ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 473 จดหมายจากเผ่าหย่า
“ซูฉีผู้นี้เป็นคนใจแคบ เจ้าไม่ควรออกหน้าเลย ตอนนี้ในราชสำนักจวนรุ่ยอ๋องยังไม่มั่นคงนัก หากถูกฮองเฮาและตระกูลซูกดดัน เกรงว่าต่อไปเจ้าจะลำบาก” กั๋วกงฮูหยินพูดเบาๆ น้ำเสียงมีแววตำหนิเล็กน้อย แต่แววตาของนางกลับซาบซึ้ง
หยุนชางจับมือนางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามักจะคิดว่าทำไมผู้คนถึงต้องต่อสู้เพื่ออำนาจ ต่อมาข้าก็รู้สึกว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือการปกป้องคนที่ตนเองต้องการปกป้อง หากปกป้องคนที่อยากจะปกป้องไม่ได้แล้วจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร?”
“ดี ดีมาก…” ดวงตาของกั๋วกงฮูหยินชื้นขึ้นเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ข้าเคยอธิษฐานต่อหน้าพระโพธิสัตว์ หวังให้หลิงเอ๋อร์กลับมา หลิงเอ๋อร์นั้นหาไม่พบ แต่ได้ชิงเหยียนกลับมา และพวกเจ้าทั้งสองยังกตัญญูมาก ข้าพอใจแล้ว”
เมื่อกลับมาถึงจวนกั๋วกง กั๋วกงฮูหยินก็ปิดประตูจวนและค้นจวนครั้งใหญ่และพบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในเรือนของฮูหยินสาม มันถูกเขียนขึ้นด้วยการเลียนแบบลายมือของฮวากั๋วกง ข้างในจดหมายนั้นเขียนถึงแผนภาพป้องกันจุดยุทธศาสตร์ของแคว้นเซี่ยและผู้รับคือชางเจียชิงซูแห่งแคว้นเย้หลาง
ในอีกห้องหนึ่งพบผงยาพิษพร้อมจดหมายที่ขอให้ฮวากั๋วกงกำจัดฮูหยินหลิ่วและหลิ่วฮวานเซิง
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา หากคิดด้วยตรรกะตามปกติแล้ว จดหมายทั้งสองฉบับนี้หากปรากฏขึ้นในห้องของฮูหยินชราจะน่าเชื่อถือยิ่งกว่า แต่เป็นเพราะห้องของหญิงชรานั้นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและยากที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาสถานที่อื่นที่ดีรองลงมาแล้วจึงเอามันมาเก็บไว้
หลังจากที่กั๋วกงฮูหยินทำลายจดหมายทั้งสองทิ้งแล้ว นางก็สั่งให้ตรวจสอบทุกคนในจวนและไล่ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปยังจวนนอกเมือง
หลังจากลำบากมาทั้งวัน หยุนชางก็กลับไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เฉี่ยนอินช่วยหยุนชางเปลี่ยนชุดและไปฟังรายงานประจำวันจากสายลับ หยุนชางนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ หลังอ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงของเฉี่ยนอินดังแว่วมาและดูราวกับจะแฝงแววกังวลเล็กน้อย “พระชายา พระชายา”
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองนางก็เห็นว่านางถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในมือ “เกิดอะไรขึ้น?”
