิ้งมาที่ชายแดนเพื่อช่วยสวามีของนาง ท่านจึงไม่กล้าทำอะไร ดังนั้นจึงเรียนขอคำชี้แนะโดยเฉพาะ…"
ดวงตาของจิ้งอ๋องเป็นประกายสดใสและเขาก็ยิ้มออกมา "ดี! ไม่เพียงเท่านั้น แล้วข้าจะให้ชาวบ้านแถวนี้ร่ำลือกันไปทั่วและกระจายข่าวลือนี้ไปที่เมืองหลวงด้วย ให้ลือไปทั่วทั้งเมือง…"
"เช่นนั้นชางเอ๋อร์ก็ขอขอบพระทัยเส็ดจอามากเพคะ"
เมื่อพูดถึงหัวจิ้งแล้ว หยุนชางก็นึกถึงคนอีกคนได้ "จริงสิ เสด็จอา จ้าวฮูหยินมารดาของราชบุตรเขยก็ดูแหมือนจะมาที่ชายแดนด้วย แต่ข้าไม่เห็นเลย…"
"เมื่อจ้าวฮูหยินได้ยินว่าลูกชายเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองหลิงกวน ทันทีที่มาถึงชายแดนก็พาคนไปที่เมืองหลิงกวนทันที บอกว่าอยู่ต้องเห็นคนตายต้องเห็นศพ หลายวันมานี้นางสืบข่าวอยู่ที่เมืองหลิงกวนอยู่ตลอด "จิ้งอ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นอีกว่า "ลูกน้องของเจ้าทำการอย่างระมัดระวังหรือเปล่า? จ้าวฮูหยินนั่นเพื่อที่จะหาตัวลูกชายของนางแทบแทบจะพลิกเมืองหา อย่าให้นางสืบรู้อะไรได้ มิฉะนั้นแม้ว่านางจะเป็นเพียงก้าวมิ่งฟูเหรินระดับไม่สูงนัก แต่จวนจ้าวจงรักภักดีแม้ว่าจะเป็นเสด็จพี่ก็ยังต้องเกรงใจ หากนางสืบมาถึงตัวเจ้าเกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก"
เรื่องที่หนิงเฉี่ยนลงมือ หยุนชางรู้สึกวางใจเสมอ ดังนั้นนางจึงตอบไปว่า "ไม่มีอะไร ถึงนางจะสืบก็สืบไม่พบอะไรหรอก"
"จ้างอิงเจี๋ยตายแล้วหรือ?" จิ้งอ๋องเลิกคิ้ว
หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ไม่ ตอนนี้อยู่ที่เมืองซีอีข้างๆ เดิมทีข้าต้องการส่งเข้ากลับเมืองหลวง ในอนาคตอาจจะมีประโยชน์ที่จะเก็บเขาไว้ แต่มีด่านตรวจเยอะเกินไปจึงไม่ได้พาไป แต่ตอนนี้หัวจิ้งก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าจึงคิดว่าเขาน่าจะมีประโยชน์ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ส่งตัวไป"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว เพียงแต่คนผู้นี้นั้น หากวางแผนเสร็จแล้ว เป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยเขาออกมาโดยเร็ว จ้าวอิงเจี๋ยเป็นแม่ทัพผู้มีความสามารถคนหนึ่งและไม่ได้โงเขลา หากเขาพบเบาะแสอะไรเข้าก็ไม่สามารถปล่อยไว้ได้"
หยุนชางพยักหน้า "ชองเอ๋อร์เข้าใจแล้ว" ในใจแอบคิดคำนวณ อีกไม่กี่วันนางจะไปกระจายข่าวลือเสียหายของหัวจิ้งในเมืองซีอีเสียหน่อย จากนั้นจึงจงใจเปิดเผยร่องรอยบางส่วนให้จ้าวอิงเจี๋ยเข้าไปพบ สิ่งแรกที่เขาได้ยินเมื่อเขาหลบหนีก็คือเรื่องรักๆใคร่ๆ ขององค์หญิงผู้เป็นภรรยาของเขา หลังจากนั้นจ้าวอิงเจี๋ยก็คงจะไปตามหา เมื่อถึงเวลาก็ยั่วโมโหองค์ชายสามเสียหน่อย ให้พาหัวจิ้งมาที่สนามรบ อย่างไรจ้าวอิงเจียวและหัวจิ้งก็เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี แม้จะอยู่ไกลอย่างไรก็ต้องดูออกแน่ว่าเป็นใคร…
…
ชายชาตรีย่อมไม่สามารถยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนิสัยของหัวจิ้งนั้น ยามอยู่ที่จวนก็น่าจะให้จ้าวอิงเจี๋ยเป็นที่รองรับอารมณ์มาไม่น้อย เดิมทีที่จ้าวอิงเจี๋ยแต่งงานกับหัวจิ้งก็เป็นเพราะจักรพรรดิได้ทรงพระราชทานงานแต่งงานให้ จึงไม่รับไม่ได้ แต่เมื่อได้มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าหัวจิ้งบกพร่องต่อคุณธรรมสตรี ต่อให้เป็นองค์หญิงก็จะถูกผู้คนใต้หล้าดูหมิ่นเหยียดหยามได้เช่นกัน
จิ้งอ๋องเพียงชำเลืองมองมาที่นางก็เข้าใจสิ่งที่นางกำลังคิด เขาหัวเราะพลางกล่าวว่า "จ้าวอิงเจี๋ยเป็นคนดื้อรั้นและจงรักภักดีต่อราชวงศ์อย่างมาก เพียงเรื่องของหัวจิ้งและชางเจียชิงซูคงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหย่าร้าง แต่เขาก็เป็นลูกชายที่มีความกตัญญูเป็นอย่างมาก ความลำบากที่จ้าวฮูหยินเลี้ยงดูเขามา เข้าก็ไม่สามารถเห็นใครปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาของเขาได้เช่นกัน…"
เมื่อหยุนชางได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย…