ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 174 งานเลี้ยงวันเกิด ณ จวนจิ้งอ๋อง (๓)
สีหน้าของทุกคนนิ่งอึ้งอยู่นานก่อนที่จะมีคนถอนหายใจขึ้น "แม้จะห่างขนาดนี้และไม่เห็นใบหน้า แต่ท่าทางสบายๆ นั้นกลับทำให้รู้สึกมีเสน่ห์ยิ่งนัก คงจะเป็นสาวงาม แต่ว่าไม่ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงในจวนจิ้งอ๋องหรือ? แล้วทำไม…"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของผู้คนก็จับจ้องไปที่หยุนชางที่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน ในใจพวกเขาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบหยุนชางกับหญิงสาวเมื่อครู่ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกตกใจ มองแวบแรกหยุนชางไม่ได้สวยสะดุดตานัก เพียงคิดว่านางดูนุ่มนวลน่าทะนุถนอม นางเพียงยืนเงียบๆ แต่กลับดูราวกับภาพวาด หน้าขาวนวลอวบอิ่ม ริมฝีปากแดงดุจดอกซากุระ คิ้วเรียวสวยราวหมึกวาด กิริยาท่าทางนุ่มนวลราวกับน้ำในสารทฤดู ชุดกระโปรงสีเขียวมรกตเป็นประกายระยิบระยับในวันฤดูใบไม้ผลิอันสบายอารมณ์เช่นนี้กลับทำให้นางดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างมาก ราวกับฝนที่ตกกระทบดอกบัวสีเขียวหรือภูเขาอันโดดเดี่ยวท่ามกลางม่านหมอก สัมผัสได้ถึงความคล่องแคล่วว่องไวในความบริสุทธิ์สง่างาม
องค์หญิงผู้ไม่เป็นที่สะดุดตางดงามขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เมื่อเห็นหน้าของทุกคน หยุนชางก็รู้ได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดอย่างนุ่มนวลว่า "เมื่อครู่ก็บอกแล้วว่าพ่อบ้านที่จวนเสด็จอาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงวันเกิดเลย คงเป็นเพราะไม่กี่วันก่อนไปเยี่ยมชมจวนของซุ่นชิ่งอ๋องและเห็นเข้าว่าที่งานวันเกิดของพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องได้เชิญแม่นางเฉียนเฉี่ยนมาร้องรำทำเพลงจึงได้เชิญนางมาที่นี่ด้วย แต่ว่าแม้สถานะของแม่นางเฉียนเฉี่ยนจะค่อนข้างน่าอึดอัดเล็กน้อย แต่ฝีมือเล่นดนตรีของนางนั้นยอดเยี่ยมและการร่ายรำของนางก็อ่อนช้อยงดงามหาใดเปรียบ"
ผู้คนในที่นั้นต่างก็เป็นเหล่าฮูหยินและคุณหนู แต่ชื่อเสียงของเฉียนเฉี่ยนนั้นโด่งดังมาก แม้เหล่าสตรีที่อยู่ในบ้านก็ยังเคยได้ยินมาบ้าง ชั่วขณะหนึ่งพวกนางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี หากกล่าวชมก็จะเป็นการลดศักดิ์ศรีของตนเอง แต่หากดูหมิ่นก็จะเป็นการเป็นศัตรูกับจวนจิ้งอ๋อง ทุกคนมองหน้ากันและไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
"ผู้มากฝีมือไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามถึงหัวนอนปลายเท้า ในเมื่อแม่นางเฉียนเฉี่ยนผู้นี้สามารถทำให้องค์หญิงเอ่ยชมได้เช่นนี้ นางย่อมมีดีของนาง อีกเดี๋ยวเหยียนเอ๋อร์ก็จะได้ชมการแสดงของนางแล้ว" หวังจินเหยียนกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคนกลับยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบขรึมลงไปอีก
หยุนชางยิ้มบางๆ นางอดหัวเราะอยู่ในใจไม่ได้ บุตรีของตระกูลหวังช่างแตกต่างจากหญิงสาวคนอื่นที่ทำเป็นว่ารักนวลสงวนตัวเสียจริงๆ
"องค์หญิง ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วเพคะ จิ้งอ๋องให้มาเชิญองค์หญิงไปรับเสด็จที่ด้านหน้า" บ่าวรับใช้ตัวน้อยรีบวิ่งเข้ามากระซิบเสียงเบา
หยุนชางเลิกคิ้วเล็กน้อย "หือ? เสด็จพ่อมาหรือ?" แล้วจึงกล่าวขอตัวกับเหล่าหญิงสาวเหล่านั้นไปที่ด้านหน้า
เป็นไปตามที่คาด จักรพรรดิหนิงนั่งอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด ด้านข้างมีจิ้งอ๋องในชุดสีเขียวกำลังสนทนากับจักรพรรดิหนิงอยู่อย่างเงียบๆ หยุนชางยืนอยู่ในที่ไกลๆ มองจิ้งอ๋องอย่างประเมินและเห็นว่าแม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังซีดเซียวอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการสนทนานัก นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
จิ้งอ๋องสังเกตเห็นหยุนชางก่อน ดวงตาของเขาเป็นประกายและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา "ชางเอ๋อร์ มานี่สิ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงเบนสายตามาก็เห็นหยุนชางที่ยืนอยู่ที่ประตูด้วยหน้าตางงงวย จักรพรรดิหนิงจึงหัวเราะขึ้น "ทำไมเจ้าไม่รอพ่อล่ะ?"