ดูเหมือนเฉี่ยนอินจะวิ่งมาไกลพอสมควร นางหอบเล็กน้อยและรีบละล่ำละลักกล่าวว่า “พระชายา มีจดหมายมาจากคนที่เราส่งไปยังเผ่าหย่า…”
“หือ?” หยุนชางลุกขึ้นเดินไปหาเฉี่ยนอินและรับจดหมายมาเปิดอ่าน
เฉี่ยนอินพูดอย่างร้อนรนเล็กน้อย “สายลับรายงานว่าเขาได้ค้นหาทั้งเผ่าหย่าแล้วและไม่มีข่าวเกี่ยวกับท่านอ๋องเลย เพียงพบว่าก่อนหน้านี้มีคนหลายคนบุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของเผ่าหย่า แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้บุกรุกคนใดกลับออกมา ในจดหมายบอกว่าเขตหวงห้ามของเผ่าหย่าเป็นป่าทึบที่เต็มไปด้วยมีอากาศพิษ ข้างในเต็มไปด้วยพิษทุกชนิด คนที่หลงเข้าไปไม่เคยได้กลับออกมาเลย หลังจากตามหาดูรอบๆ เขตหวงห้ามอยู่ระยะหนึ่งก็พบเสือคาบรองเท้าคู่หนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นรองเท้าที่ท่านอ๋องมักสวมอยู่เสมอ เขากลัวว่าท่านอ๋องจะบุกเข้าไปในเขตหวงห้าม แต่เขาไม่สามารถเข้าใกล้เขตหวงห้ามได้จึงได้ส่งจดหมายมาให้พระชายาตัดสินใจเพคะ”
หยุนชางกัดริมฝีปากพลางฟังเฉี่ยนอินพูดและอ่านจดหมายในมือ เพราะวันนี้นางมีเรื่องขัดแย้งกับซูฉี หยุนชางยังเกรงว่ามันจะเป็นกับดักที่ซูฉีวางเอาไว้ นางจึงตรวจดูกระดาษจดหมายอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นกระดาษจดหมายเฉพาะสำหรับสายลับ รอยประทับลับใดๆ ก็ไม่มีให้เห็น
เมื่อเฉี่ยนอินเห็นหยุนชางลูบกระดาษจดหมายก็เงียบไป ในใจกังวลเล็กน้อยจึงรีบกระตุกแขนเสื้อของหยุนชางและเอ่ยเบาๆ “พระชายา?”
หยุนชางจึงได้สติขึ้น ริมฝีปากนางซีดลงเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่เฉี่ยนอินเห็นเนื้อหาในจดหมายก็รู้ว่าหยุนชางน่าจะเลือกทำเช่นนี้ นางจึงไม่ได้แปลกใจ เพียงเอ่ยว่า “แต่สถานการณ์ในเมืองจิ่นตอนนี้ก็ค่อนข้างตึงเครียด แล้วเรื่องในจวน…”
หยุนชางไม่มีแก่ใจที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ นางพูดด้วยความสับสนว่า “ข้าจะเขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งให้จวนกั๋วกง อีกฉบับหนึ่งส่งให้หนิงเชียน เจ้ากับข้าไปที่เผ่าหย่าด้วยกัน เฉี่ยนอิน ข้านั่งไม่ติดแล้ว…”
น้อยนักที่เฉี่ยนอินจะเห็นหยุนชางแสดงอาการเช่นนี้ “พระชายาไม่ต้องร้อนใจไป ท่านอ๋องเก่งกาจขนาดนั้นต้องไม่เป็นไรแน่”
หยุนชางพยักหน้า แต่สีหน้าของนางก็ยังไม่ค่อยดีนักและขมวดคิ้วมุ่น “เขตแดนของเผ่าหย่านั้นมีป่าภูเขาและพิษมากมายจึงได้กันดารมาก แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะกล้ารังแกชาวหย่า ข้าควรไปกับท่านอ๋องตั้งแต่แรก อย่างน้อยข้าก็มีร่างกายที่ทนต่อพิษ ท่านอ๋อง…”
