ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 479 พลิกผัน(๑)
หยุนชางได้ยินถึงสิ่งที่หลานซินพูดในวันนี้แล้ว เกรงว่าคงจะได้อยู่รอที่ตำบลฉีหลานอยู่สักสองสามวัน ภายในใจก็มีจุดมุ่งหมายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินหลิ่วหยินเฟิงพูดดังนั้น จึงมิได้ตกใจแต่อย่างใด พลางพยักหน้ารับคำเล็กน้อย
หลิ่วหยินเฟิงเหลือบมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของหยุนชางอยู่นาน จึงยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า ” ยังมีข่าวดีมาบอกเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ข้าให้สายข่าวของข้าในเผ่าหย่าสืบให้แล้ว เกรงว่าทั้งรุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกง ยังมิได้บุกเข้าไปในเผ่าหย่ากระมัง อีกทั้งยังมิรู้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์อันใด อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาล้วนแต่ปลอดภัยทั้งคู่”
หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ ภายในใจคิดว่า หากปลอดภัยเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี ภายในหัวกลับคิดทบทวนถึงแผนที่ในแคว้นเซี่ยอย่างรอบคอบ ถึงแม้ว่าลั่วชิงเหยียนและฮวากั๋วกงจะนำทัพที่น้อยกว่าแสนนายมาปราบความวุ่นวาย หากแต่การจะซ่อนกำลังพลทหารที่มิถึงแสนนายได้ก็มิใช่เรื่องง่ายเลย เกรงว่าการจะซ่อนได้คงมิพ้นซ่อนอยู่ในป่าทึบ หุบเขา เนินเขา และทะเลทราย ทว่า น่าเสียได้มากที่นางจดจำได้แต่เพียงโครงร่างเท่านั้น หากจะเจาะลึกไปถึงรายละเอียดนั้น นางจะต้องดูสัญลักษณ์บนแผนที่อีก
“หากต้องการที่จะซ่อนกองทัพ. แคว้นเซี่ยมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบดูแล้ว. เป็นอย่างที่พวกเราคาดการณ์ไว้จริง ๆ เกรงว่าอ๋องเจ็ดและใต้เท้าซูก็คงจะจะคิดได้เช่นกัน ข้าคิดว่า อีกไม่นานทั้งรุ่ยอ๋องและฮวากั๋วกงคงจะปรากฏตัวออกมาเร็ว ๆ นี้” หลิ่วหยินเฟิงพูดออกมาราวกับเข้าใจในสิ่งที่หยุนชางคิดอยู่
“มิเป็นไรเพคะ. ไม่ต้องส่งคนไปสืบหาหรอก เพียงแค่ปลอดภัยก็ดีมากแล้ว เป็นเช่นที่ท่านพูด เกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาคงจะปรากฏตัวออกมาแล้ว หม่อมฉันมิรีบร้อน ” หยุนชางตอบเขาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย พร้อมเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่มีเพียงพระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่
หลิ่วหยินเฟิงได้ยินหยุนชางพูดดังนั้น. ก็มิได้บังคับอะไร พลางพยักหน้าเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง
หยุนชางได้พักอยู่ที่ตำบลฉีหลางเพียงไม่กี่วัน ผู้คนที่เข้ามาสืบหานางก็ค่อย ๆ ออกไป เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว หยุนชางต้องรอถึงสองวันจึงจากไปพร้อมกับคนที่เมืองหลีมารับ หลิ่วหยินเฟิงที่มาส่งหยุนชางถึงเมืองหลีนั้น เมื่อส่งนางถึงมือท่านเจ้าเมืองหลีแล้ว เขาจึงออกไปจากเมืองหลีท เพื่อกลับไปยังตระกูลหลิ่ว เขามาพักผ่อนนานเกินไปแล้ว เกรงว่าหากนานไปกว่านี้ หลิ่วจิ้นจะสงสัยเอาได้
