ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 189 วิญญาณตามรังควาน ณ ตำหนักฉางชุน
"ไร้สาระ บนโลกนี้มีผีที่ไหนกัน เพ้อเจ้อ ข้าจะให้คนออกตามหานางกำนัลสองคนนั้นเอง เจ้าวางใจเถอะ" หมิงไท่เฟยขมวดคิ้ว พระนางตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หยุนชางพยักหน้า "ถ้าเช่นนั้น คงต้องลำบากเจ้าจอมแล้วเพคะ"
หมิงไท่เฟยมองไปที่หยุนชาง สักครู่จึงตรัสว่า "ชางเอ๋อร์ ประเดี๋ยวเจ้าก็ต้องออกเรือนแล้ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่าทักษะการดูแลคนในปกครองของเจ้ายังไม่สู้ดีนัก ข้าจึงนึกได้ว่า ที่ผ่านมาไม่มีมามาอบรมคอยช่วยชี้แนะเจ้า เป็นเพราะเจ้าออกไปอยู่นอกวังตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้เจ้าก็อยู่ในวังแล้ว และกำลังจะอภิเษก มีหลายสิ่งหลายอย่างจำเป็นต้องให้มามาอบรมดูแลเจ้า คนของข้าในตอนนี้ นอกจากอวี้มามาแล้วยังมีมามาอีก 2 คน คือหลี่มามาและสวีมามา ล้วนเป็นมามาที่มีฝีมือ ประเดี๋ยวเจ้าจงพาพวกนางกลับตำหนักชิงซินไปด้วย เมื่อเจ้าออกเรือนไปอยู่จวนจิ้งอ๋องแล้วยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก มีพวกนางคอยติดตามจะได้ไม่ลำบาก"
หยุนชางแอบหัวเราะในใจ พระนางไม่คิดที่จะลักลอบวางแผนเงียบๆเสียแล้ว ตอนนี้กลับจัดแจงส่งคนเข้ามาในตำหนักชิงซินอย่างโจ่งแจ้ง และถึงกับใช้การอภิเษกมาเป็นข้ออ้าง ทำให้ตนยากจะปฏิเสธ
"เจ้าจอมทรงมีพระเมตตาต่อชางเอ๋อร์ยิ่งนัก แต่ว่า คนสนิทของเจ้าจอมก็มีเพียงมามา 3 คน หากว่าจู่ๆชางเอ๋อร์ขอตัวพวกนางไปทีเดียว 2 คน เกรงว่าผู้ที่จะคอยช่วยเหลือดูแลพระองค์จะไม่เพียงพอ พระองค์ต้องทรงดูแลปกครองถึง 6 ตำหนัก มิอาจขาดคนสนิทที่คอยดูแลพระองค์ได้นะเพคะ" หยุนชางยิ้มอย่างสุภาพ แต่สายตากลับแฝงไปด้วยความแน่วแน่
พระนางคิดว่าตนเองเป็นผู้ปกครองที่เก่งกาจมากหรืออย่างไร
"อีกอย่าง ในช่วงที่เสด็จแม่กำลังรอประสูติอยู่ที่เมืองเฟิ่งไหลนั้น นางได้ขอร้องเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อเอาไว้แล้ว เสด็จพ่อทรงตรัสว่าเมื่อเสด็จแม่มีพระประสูติกาลแล้ว จะให้คนไปเชิญเหยียนมามากับเจิ้งมามามาให้การอบรมชางเอ๋อร์ เหยียนมามาเป็นพระนมของเสด็จพ่อ เจิ้งมามาก็เป็นคนที่เสด็จแม่ทรงเชื่อพระทัย แต่ว่า ผู้ที่เจ้าจอมทรงวางพระทัยนั้นก็ย่อมดีเลิศ ชางเอ๋อร์ตัดสินใจไม่ถูกเลยเพคะ หรือว่า ชางเอ๋อร์จะไปทูลปฏิเสธเสด็จพ่อ ชี้แจงว่าเจ้าจอมทรงจัดเตรียมมามาอบรมไว้ให้ชางเอ๋อร์แล้ว……" หยุนชางขมวดคิ้วแสร้งทำท่าทางหนักใจ
หมิงไท่เฟยขมวดคิ้ว รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ นี่จักรพรรดิหนิงจัดแจงเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรือนี่ ไยตนจึงไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย
"เหยียนมามางั้นหรือ? ข้าจำได้ว่านางได้ออกไปอยู่นอกวังตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วแล้ว ข้าได้ยินว่าสะใภ้ของนางได้ให้กำเนิดลูกชายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ตอนนี้นางกำลังเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน" หมิงไท่เฟยเพิ่งนึกขึ้นมาได้
