ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 223 ร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรค
"นั่นอะไรน่ะ?" หยุนชางได้ยินเสียงแว่วมาจากด้านบน นางใจเต้นรัว เมื่อครู่นี้พวกเขามัวแต่ตะลีตะลานจนลืมเก็บเชือกให้เรียบร้อย หากคนพวกนั้นมาเห็นเชือกเส้นนั้นแล้วล่ะก็ ต้องคาดเดาได้แน่นอนว่ามีคนลอบปีนขึ้นมา
"เร็วเข้า รีบไปดูเร็วๆ" มีเสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง หยุนชางขมวดคิ้ว แม้ว่าพวกเขาจะกำลังซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผืนน้ำ แต่หากคนพวกนั้นเดินเข้ามาใกล้อีกล่ะก็ มองลงมาในน้ำก็คงจะมองเห็นพวกเขาได้อย่างแน่นอน แต่ว่า โชคดีที่บริเวณนี้เป็นต้นน้ำ น้ำบริเวณนี้ลึกมาก พวกเขาจะต้องอาศัยโอกาสที่คนพวกนั้นยังเดินมาไม่ถึงดำน้ำไปซ่อนตัวในที่ที่น้ำลึกกว่านี้
หยุนชางหันไปมองทางจิ้งอ๋อง ก็เห็นจิ้งอ๋องหลับตาปี๋ หน้าผากเกร็ง หน้าขาวเผือด ในใจนางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก นี่จิ้งอ๋องดำน้ำไม่เป็นหรอกหรือนี่
แต่หยุนชางก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาท่ามกลางสถานการณ์คับขัน คงเป็นเพราะปกติแล้วจิ้งอ๋องเป็นวีรบุรุษที่สุดแสนจะแข็งแกร่ง ตนเองไม่นึกมาก่อนเลยว่าจิ้งอ๋องจะมีสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ กว่าจะได้รู้ได้เห็น ก็ดันมาเป็นช่วงนาทีชีวิตไปเสียอย่างนั้น
แว่วเสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาใกล้จากทางตลิ่ง ฟังดูคล้ายกับว่าฝีเท้าเหล่านั้นได้ใกล้เข้ามาทุกที หยุนชางนึกสิ่งอื่นไม่ได้อีกแล้ว นางว่ายน้ำเข้าไปใกล้จิ้นอ๋อง ใช้มือสอดเข้าไปใต้วงแขนของจิ้งอ๋อง พยุงตัวเขา แล้วแหวกว่ายลงไปยังจุดที่น้ำลึกกว่าเดิม
รอจนกระทั่งไม่พบฝีเท้าเคลื่อนไหวจากบริเวณริมตลิ่ง หยุนชางจึงเบาใจ ทว่ากลับพบว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องนั้นดูแย่ลงไปทุกที เส้นเลือดสีเขียวเริ่มปูดขึ้นมา หยุนชางร้องออกมาในใจว่าแย่แล้ว นางหวั่นใจว่าจิ้งอ๋องจะอดทนต่อไปได้อีกไม่นานนัก
ห่างออกไปมีเสียงคนคุยกันแว่วมาอีกครั้ง หยุนชางตั้งใจเงี่ยหูฟัง จนได้ยินว่าคนพวกนั้นคุยอะไรกันอยู่
"ดูนี่ นี่มันอะไรกัน?" คนคนหนึ่งเอ่ยถาม
"เชือกนี่มัน……มีคนลอบขึ้นมาบนเขา แล้วก็ไม่ใช่เพียงคนเดียวด้วย" อีกคนเอ่ยตอบ หยุนชางใจหายวาบ นางอยากอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขออย่าให้คนพวกนั้นรู้เรื่องของเขาและจิ้งอ๋องเลย แต่ดูท่าทางจะเป็นไปได้ยาก ในใจของหยุนชางเป็นห่วงอาการของจิ้งอ๋องเป็นที่สุด นางร้อนรนมาก คนพวกนี้เมื่อไรจะไปเสียทีนะ?
