ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 474 วางยาลอบโจมตี
“หลิ่วหยินเฟิง?” หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้ว “เขามาทำอะไรที่นี่?”
ในขณะที่นางพูดก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หยุนชางจึงให้เฉี่ยนอินไปเปิดประตู สายลับซ่อนตัวอยู่หลังประตูเตรียมพร้อมเคลื่อนไหว ประตูเปิดออกช้าๆ และหยุนชางก็เห็นคนที่พวกนางกำลังพูดถึงยืนอยู่ที่ประตูมองเข้ามาในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นหยุนชางเข้าดวงตาของเขาก็เปล่งประกายแล้วจึงสาวเท้าก้าวเข้ามาในห้อง
หยุนชางหันไปส่งสัญญาณให้เหล่าสายลับถอยออกมา นางจ้องมองไปยังชายที่เดินเข้ามาหานางอย่างเรียบเฉยโดยไม่ได้พูดอะไร
“แม้ต้องห่างกันไปไกล แต่ก็สามารถหวนกลับมาพบเจอกันได้อีก อาหยุน พวกเราช่างวาสนาต้องกันนักเจ้าว่าไหม?” หลิ่วหยินเฟิงยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หยุนชางใช้นิ้วชี้ขวาเคาะเบาๆ ที่โต๊ะสามครั้งแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย “คุณชายหลิ่วมาทำอะไรที่นี่?” นางคาดคะเนในใจ นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว หลิ่วหยินเฟิงไม่ได้อยู่ในเมืองจิ่นหรือ? นางไม่ได้รับรายงานว่าเซี่ยหวนอวี่ส่งเขาไปทำภารกิจอันใดเลยมิใช่หรือ? ในตำบลเล็กๆ แห่งนี้ หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อครู่เฉี่ยนอินบอกนางว่าที่นี่มีชื่อว่าตำบลฉีหลาน หยุนชางแอบนึกถึงแผนที่ของแคว้นเซี่ยในใจ ตำบลฉีหลานนี้ก็นับได้ว่าเป็นตำบลเล็กๆ ที่เป็นทางผ่าน จากที่นี่สามารถมุ่งหน้าไปยังที่อื่นๆ ได้หลายแห่ง
หลิ่วหยินเฟิงยิ้มน้อยๆ และเอ่ยว่า “ช่วงนี้จวนหลิ่วไม่สงบนัก พ่อบุญธรรมของข้าจึงให้ข้ากลับบ้านเกิดเพื่อไหว้บรรพบุรุษ อาหยุนจะไปที่ใดหรือ?” ก่อนที่หยุนชางจะตอบ หลิ่วหยินเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงเดาว่า “จะไปที่เผ่าหย่าหรือ?”
สายตาหยุนชางทอดมองหลิ่วหยินเฟิง ไหว้บรรพบุรุษหรือ ได้ยินว่าบ้านเกิดของตระกูลหลิ่วอยู่ที่ตำบลหยางหลิ่ว หากต้องกลับไปที่นั่นแล้วก็ต้องผ่านมาทางนี้จริงๆ
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ที่กั๋วกงฮูหยินได้อธิษฐานไว้ที่วิหารหานอวิ๋นต่างก็กลายเป็นจริงทั้งหมด เมื่อไม่กี่วันก่อนกั๋วกงฮูหยินจึงไปที่วิหารหานอวิ๋นเพื่อแก้บน แต่เป็นเพราะเหตุบางอย่างทำให้ต้องรีบกลับมาจึงมีบางเรื่องยังทำไม่เสร็จ นางจึงขอให้ข้าช่วยจัดการให้ อีกทั้งข้ามาอยู่ที่แคว้นเซี่ยก็นานแล้วแต่กลับไม่ค่อยได้ออกมาจากเมืองจิ่นเลย ข้าจึงอยากออกมาเที่ยวเล่นเสียหน่อย”
หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบางๆ “ทิวทัศน์ที่วิหารหานอวิ๋นนั้นไม่เลวเลย ตอนนี้เป็นวสันตฤดูพอดี เจ้าต้องตื่นเช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เจ้าต้องชอบมากแน่”
เมื่อพูดจบแล้วจึงกล่าวเสริมอีกว่า “เดิมทีวันนี้ข้าไม่อยากเสียเวลาพักอยู่ที่นี่ แต่ข้าเห็นเจ้าอยู่ เช่นนั้นข้าก็พักที่นี่สักคืนหนึ่งด้วยก็แล้วกัน ห้องของข้าอยู่ด้านข้าง หากอาหยุนมีเรื่องอันใดก็เรียกข้าได้ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปที่ห้องก่อน…”
หยุนชางพยักหน้า หลิ่วหยินเฟิงจึงจากไป
“พระชายา หม่อมฉันว่ามันแปลกๆ” เฉี่ยนอินกระซิบ “นี่จะบังเอิญไปหรือเปล่าเพคะ?”