หยุนชางคิดพลางไปที่ห้องหนังสืออย่างรีบร้อน นางรีบเขียนกระดาษแผ่นใหญ่แล้วยื่นให้เฉี่ยนอิน “เจ้าสั่งให้คนไปที่ร้านขายยาในเมืองเพื่อซื้อยาแก้พิษและยาต้านพิษมาให้หมด แล้วซื้อยาที่ข้าเขียนบนกระดาษนี้มาด้วย ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
แม้ว่าในใจของหยุนชางจะร้อนรนและหงุดหงิดมาก แต่นางก็บังคับให้ตนเองสงบลงและจัดการเรื่องในจวนอย่างเป็นระเบียบ นางเขียนทุกสิ่งที่พ่อบ้านต้องใส่ใจออกมาทีละข้อและเขียนจดหมายเสร็จแล้วทั้งยังให้พ่อบ้านนำไปส่งให้หนิงเชียนและกั๋วกงฮูหยิน
การปฏิบัติงานของสายลับก็มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน เพียงสองชั่วยาม พวกเขาก็ไปที่ร้านขายยาทั้งหมดในเมืองมาแล้ว แต่เนื่องจากมียามากเกินไป หยุนชางจึงพกติดตัวเพียงยาแก้พิษและยาต้านพิษเท่านั้น ส่วนที่เหลือนางสั่งให้พ่อบ้านนำใส่รถม้ามุ่งหน้าไปยังเผ่าหย่า นางและเฉี่ยนอินตัดสินใจขี่ม้าเพื่อที่จะรีบไปถึงเผ่าหย่าให้เร็วที่สุด
หยุนชางยังกังวลว่าข่าวจะผิดพลาดหรือมีศัตรูรู้ว่าพวกนางกำลังไปที่เผ่าหย่าและดักซุ่มโจมตีระหว่างทาง นางจึงแจ้งหนิงเชียนให้ระดมกำลังทั้งหมดที่สามารถทำได้ในแคว้นเซี่ยให้คอยส่งสัญญาณกันไปตลอดทาง
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง หยุนชางและเฉี่ยนอินจึงนำสายลับสี่สิบนายออกจากเมืองจิ่นไป นางขี่ม้าทั้งวันทั้งคืน เมื่อมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เฉี่ยนอินก็ขมวดคิ้วและกระซิบกับหยุนชางที่กำลังจะออกเดินทางอีกครั้ง “พระชายา จากที่นี่ไปยังเผ่าหย่ายังมีระยะทางอีกไกล หากท่านไม่พักผ่อนสักหน่อย ยังไม่ทันถึงเผ่าหย่าก็คงจะเหนื่อยมาก หากมีคนคิดจะลงมือกับเรา เกรงว่าเราคงจะไม่มีแรงสู้กลับ”
หยุนชางเงียบไปนานและเข้าใจว่าคำพูดของเฉี่ยนอินนั้นมีเหตุผล ดังนั้นนางจึงพยักหน้า หาโรงเตี๊ยมและพักผ่อน
เพราะว่านางกำลังมุ่งหน้าไปยังเผ่าหย่า เพื่อความสะดวกในการเดินทางแล้ว หยุนชางจึงสวมชุดบุรุษ แต่ก็ยังทำให้เกิดความครึกโครมแก่หมู่บ้านเล็กๆ นี้ไม่น้อย หยุนชางไม่ต้องการปรากฏตัว ดังนั้นเฉี่ยนอินจึงสั่งให้เถ้าแก่ส่งของทุกอย่างไปที่ห้อง
เฉี่ยนอินลงไปชั้นล่างและไม่นานนางก็กลับขึ้นมาใหม่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พระชายา ท่านเดาว่าเมื่อครู่ข้าพบใครที่ข้างนอกนั่น?”
“ใคร?” หยุนชางกำลังหยิบข้อมูลของเผ่าหย่ามาอ่านอย่างละเอียก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉี่ยนอินก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่ถามอย่างไม่ใส่ใจเท่านั้น
เฉี่ยนอินรีบเดินมาที่ข้างกายของหยุนชางและกล่าวว่า “เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งเห็นรถม้าของหลิ่วหยินเฟิงผ่านไป หม่อมฉันจำผู้ติดตามของเขาได้ ผู้ติดตามของเขาก็ดูเหมือนหม่อมฉันเช่นกัน คุณชายหลิ่ว… พวกเราจะไม่เป็นไรหรือเพคะ?”