ท่านเจ้าเมืองหลีเป็นชายอายุประมาณสามสิบกว่า ๆ ชื่อเฉียนหยุน. ได้ยินมาจาหลิ่วหยินเฟิงว่า เป็นคนที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก สามารถสอบรับราชการได้เป็นปั๋งเหยี่ยนตั้งแต่อายุสิบแปด. หลังจากนั้นจึงได้มาประจำการเป็นท่านเจ้าเมืองหลี หยุนชางที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลเฉียนนั้น จากการตกแต่งของจวนตระกูลเฉียน. ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย เฉียนหยุนมีฮูหยินเพียงหนึ่งคน พร้อมทั้งบุตรชายหนึ่งบุตรีหนึ่ง การใช้ชีวิตของพวกเขาล้วนแต่เรียบง่ายเป็นอย่างมาก
หยุนชางที่แปลงกายเป็นชายหนุ่มนั้น ก็ยังใช้นามแฝงว่าเซียวหยุนเช่นเดิม เป็นเพียงพ่อค้าทีเดินทางค้าขายธรรมดาที่ถูกโจรปล้นแต่เพียงเท่านั้น สายใช้ก็ได้รับบาดเจ็บ จึงได้มาพบกับหลิ่วหยินเฟิง เนื่องจากมีการค้าขายในเมื่องจิ่นค่อนข้างกว้างขวาง จึงสนิทสนมกับหลิ่วหยินเฟิงเป็นอย่างดี หลิ่วหยินเฟิงจึงส่งพวกเขาและนางมารักษาตัวที่นี่
เฉียนหยุนเห็นลักษณะของหยุนชาง ที่มีความกล้าหาญและหล่อเหลาเป็นอย่างมาก สามารถพูดคุยคบเป็นสหายกันได้. เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของเฉียนยินนั้น ถือว่าเป็นสาวใช้ที่ดูรูปร่างอ่อนหวาน เกรงว่านางคงไม่ได้ลำบากมากนัก เขาจึงคิดว่าเฉียนยินเป็นสาวใช้ห้องข้างเพียงเท่านั้น ทว่าก็ให้ความเคารพฮูหยินของตนเป็นอย่างมาก
หยุนชางก็ได้เดินสำรวจรอบ ๆ เมืองหลีแล้ว เมืองหลีตอนนี้ราษฏรล้วนแต่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุขมาก พวกเขาล้วนแต่ให้ความเคารพและยกย่องเฉียนหยุนเป็นอย่างมาก นางแอบจดจำไว้ในใจ
หยุนชางอยู่ที่เมืองหลีมาได้ห้าหกวันแล้ว พลันได้รับข่าวจากนกพิราบสื่อสารมาถึงเมืองหลีว่า ภายในเมืองจิ่นมีข่าวลือที่ไม่ทราบสาเหตุมาว่า หยุนชางถูกลอบสังหารเมื่อเดินทางไปวิหารหานอวิ๋น
หยุนชางยิ้นอย่างเย็นชา มิคิดว่า จะมีคนที่อดทนรอโอกาสไม่ไหวเช่นนี้ ราวกับว่ามั่นใจเป็นอย่างมากว่านางได้ตายไปแล้วจริง ดูเหมือนว่าจิ้งจอกจะโผล่หางมันออกมาเสียแล้ว ถ้าเช่นนั้น อย่าหาว่านางไม่เกรงใจก็แล้วกัน
หยุนชางเฝ้าดูปฏิกิริยาของหนิงเฉียนอยู่ห่าง ๆ จึงได้อยู่ที่เมืองหลีอย่างสบายใจ แม้ว่าหยุนชางจะแต่งตัวเป็นชาย ทว่าก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก วันก่อน ในขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองหลีนั้น มีสตรีมากมายโยนผ้าเช็ดหน้ามาให้นาง. นั้นทำให้นางถึงกับชะงักไปเลยทีเดียว จะร้องให้ก็มิออกจะหัวเราะก็ไม่ได้ จึงมิค่อยกล้าออกไปข้างนอกอีกเลย พร้อมขลุกอยู่แต่ในจวนอ่านตำรา บางครั้งเฉียนหยุนก็มาพูดคุยกับนางบ้างเป็นบางครั้ง บ้างทีก็พูดคุยเป็นเนื้อหาในตำรา บางทีก็พูดถึงชีวิตประจำวันต่าง ๆ
