ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 224 หยุนชางตกอยู่ในอันตราย
หยุนชางและจิ้งอ๋องมองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกใจ แล้วรีบหลบไปอยู่ด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง เสียงฝีเท้านั่นใกล้เข้ามาทุกที หยุนชางตั้งใจเงี่ยหูฟัง ดูเหมือนจะมีคนเดินมาเพียงคนเดียว แต่เสียงฝีเท้าฟังดูวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก็คงจะมีไม่เกิน 2 คนแน่ๆ
หยุนชางประเมินสถานการณ์ ลำพังเพียงแค่นางกับจิ้งอ๋อง ก็มีกันเพียง 2 คน หากจะทำให้พวกเขาหายตัวไปโดยไม่มีใครรู้เห็น ก็ไม่สามารถทำได้
ข้างกกหูมีลมหายใจอุ่นๆลอยมา หยุนชางถึงกับสะดุ้ง แต่นางก็รู้ว่า ผู้ที่อยู่กับนางในเวลานี้ ก็มีแต่เพียงจิ้งอ๋อง นางตั้งสติ แล้วก็ได้ยินเขากระซิบข้างหูนางว่า "ไม่มีอะไรหรอก เจ้าไม่ต้องกลัว สิ่งที่ใกล้เข้ามานั่นอาจจะไม่ใช่คน"
"เพคะ?"หยุนชางประหลาดใจมาก นางจ้องมองจิ้งอ๋องด้วยความสงสัย ไม่ใช่คนแล้วมันหมายความว่าอย่างไร?
จิ้งอ๋องชะโงกหน้า เขามองดูลาดเลาด้านนอก สีหน้าดูคลายกังวล เขายิ้มออกมา "ที่แท้ก็เจ้านั่นนี่เอง"
หยุนชางสงสัยมากยิ่งขึ้น เหตุใดท่าทางของจิ้งอ๋องจึงดูคล้ายกับว่าได้พบเจอคนคุ้นเคยเช่นนั้น แต่เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองก็พากันออกมาจากหลังต้นไม้ แล้วก็ได้พบกับเจ้ากวางน้อยที่ยืนห่างออกไปไม่มาก มันยืนหันหลังให้พวกเขาในขณะที่กำลังจ้องมองไปทางด้านหน้า
แต่ดูเหมือนว่าเจ้ากวางน้อยจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ มันหันหลังมามอง ดวงตาดำขลับของมันจ้องมองมายังคนทั้งสอง มันมองดูอยู่สักพัก แล้วจึงเริ่มรู้สึกตัว มันตกใจกลัว พลันหันหน้ากลับแล้ววิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ผู้มาเยือนหน้าแปลกเมื่อครู่นี้ทำเอาทั้งคู่อดขำไม่ได้ ทั้งสองยืนดูเจ้ากวางน้อยวิ่งจากไป ทันใดนั้น หยุนชางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ นางพูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ "รีบตามมันไปเร็วเพคะ"
พูดจบนางก็ออกวิ่งนำหน้าทันที จิ้งอ๋องกลัวว่าทั้งสองจะพลัดหลงกัน ก็รีบวิ่งตามนางไป
หยุนชางใช้เวลาระหว่างที่กำลังวิ่งเพื่ออธิบาย "ที่ผ่านมาพวกเราเดินกันมาตั้งนาน ไม่ต้องพูดถึงกวางหรอก แม้แต่มดสักตัวก็ไม่มีเลย หม่อมฉันคิดว่าคงเป็นเพราะพิษของสภาพอากาศร้อนชื้น แต่ว่า กวางตัวนั้นกลับเดินเล่นสบายๆอยู่ในป่าทึบแห่งนี้ได้โดยไม่มีอาการโดนพิษแต่อย่างใด มันต้องมีสาเหตุแน่ๆ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะค้นพบสิ่งที่จะช่วยขจัดพิษได้นะเพคะ"
จิ้งอ๋องพยักหน้า ภารกิจสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือการหาทางแก้พิษ มิเช่นนั้นแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสถานที่แห่งนี้เป็นแน่