หยุนชางรู้สึกได้ว่าร่างที่นางกำลังพยุงอยู่นั้นเริ่มทิ้งน้ำหนักตัวจนหนักขึ้นเรื่อยๆ ในใจนางรู้ได้ทันทีว่า จิ้งอ๋องเริ่มจะหมดแรงเสียแล้ว
หยุนชางกัดฟันครุ่นคิด นางตัดสินใจเด็ดขาด นางเอาหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของจิ้งอ๋อง แล้วพุ่งใบหน้าไปแนบชิดใบหน้าของเขา ปากของนางอุดปากของเขาไว้ นางเป่าลมหายใจเข้าไป จนกระทั่งเห็นว่าสีหน้าของจิ้งอ๋องเริ่มกลับมาดีขึ้น
"เก็บของเหล่านี้ไปด้วย เราจะไปรายงานให้ท่านแม่ทัพทราบ" เสียงฝีเท้าก้าวเดินจากไปอย่างพร้อมเพรียงกัน แม่ทัพ นี่พวกเขาเป็นพวกทหารจริงๆด้วย
หยุนชางรู้สึกเบาใจขึ้น แต่นางยังไม่กล้าโผล่ขึ้นเหนือน้ำในตอนนี้ ได้แต่เป่าลมหายใจให้จิ้งอ๋องต่ออยู่พักหนึ่ง
ผ่านไปสักพัก บนบกไม่มีเสียงใดแว่วมาอีกแล้ว หยุนชางเป็นห่วงอาการของจิ้งอ๋องจนมิอาจนึกถึงสิ่งอื่นใดได้อีก นางรีบดึงจิ้งอ๋องขึ้นมา นางโผล่ศีรษะขึ้นมาดูสถานการณ์ก่อน เมื่อแน่ใจว่ารอบๆไม่มีผู้ใดแล้ว จึงดันตัวจิ้งอ๋องให้พ้นผิวน้ำ จากนั้นนางก็พาจิ้งอ๋องว่ายน้ำไปทางกอพืชน้ำ
ทั้งสองหลบอยู่กลางกอพืชน้ำ หยุนชางทุบไปที่แผ่นหลังของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องสำลักน้ำออกมาหลายอึก แล้วหลับตาต่อ ผ่านไปสักพัก จึงค่อยๆมีสติและเริ่มขยับตัว
"อีกประเดี๋ยว คนพวกนั้นก็จะวกกลับมาค้นหาเบาะแสเพิ่มเติม พวกเขาเห็นเชือกของเราแล้ว พวกนั้นคงจะรู้แล้วว่าเราพยายามหาวิธีที่จะขึ้นมาบนนี้ และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนชื้น พวกนั้นก็คงจะออกลาดตระเวนอยู่แถวๆแม่น้ำ ประเดี๋ยวคงจะหาพวกเราเจอเป็นแน่" จิ้งอ๋องยังคงหลับตา แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา น้ำเสียงของเขาฟังดูเหนื่อยหอบเล็กน้อย
เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อครู่ หยุนชางยังคงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีของจิ้งอ๋องที่ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็อดขำตนเองในใจไม่ได้ นางคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ จะอย่างไรก็ตาม นางก็ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่ดี
หยุนชางพยายามสงบสติอารมณ์ นางเอื้อมมือไปคลำบริเวณเอวของตนเอง แล้วขมวดคิ้ว นางหยิบเอาขวดสีขาวออกมา "ปกติหม่อมฉันจะพกขวดยาต้านพิษขวดเล็กๆติดตัวเอาไว้ 2 ขวด พิษจากความร้อนชื้นนี้คิดว่าน่าจะพอช่วยได้เหมือนกันเพคะ แต่ว่ายาต้านพิษ 1 เม็ดจะออกฤทธิ์ได้เพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น ตอนนี้ยานี่เหลืออยู่ 10 เม็ด เราสองคน จะมีเวลาเพียงแค่ 5 ชั่วยาม หม่อมฉันหวังว่าพวกเราจะสามารถพบเจอสิ่งที่สามารถต้านพิษสภาพอากาศร้อนชื้นได้ภายในเวลา 5 ชั่วยามนี้นะเพคะ"
จิ้งอ๋องลืมตาแล้วมองไปยังหยุนชาง เขาส่งยิ้มอันอบอุ่นให้กับนาง "ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่ามีเจ้าอยู่ด้วยมักมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้เสมอ หากว่าวันนี้ไม่ได้เจ้าช่วยไว้ ข้าคงจะจมน้ำตายไปนานแล้ว"
จิ้งอ๋องพูดจบก็จูงหยุนชางขึ้นฝั่ง ป่าทึบแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความร้อนชื้นเข้มข้น สร้างความพรั่นพรึงให้ผู้คนได้ไม่น้อยเลย
หัวใจของหยุนชางรู้สึกราวกับถูกสวมกอดอย่างอบอุ่นจากคำพูดของจิ้งอ๋อง นางยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
หยุนชางเทเม็ดยาต้านพิษออกมาจากขวดสีขาว แล้วส่งเม็ดยาให้กับจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องหยิบยาใส่ปากโดยไม่ลังเล หยุนชางเห็นดังนั้นแล้ว นางก็รู้สึกดีใจ และเทยาออกมาอีก 1 เม็ด ใส่ปากกลืนลงไปเช่นกัน