หยุนชางเลิกคิ้ว "เพคะ แต่ชางเอ๋อร์ก็ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อทรงตรัสอะไรกับนาง เหยียนมามาจึงตอบตกลงกับเสด็จพ่อ นางบอกว่าหลานชายอายุได้ 4 ขวบแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะส่งไปเรียนหนังสือที่สำนักแห่งหนึ่ง นางจึงไม่มีอะไรทำมากนัก เลยรับปากกับเสด็จพ่อเพคะ คาดว่าอีกประมาณ 3-4 เดือน เหยียนมามาจะกลับเข้ามาในวังเพคะ"
หมิงไท่เฟยรู้สึกขัดใจ แต่สักพัก นางก็ยิ้มและพูดว่า "เหยียนมามาดูแลฮ่องเต้มาตั้งแต่เล็กจนโต เหยียนมามาจึงถือว่าเป็นมามาที่ดีที่สุด ในเมื่อฮ่องเต้ทรงตระเตรียมเอาไว้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ขอก้าวก่าย"
เมื่อเห็นว่าแผนการที่ตนวางไว้ไม่เป็นผล พระนางทรงครุ่นคิดถึงสิ่งที่หยุนชางได้พูดออกไปทั้งหมด ในใจของหมิงไท่เฟยร้อนรุ่ม แล้วพระนางก็ให้หยุนชางกลับไป
หยุนชางเห็นสีหน้าท่าทางของหมิงไท่เฟยไม่สู้ดีนัก ทำให้นางเชื่อมั่นกับสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้มากขึ้นกว่าเดิม แล้วนางก็สั่งให้คนคอยสอดส่องสถานการณ์ภายในตำหนักฉางชุน เช้าวันถัดมา เฉี่ยนอินก็ได้มารายงาน
"องค์หญิงเพคะ ที่ตำหนักฉางชุนเมื่อคืนนี้เหมือนว่าพระนางจะทรงพระสุบินร้ายเพคะ พระนางทรงรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก ทรงร้องลั่นด้วยความตกพระทัย พระนางตะโกนไม่หยุดว่าหมิ่นเอ๋อร์ อย่า อย่า หลังจากนั้นแล้ว ห้องบรรทมในตำหนักฉางชุนก็เปิดไฟสว่างตลอดทั้งคืนเลยเพคะ"
หยุนชางปิดฝาถ้วยน้ำชา นางยิ้ม "คนที่ไม่ได้ปองร้ายผู้อื่น ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวผีสางมาหลอกหลอน ลักษณะอาการของพระนาง เห็นได้ชัดเจนว่าคงทำผิดกับผู้อื่นมามาก"
เฉี่ยนอินฉุกคิดอีกเรื่องขึ้นมาได้ จึงรีบรายงาน "องค์หญิงเพคะ เย็นวานนี้เมิ่งเจี๋ยยวี๋ได้ไปที่ตำหนักฝูเหม่ยเหริน ทั้งสองดูจะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเลยเพคะ……"
หยุนชางพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตำหนักฉางชุนวุ่นวายติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบวัน ทุกๆคืนจะได้ยินเสียงหมิงไท่เฟยกรีดร้องขึ้นมากลางดึก ได้ยินว่าเมื่อถึงเวลาจุดตะเกียง หมิงไท่เฟยจะสั่งให้เหล่านางกำนัลจุดตะเกียงให้สว่างจนทั่วทั้งตำหนัก แสงตะเกียงในตำหนักฉางชุนนั้นส่องสว่างจ้าราวกับเป็นเวลากลางวัน แต่ทว่า นั่นเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย พระสติของหมิงไท่เฟยนับวันก็ยิ่งผิดแผกขึ้นเรื่อยๆ เช้าวันที่ 12 พระนางทรงเป็นลมล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตาบรรดานางใน
เมื่อหยุนชางทราบข่าว นางยิ้มออกมาเล็กน้อย มิได้พูดอะไรมาก แต่ว่า ในวันเดียวกันกับที่หมิงไท่เฟยหมดสติไปนั้น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนตำหนักชิงซิน หลี่ฝูยีนั่นเอง
หลี่ฝูยีส่งยิ้มให้กับหยุนชาง สาวน้อยวัย 15-16 ที่อยู่ตรงหน้า ทว่าในใจนั้นกลับมีความรู้สึกจริงจังเป็นอย่างมาก แม้ว่าใบหน้าของหยุนชางจะยังดูไร้เดียงสาอยู่ แต่ด้วยความที่หลี่ฝูยีนั้นได้แอบสังเกตหยุนชางมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว นางจึงรู้ว่า สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้านั้น จะมองว่าเป็นเพียงสาวน้อยใสซื่อเห็นจะไม่ได้แล้ว