กวางตัวนั้นวิ่งอยู่ในป่าทึบอย่างรวดเร็ว หยุนชางและจิ้งอ๋องต้องสูญเสียเรี่ยวแรงมากมายกว่าจะตามทันได้ แล้วพวกเขาก็ได้เห็นเจ้ากวางนั่นยืนอยู่ที่ริมสระน้ำเล็กๆ มันคงจะรู้สึกเหนื่อยล้า จึงแวะดื่มน้ำที่สระน้ำแห่งนั้นสักพัก
หยุนชางตื่นเต้นดีใจ ที่สระแห่งนั้นไม่ได้มีแค่เพียงเจ้ากวางน้อย แต่ยังมีกระต่ายน้อยจำนวนหนึ่งกำลังกินหญ้าอย่างเพลิดเพลิน เมื่อหยุนชางเดินเข้าไป กวางตัวนั้นก็ตกใจแล้วรีบวิ่งหนี หยุนชางมองไปในสระ ก็เห็นว่าน้ำนั้นใสสะอาดจนมองเห็นพื้นใต้น้ำ แต่กลับไม่มีปลาสักตัว บริเวณรอบสระก็ไม่มีพืชชนิดอื่นเลย
หยุนชางพินิจพิเคราะห์ มองไปยังกลุ่มกระต่ายที่กำลังกินหญ้า "หม่อมฉันเหมือนจะรู้แล้วเพคะว่าจะถอนพิษจากความร้อนชื้นนี้ได้อย่างไร"
แววตาของจิ้งอ๋องดูคลายกังวล "ตลอดทางที่ผ่านมาไม่เจอหญ้าเลยแม้แต่ต้นเดียว หญ้าตรงนี้คงจะมีความพิเศษ แต่ว่า หญ้าพวกนี้ขึ้นอยู่ริมสระ ทั้งหญ้าและน้ำในสระล้วนปลอดภัยไม่มีอันตราย แต่ว่าในน้ำกลับไม่มีปลาสักตัว รอบๆสระก็ไม่มีพืชอย่างอื่นเลย ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าหญ้าที่กระต่ายกำลังกินอยู่นี้คือยาถอนพิษอากาศร้อนชื้น"
หยุนชางยิ้มแก้มปริ "นึกไม่ถึงเลยเพคะ ว่านอกจากเสด็จอาจะปรีชาด้านการรบแล้ว ยังเป็นปรมาจารย์ด้านการวิเคราะห์สถานการณ์อีกด้วย"
หยุนชางพูดพร้อมกับเด็ดหญ้าขึ้นมาดูลักษณะ นางใช้สมาธิในการดมกลิ่นของหญ้า แล้วเด็ดหญ้า 1 ใบใส่เข้าไปในปาก
จิ้งอ๋องเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้ขัดขวางนางแต่อย่างใด ผ่านไปไม่นานก็เห็นหยุนชางพยักหน้า "ไม่มีพิษเพคะ" พูดเสร็จก็เด็ดหญ้าต่อ "แต่ว่าหญ้าพวกนี้มีกลิ่นคาวเล็กน้อย หากว่าหม่อมฉันได้นำอุปกรณ์ทำยามาด้วย ก็คงจะจัดการปัญหานี้ได้ไม่ยาก เมื่อทำเป็นยาเม็ดออกมาแล้ว ก็คงจะกลืนสะดวกกว่านี้เพคะ"
"ขอเพียงแค่ช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ก็ดีแล้วล่ะ ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องยุ่งยากมากความนักหรอกนะ" พูดจบ เขาก็คุกเข่าช่วยหยุนชางเด็ดหญ้าขจัดพิษ
มียาถอนพิษแล้ว ทั้งสองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก พวกเขาออกเดินทางต่อ โดยมุ่งหน้าไปทางทิศใต้
ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมท้องฟ้า ทว่าทั้งสองกลับไม่กล้าก่อกองไฟ ด้วยเกรงว่าจะมีคนมาพบ จิ้งอ๋องนิ่งไปสักพัก แล้วจึงกระซิบว่า "ข้าคิดวิธีได้แล้ว วิธีที่จะสามารถตามหาฐานทัพของเหล่าทหารพวกนั้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว"
หยุนชางได้ฟังก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก "วิธีอะไรหรือเพคะ"
"พวกเราไม่กล้าก่อกองไฟ แต่ทหารพวกนั้นอาจจะกล้า ฐานทัพของทหาร 1 แสนนาย เมื่อจุดไฟแล้ว ก็จะสามารภมองเห็นได้โดยง่าย ข้าจะลองอาศัยวิชาตัวเบาไปสำรวจดู" จิ้งอ๋องกล่าว ทว่าแววตานั้นกลับแฝงไปด้วยความกังวล
หยุนชางสังเกตเห็นความวิตกกังวลนั้น จึงรีบถามเขา "นี่เป็นวิธีที่สุดยอด แต่เหตุใดเสด็จอาจึงดูกังวลเช่นนั้นล่ะเพคะ?"