หยุนชางทำท่าทางจุ๊ปากให้นางเงียบและชี้ไปที่กำแพงเพื่อเตือนว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง แต่คิ้วของนางกลับขมวด เรื่องนี้บังเอิญเกินไปจริงๆ แม้ว่าหยุนชางจะรู้สึกดีต่อหลิ่วหยินเฟิงอยู่บ้างและเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายนาง แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลั่วชิงเหยียนแล้ว นางจำต้องระมัดระวังให้มาก
“พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้าและออกเดินทางให้เร็วขึ้น” หยุนชางลดเสียงลงสั่งเสียงเบา
ด้านนอกมีเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น “อาหารที่สั่งพร้อมแล้วขอรับ”
หยุนชางส่งสัญญาณให้เฉี่ยนอินเปิดประตูเพื่อรับอาหารเข้ามา นางใช้เข็มเงินตรวจพิษแล้วจึงให้เฉี่ยนอินกินด้วยกันกับนางแล้วจึงเข้านอนแต่หัวค่ำ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง หยุนชางก็เรียกเฉี่ยนอินมาแต่งตัวและออกเดินทางจากโรงเตี๊ยม ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเผ่าหย่า ผ่านไปราวสองชั่วยามก็เข้าไปในภูเขาลูกหนึ่ง ในวันแดดแรงของฤดูร้อน นางหยิบอาหารแห้งออกมาจากสัมภาระบนหลังม้ามารับประทานและดื่มน้ำจากลำธาร หลังจากพักประมาณครึ่งชั่วยามและกำลังจะออกเดินทางอีกครั้ง เฉี่ยนอินก็ขมวดคิ้วมุ่น “พระชายา หม่อมฉันปวดท้อง”
หยุนชางขมวดคิ้วและกำลังจะให้เฉี่ยนอินหาที่ลับเพื่อปลดทุกข์ กลับได้ยินสายลับร้องออกมาว่าปวดท้อง หยุนชางรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก แต่ก็มีบางคนที่ไม่เป็นอะไร นางแอบคำนวณในใจอย่างรวดเร็วแล้วจึงเอ่ยว่า “เกรงว่านำในลำธารจะมีพิษ”
หยุนชางคิดไม่ถึงเลยว่าลำธารในป่านี้จะมีพิษจึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกันไว้ นางจึงตกลงไปในหลุมพรางนั้น ในขณะที่กำลังคิดก็ได้ยินเสียงกึกก้องมาจากในป่า ดูเหมือนจะเป็นเสียงเหยียบใบไม้แห้งที่ทับถมกันอยู่
คนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกันจึงรีบพูดกับหยุนชางว่า “พระชายารีบไปเถอะ ข้าน้อยจะสกัดพวกเขาไว้”
“หนีหรือ? วันนี้ไม่มีใครจะหนีได้ทั้งนั้น!” หยุนชางกล่าวเสียงเย็น นางขมวดคิ้วและรีบออกคำสั่ง “อย่าสู้ยืดเยื้อ ขึ้นม้าแล้ววิ่งลงเขา”
ทุกคนรีบกระโดดขึ้นหลังม้าตามคำสั่งทันที ตวัดแส้แล้ววิ่งไปยังทางลงจากภูเขา
เพียงแต่เมื่อวิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศมาจากทางป่าด้านหลัง หยุนชางรีบหันศีรษะไปมองและชักกระบี่ที่แขวนอยู่กับตัวม้าออกมาเหวี่ยงสกัดลูกธนูที่พุ่งมายังนาง
เฉี่ยนอินกัดฟันกล่าวว่า “พระชายา หม่อมฉันปวดท้องจริงๆ พระชายาไปก่อนเถิด หม่อมฉันจะคอยระวังหลังให้”