“เมื่อวานตอนที่ไปรับพวกเจ้ามาจากตำบลฉีหลางนั้น พลันได้ยินข่าวลือมาว่า พบศพพระชายารุ่ยอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าพระชายารุ่ยอ๋องงดงามเป็นอย่างมาก ทว่าครั้งก่อนที่เคยพบเจอพระชายารุ่ยอ๋องที่เมืองคังหยางและสงครามที่เมืองจิ้งหยางนั้น. ไม่มีที่ใดไม่สามารถเรียกว่างดงามได้ ทว่าน่าเสียดาย ที่รูปโฉมราวกับฟ้าประทานเช่นนั้นไม่มีชีวิตอยู่เสียแล้ว ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของรุ่ยอ๋องและพระชายาล้วนแต่แน่นแฟ้น ตอนนี้รุ่ยอ๋องที่ยกทัพไปปราบเผ่าหย่านั้น เกรงว่าคงจะยังไม่รู้ข่าวนี้กระมัง กลัวแต่ว่า เมื่อรู้เรื่องแล้วมิรู้ว่าท่านจะโศกเศร้าเสียใจขนาดไหน “เฉียนหยุนพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่วันให้ฟัง. พร้อมทั้งถอนหายใจออกมา
เฉียนยินที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้น เมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงเหลือบมองหยุนชางพลาง ๆ มองอยู่หลายรอบ ทว่าเห็นเพียงหยุนชางกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากเพียงเท่านั้น พร้อมกับนั่งยิ้มตาหยีอยู่ นิ้วมือที่กุมอยู่บนแขนพลางเคาะเบา ๆ พร้อมถอนหายใจออกมาถึงสองรอบ “เป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาพูด รูปโฉมดั่งฟ้าประทาน”
เฉียนยินจ้องมองตรงไปที่หยุนชาง ทว่าสายตาของหยุนชางที่เฉยเมยพลันหายไป เฉียนยินจึงหันกลับมา พร้อมมองไปยังผ้าปักในมือของฮูหยินเฉียน
เฉียนฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “การปักเช่นนี้ใช้เวลานานมาก อีกทั้งยังเป็นการใช้มือเดียวอีกด้วย ข้าล้วนแต่คุ้นชินกับการถือเข็มไว้ที่มือซ้าย. แม่นางเฉียนยินกลับไปรองฝึกดูก็ได้”
เฉียนยินพลันรับคำ พร้อมทั้งตั้งใจเรียนการปักผ้าจากเฉียนฮูหยิน ทว่า ภายในหัวกลับคิดว่า เฉียนฮูหยินยังคุ้นชินสามารถใช้มือซ้ายหยิบเข็มปักผ้าได้ หากนางฝึกฝนอีกหน่อย คงสามารถใช้มือซ้ายจับกระบี่ได้กระมัง
ภายในวันที่สอง. หยุนชางได้รับข่าวมาจากพระราชวัง พร้อมกับเล่าว่า ฝ่าบาทได้มีคำสั่งให้นำศพหยุนชางกลับไปยังเมืองจิ่นแล้ว เกรงว่าพรุ่งนี้คงจะถึง พร้อมทั้งยังแนบข้อมูลที่หยุนชางสั่งให้หามาอีกด้วย เพียงกล่าวว่าพบผู้ที่วางยาฮูหยินน้อยหลิ่วแล้ว. เป็นสาวใช้ข้างห้องของกู้เฉาเกอ อีกทั้งยังบอกอีกว่า ข่าวการตายของหยุนชางที่ดังไปถึงพระราชวังนั้น อ๋องเจ็ดได้จัดคนมาที่ตำบลฉีหลางเพื่อมาตรวจสอบแล้ว
หยุนชางจึงยื่นจดหมายเข้าไปเผาในตะเกียง พร้อมมองดูกระดาษที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะโยนมันลงที่อ่างข้าง ๆ
“ที่แท้เป็นกู้ฮูหยินหรอกหรือ. คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ” เฉียนยินตกตะลึงไปเล็กน้อย พร้อมพึมพำเบา ๆ
ทว่าหยุนชางไม่รู้สึกตกใจเลยแม้แต่น้อย พร้อมยิ้มตอบว่า “เป็นอย่างที่เขาพูดกัน สตรีมีฤทธิ์ร้ายดั่งอสรพิษ ”
หากแต่ภายในกลับคิดว่าการลอบสังการในครั้งนี้. จะเป็นอ๋องเจ็ดที่ลงมือกระมัง ทว่า หลังจากที่รู้ข่าวนั้น ปฏิกิริยาของอ๋องเจ็ดกลับสั่งให้คนมาตรวจสอบเรื่องราวที่ตำบลฉีหลาง เกรงว่าเรื่องนี้คงจะไม่ใช่เขาที่ลงมือเสียแล้ว
เพียงผ่านไปได้สองวัน. หยุนชางได้ยินมาว่า พื้นที่ต้องห้ามที่เผ่าหย่านั้นเกิดเพลิงไหม้ลุกขึ้นเป็นไฟ รามไปยังทั่วภูเขาแล้ว ทว่าการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้นี่เอง. ที่ทำให้ความลับของเผ่าหย่าถูกแพร่กระจายออกไป