จิ้งอ๋องจ้องมองนัยน์ตาของหยุนชาง "ก็เพราะ ป่าทึบแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แต่ว่าเจ้าไม่มีกำลังภายในน่ะสิ……"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นห่วงนาง นางจึงยิ้มและเอ่ยว่า "เสด็จอาอย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ เสด็จไปดูเถอะเพคะ หม่อมฉันจะรอพระองค์อยู่ที่นี่ ในป่าแห่งนี้หาได้มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายไม่ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรหรอกเพคะ แล้วอีกอย่าง หม่อมฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ชางเอ๋อร์จะรอฟังข่าวดีจากเสด็จอาอยู่ที่นี่นะเพคะ"
จิ้งอ๋องนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงนำกระดิ่งอันหนึ่งผูกไว้ที่เอวของหยุนชาง "นี่เป็นกระดิ่งที่ข้าเอาไว้ใช้ติดต่อกับสายลับ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเจ้า ก็จงเขย่ากระดิ่งนี้ และหากเจ้าเองก็ได้ยินเสียงกระดิ่งเช่นกัน ก็จงเขย่ากระดิ่งตอบกลับ ข้าจะได้รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน"
หยุนชางหรี่ตา นางก้มหน้าลงไปมองกระดิ่ง แล้วลองเขย่ากระดิ่งด้วยความอยากรู้ แล้วนางก็ได้ยินเสียงกระดิ่งในมือของจิ้งอ๋องดังขึ้นเช่นกัน
"วิเศษไปเลย จะมืดค่ำแล้ว เสด็จอารีบเสด็จเถอะเพคะ รีบไปรีบมานะเพคะ หม่อมฉันจะรอพระองค์อยู่ที่นี่"
จิ้งอ๋องพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ เขากลับหลังหันแล้วกระโดดไปบนยอดไม้
ท้องฟ้ามืดครึ้มเข้าไปทุกที ด้วยความที่นางรอนแรมอยู่กลางป่าทึบ ต้นไม้สูงใหญ่เบียดเสียดบดบังแสงจันทร์ แม้จะลองยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า หยุนชางพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ นางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ นางยอมรับว่า การที่มหาเสนาบดีหลี่เป็นคนรุ่นหลังของราชวงศ์แคว้นเซี่ยนั้น เป็นเรื่องที่นางไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลย
หยุนชางครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน หลายปีมานี้มหาเสนาบดีหลี่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารกิจการด้านการเมืองภายในแคว้นหนิง และเขายังผลักดันคนของตัวเองให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่แกร่งกล้า ผู้ชายตระกูลหลี่ มีทั้งผู้ที่เป็นขุนนาง และผู้ที่ทำการค้าทางทะเล ผู้หญิงตระกูลหลี่ ส่วนใหญ่แล้วจะเข้าวังมาเป็นสตรีชั้นสูง ส่วนผู้ที่มิได้เข้าวัง ก็จะออกเรือนไปเป็นภริยาขุนน้ำขุนนาง แผนการทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง แต่หากมีคนมาบอกนางว่ามหาเสนาบดีหลี่มิได้คิดการใหญ่ เห็นทีจะเป็นพวกที่อุทิศตนเพื่อประมุขแคว้นเซี่ยมาช่วยปกปิดแผนการลับของมหาเสนาบดีหลี่ นางจะไม่มีทางเชื่อโดยเด็ดขาด
ถึงแม้ว่ามหาเสนาบดีหลี่จะออกมายอมรับ แต่ก็คาดว่าคนตระกูลหลี่คนอื่นๆอาจจะยังปากแข็ง ถ้าหากว่า……สามารถทำลายฐานอำนาจคนของมหาเสนาบดีหลี่ได้ วิธีนี้ก็ยังพอมีโอกาสให้ลงมืออยู่บ้าง
ในขณะที่หยุนชางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆนางก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา เสียงนั้นเป็นเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นได้อย่างน่าแปลก "หลายวันมานี้พระราชวังมีการเฝ้าระวังอย่างหนาแน่น ยุทโธปกรณ์ชิ้นใหม่คงต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะผ่านเข้าไปในวังได้ จริงสิ หนิงเย่ สิ่งที่ข้ามอบหมายให้เจ้าเตรียมไว้ตอนนี้เรียบร้อยหรือยัง?"
หยุนชางตกใจมาก เหตุใดจู่ๆจึงมีคนเข้ามาที่นี่ได้ อีกอย่าง เมื่อได้ฟังเขาสองคนสนทนากันแล้ว หนิงเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ?
"ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว หลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทหารยอดฝีมือพวกนี้ก็จะสามารถเข้าไปในวังหลวงได้ เมื่อถึงเวลานั้นคนที่อยู่นอกวังก็จะส่งของเข้าไปให้คนที่อยู่ในวัง จะต้องกำจัดฮ่องเต้นั่นให้ได้โดยไม่มีใครได้ทันตั้งตัว แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย นี่พวกเราก็แทบจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว"
เขาว่าอย่างไรนะ? หยุนชางหัวใจแทบหยุดเต้น ในมือกำใบไม้จากกิ่งไม้เอาไว้แน่น นางเผลอดึงใบไม้เข้าไปเต็มแรง เมื่อดึงแล้ว หยุนชางจึงได้สติแล้วร้องลั่นภายในใจว่า แย่แล้ว
เป็นดังที่คาดคิด มีเสียงตะโกนดังสวนกลับมาจากอีกฟากหนึ่ง "ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?"
เสียงนั้นยังไม่ทันที่จะสิ้นสุดลง หยุนชางก็สัมผัสได้ถึงสายลมเย็นยะเยือกปะทะเข้ามาทันที……