หยุนชางยังไม่ทันตอบ เฉี่ยนอินก็บังคับม้าพุ่งกลับหลังหันไป หยุนชางหันไปก็เห็นเงาร่างของนางกระโดดลงจากหลังม้าพุ่งทะยานไปด้านหน้าและพุ่งเข้าหากลุ่มคนในชุดดำที่อยู่ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“เฉี่ยนอิน!” หยุนชางตะโกนและรีบกล่าวว่า “กลับไปช่วยเฉี่ยนอิน”
หัวหน้าสายลับขานรับ “แบ่งคนกลุ่มหนึ่งไปช่วยแม่นางเฉี่ยนอิน ที่เหลือที่ไม่ได้ถูกพิษคุ้มกันพระชายาลงเขาไป”
หยุนชางเบิกตากว้างและเห็นหัวหน้าสายลับยกมือสะบัดแส้ไปที่ม้าที่หยุนชางขี่อยู่ ม้าของนางจึงวิ่งลงเขาไปราวกับบ้าคลั่ง หยุนชางไม่สามารถบังคับมันได้ สายลับคนอื่นๆ จึงรีบชักบังเหียนตามมาเพื่อคุ้มกันหยุนชาง
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กลุ่มคนชุดดำที่อยู่ด้านหลังก็ตามมาทัน หยุนชางกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเฉี่ยนอินและสายลับคนอื่นๆ นางรู้ว่าหากพวกเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษพวกเขาจะต้องไม่แพ้แน่ ต้องโทษที่นางประมาทเลินเล่อจึงได้ติดกับแผนการร้ายนี้เข้า ในใจของนางหงุดหงิดยิ่งนัก นางดึงกริชที่ขาของนางออกมาและกำลังจะพลิกตัวลงจากหลังม้า
“พระชายา ท่านจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ท่านอ๋องยังอยู่ที่เผ่าหย่าโดยไม่รู้เป็นตาย พระชายาโปรดคิดถึงท่านอ๋องด้วย พระชายากลับไปที่ตำบลฉีหลานก่อนเถิด ที่นั่นมีคนของเราอยู่” สายลับคอยตามคุ้มกันหยุนชางอย่างลับๆ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหยุนชางก็รู้ว่านางคิดอะไรอยู่จึงรีบตะโกนออกไป
หยุนชางตกตะลึง ในใจราวกับถูกมีดกรีดอย่างแรง สักพักนางจึงสงบลงและพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ตกลง พวกเจ้าต้องรอดกลับมาให้ได้”
เหล่าสายลับต่างก็ขานรับและหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคนชุดดำ หยุนชางกัดฟัน สีหน้าซีดเผือด นางสะบัดแส้ฟาดก้นม้าอย่างดุดันและกำบังเหียนแน่น
ในป่ามืดครึ้มเล็กน้อย ต้นไม้ผ่านเข้ามาในคลองสายตาของหยุนชางอย่างไม่สิ้นสุด นางไม่รู้ว่านางวิ่งไปถึงที่ใดแล้ว หัวใจของนางค่อยๆ สงบลง นางหันศีรษะกวาดมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ ก็เห็นหน้าผาด้านข้าง หยุนชางแข็งใจลงมาจากหลังม้าและกระโดดลงไป นางกลิ้งไปมาบนพื้นหลายตลบแล้วจึงค่อยๆ กัดฟันอดกลั้นต่อความเจ็บปวดและลุกขึ้นยืน หลังจากที่นางลุกขึ้นมาได้ก็รีบวิ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาซึ่งมีหญ้าค่อนข้างสูงและมีชะง่อนผามากมายซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการซ่อนตัว
หยุนชางพบสถานที่ที่มีหินรูปร่างประหลาดมากมาย นางแหวกหญ้าออกและซ่อนตัวในช่องว่างระหว่างซอกหินนั้น