"ไม่ทราบว่านางกำนัลในตำหนักขององค์หญิงที่หายตัวไปทั้งสองคนนั้น ตอนนี้พบตัวแล้วหรือยังเพคะ? ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร วันที่องค์หญิงเสด็จไปยังตำหนักฉางชุน เจ้าจอมก็ทรงพระสุบินร้ายติดต่อกัน พระวรกายแย่ลงทุกวันๆเลยเพคะ" หลี่ฝูยีก้มหน้า ทำท่าทางโศกเศร้าเสียใจ
หยุนชางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "จริงหรือ? เรื่องนางกำนัลทั้งสองนั้นยังไม่เจอตัว แต่ว่าเจ้าจอมสั่งการให้ตามหาด้วยพระองค์เองแล้ว เชื่อว่าจะต้องหาเจอแน่นอน ส่วนเรื่องเจ้าจอม ชางเอ๋อร์เองก็รู้สึกหวาดกลัว ฝูเหม่ยเหริน ท่านคิดว่า มีผีมาคอยหลอกจริงหรือเปล่า? ข้าได้ยินคนของตำหนักฉางชุนลือกันว่า พวกนางเห็นเงาคนลอยอยู่ในตำหนักฉางชุนกลางดึก……"
หยุนชางพูดพร้อมเบิกตากว้างมองไปยังหลี่ฝูยี แววตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้ และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"หม่อมฉันก็ไม่ทราบว่ามีวิญญาณอยู่จริงหรือไม่เพคะ……" หลี่ฝูยีตอบ
หยุนชางถอนหายใจและทำหน้าเศร้า "ข้ารู้สึกกลัวเหลือเกิน ช่วงนี้ไม่กล้าออกไปนอกตำหนักตอนกลางคืนเลย อีกอย่างเวลาเข้านอน ก็ต้องให้นางกำนัลมาคอยเฝ้าอยู่ข้างๆจึงจะวางใจ……"
หลี่ฝูยีเห็นท่าทางของหยุนชางเช่นนั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกอะไรบางอย่าง นางพูดคุยกับหยุนชางอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงขอตัวกลับ
เมื่อหยุนชางเห็นนางออกไปจากตำหนักชิงซินแล้ว ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้า นางยิ้มออกมา "ได้ยินว่า หมิงไท่เฟยทรงฟื้นขึ้นมาแล้วหรือ?"
เฉี่ยนอินได้ยินก็ตอบมาจากด้านหลังว่า "ทรงฟื้นแล้วเพคะ"
หยุนชางแสยะยิ้มดูมีเลศนัย "ฟื้นแล้วงั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ก็ใส่ยาที่ว่าลงไปได้เลย…… แล้วค่อยให้หนิงเชียนสอบสวนถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของหมิ่นกุ้ยเฟย……"
เฉี่ยนอินก้มหน้ารับคำสั่ง แล้วทูลลาออกไป
ในคืนนั้นเอง ตำหนักฉางชุนก็ต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ได้ยินว่า บรรดานางกำนัลเห็นเงาเงาหนึ่งสวมชุดสีขาวลอยอยู่นอกหน้าต่างห้องบรรทมของหมิงไท่เฟย เงานั้นหัวเราะโหยหวน แล้วพูดเข้ามาในห้องบรรทม "น้องหญิงช่วงนี้ดูจะเสียสติไปมากเลยนะ พี่อยู่เบื้องล่างรู้สึกโดดเดียวเหลือเกิน……"
จากนั้น หน้าต่างห้องบรรทมก็ถูกลมแรงพัดจนเปิดออก ก่อนที่บรรดานางกำนัลจะมาถึง ข้างพระเขนยของหมิงไท่เฟยก็ปรากฏถุงผ้าถุงหนึ่งตกอยู่ ภายในถุงผ้านั้นมีเส้นผมของคนอยู่กระจุกหนึ่ง……
เมื่อหมิงไท่เฟยได้เห็นถุงผ้านั้นแล้วก็ถึงกับตัวสั่นงันงก เมื่อพระนางเอื้อมมือหยิบกระจุกเส้นผมนั้นออกมาจากถุงผ้า พระนางก็น้ำลายฟูมปาก ไม่นานก็สลบไป
หยุนชางได้ฟังการรายงานจากเฉี่ยนอิน นางหยิบถั่วขึ้นมาเม็ดหนึ่งแล้วแสยะยิ้ม "ข้าเองรู้สึกนับถือแผนการของหมิงไท่เฟยยิ่งนัก ถุงผ้านั้นเดิมทีเป็นของแทนใจที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงมอบให้กับหมิ่นกุ้ยเฟย ด้านในมีพระเกศาของอดีตฮ่องเต้ เห็นว่าตอนที่ทั้งสองพระองค์ตกลงครองรักกันนั้น อดีตฮ่องเต้ทรงตัดพระเกศามอบให้แก่หมิ่นกุ้ยเฟย เป็นของที่หมิ่นกุ้ยเฟยทรงพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา คิดไม่ถึงว่า หมิงไท่เฟยจะลักลอบใส่อะไรบางอย่างลงไปภายในถุง"