"ไปกันเถอะ" จิ้งอ๋องส่งยิ้ม "ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว จะดีหรือร้าย เราก็ไม่อาจหลีกหนีมันไปได้"
หยุนชางพยักหน้า แล้วมุ่งหน้าเดินเข้าไปในป่าทึบก่อนใคร แต่จู่ๆนางก็ถูกมืออีกมือมาคว้าตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
"เพคะ?" หยุนชางหันไปมองจิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องเม้มปากแล้วเอ่ยว่า "ความชื้นบริเวณนี้หนาแน่นมาก ข้ากลัวว่าเมื่อเข้าไปแล้วเราจะพลัดหลงกัน"
หยุนชางพยักหน้า ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเดินเข้าไปในป่าทึบ ทัศนวิสัยก็เริ่มพร่ามัว ในป่ามีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง มีใบไม้ทับถมอยู่เต็มป่า และยังมีซากศพที่น่าสะอิดสะเอียน หยุนชางขมวดคิ้ว สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากจิ้งอ๋อง "กลิ่นแบบนี้ เมื่อเทียบกับที่ที่มีศพนอนตายเกลื่อนพื้นแล้ว กลิ่นดีกว่ากันมากเลยนะนี่"
หยุนชางรู้ว่าเขากำลังพยายามลดความรู้สึกแย่ๆให้กับนาง แต่ในใจของหยุนชางนั้นกลับรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เมื่อตอนที่เขาอายุ 10 กว่าปี เป็นวัยที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาว เขากลับต้องเริ่มจับดาบรบราฆ่าฟัน มองร่องรอยบาดแผลบนตัวเขาก็จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาที่เขาประจำการอยู่ชายแดนนั้น เขาก้าวผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร
หยุนชางพยายามปรับอารมณ์ นางเอ่ยเบาๆว่า "กว่าจะมาเป็นวีรบุรุษแห่งสนามรบที่ชาวบ้านยกย่อง คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเพคะ"
คงเป็นเพราะป่านี้มีความชื้นหนัก ในป่าจึงไม่พบเจอร่องรอยของสัตว์ป่าเลย หยุนชางรู้สึกคลายกังวล แต่ก็แอบหวั่นใจอยู่ว่า ในป่าทึบแห่งนี้แยกแยะทิศทางลำบาก ทั้งสองก็ไม่คุ้นชินกับสภาพของป่าแห่งนี้ จึงได้แต่พยายามคลำทางเดินไปเรื่อยๆ ทว่า เวลานั้นก็เหลือน้อยลงไปทุกที
ในขณะที่ทั้งสองกลืนยาต้านพิษเม็ดที่ 3 ลงไป เวลานั้นก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า หยุนชางรู้สึกร้อนใจมาก เขากิเลนแห่งนี้ทอดยาวไปไกลเป็นร้อยๆลี้ หากทุกพื้นที่มีลักษณะเช่นเดียวกันกับป่าทึบแห่งนี้ เกรงว่าเขาทั้งสองคงจะตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
การคลำทางเดินไปเรื่อยๆไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม
พวกเขาทั้งสองเข้าใจเป็นอย่างดี
จิ้งอ๋องหยุดเดินชั่วครู่ "ตามที่เสด็จตาของเจ้าเคยพูดไว้ ตอนที่เขามาพบร่องรอยการตั้งค่ายพักแรมของเหล่าทหาร ความชื้นในป่ายังมีไม่มากนัก เขาบอกว่าตอนนั้นเขาอยู่ทางทิศใต้ของเขากิเลน เมื่อมีฝนตก ความชื้นที่หนาแน่นจะเจือจางลง พวกเรามาครั้งนี้ดูท่าจะโชคไม่ดีสักเท่าไร"
หยุนชางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เห็นจิ้งอ๋องหลับตาไปแล้ว
หยุนชางจ้องมองจิ้งอ๋อง "พระองค์ทรงทำอะไรหรือเพคะ?"
จิ้งอ๋องตอบเบาๆ "ก่อนที่เราจะขึ้นมาบนเขา ลมที่พัดมาคือลมทิศเหนือ หากว่าตอนนี้ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ก็ทำได้เพียงลองดู หวังว่าทิศทางบนเขาและตีนเขาคงจะเหมือนกันนะ"
หยุนชางเองก็ยิ้มแบบหมดหนทาง ช่างเถอะ แผนการในวันนี้ ก็คงทำได้ตามนี้ล่ะ
"ทางนี้" จิ้งอ๋องกระซิบบอกแล้วจูงหยุนชางเดินไปทางขวา
เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงคล้ายคนเหยียบย่ำใบไม้ดังแว่วเข้ามา