หยุนชางเดินไปหาจักรพรรดิหนิงและนั่งลง นางเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิหนิงแล้วยิ้มจนตาหยี "ชางเอ๋อร์คิดว่าเสด็จพ่อจะไม่มาจึงได้มาก่อนเพคะ ปรากฏว่าพอมาถึงก็ถูกเสด็จอาลากไปต้อนรับแขกสตรีเลย เสด็จพ่อมาแล้วหยุนชางก็ไม่รู้"
จักรพรรดิหนิงเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้และมองไปที่จิ้งอ๋องซึ่งใบหน้าดูอ่อนโยนลงตั้งแต่หยุนชางเข้ามาที่อยู่ด้านข้าง "หือ?" จิ้งอ๋องยิ้มด้วยความเขินอายเล็กน้อย "แต่ก่อนวันเกิดของหม่อมฉันมักผ่านไปยามอยู่ในค่ายทหาร ทุกคนเพียงกินเนื้อและดื่มเหล้ากันแล้วก็ผ่านไป ปีนี้หม่อมฉันอยู่ในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าการเลี้ยงวันเกิดนั้นจะยุ่งยากขนาดนี้จึงเตรียมตัวได้ไม่ดีเท่าไรนัก"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินคำพูดของจิ้งอ๋องก็เงียบไปครู่แล้วจึงยกมุมปากขึ้น "ลำบากเจ้าแล้ว"
พูดคุยกันไปสักพักงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น เมื่องานเลี้ยงจบลงแล้ว จักรพรรดิหนิงไม่รีบกลับวัง แต่กลับอยู่ดูการแสดงกับแขกเหรื่อ แม้ว่าพื้นที่ของจวนจิ้งอ๋องจะกว้างขวาง แต่ส่วนใหญ่กลับรกร้างว่างเปล่า จึงได้แต่จัดโต๊ะขึ้นที่ริมสระและนักแสดงแสดงอยู่บนหอฝั่งตรงข้าม เมืองหลวงเล็กเพียงเท่านี้ การแสดงก็คล้ายคลึงกันไปหมด คณะงิ้วที่หยุนชางเชิญมาก็เป็นหนึ่งในคณะที่ดีที่สุดในเมืองหลวง หลังจากแสดงไปสองสามเรื่องก็จากไป
มีเสียงผีผาในหอดังขึ้น แต่กลับไม่เห็นคน บทเพลงที่ผีผาบรรเลงเป็นเพียงเพลงสรรโกมลจากเขตเจียงหนาน แต่กลับไพเราะพาให้ผู้คนเคลิบเคลิ้ม ทุกคนต่างก็สงสัยว่าผู้เล่นผีผานั้นเป็นใคร แต่กลับเห็นร่างสีชมพูลอยออกมาจากหอและตกลงมาบนใบบัวที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำขึ้นมาในสระ
ทุกคนตกใจมาก แน่นอนว่าน้ำหนักของมนุษย์ย่อมไม่เบานัก แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่บนใบบัวยังคงถือผีผาอยู่ในมืออย่างผ่อนคลายและเสียงบรรเลงก็ไม่ได้รับผลกระทบอันใดเลย เป็นไปได้ว่าวิชาตัวเบาของหญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เพียงแต่นางหันหลังให้กับเหล่าผู้ชมและไม่ได้หันศีรษะกลับมา นางเพียงยกเท้าขึ้นเล็กน้อยและเต้นรำอยู่บนใบบัว
"เยี่ยม!" จักรพรรดิหนิงเป็นคนตะโกนชมก่อน ทุกคนจึงได้สติขึ้น ดวงตาพวกเขาเป็นประกายด้วยความชอบใจและมีบางคนที่จำหญิงสาวในสระนั้นได้แล้ว "นั่นไม่ใช่แม่นางเฉียนเฉี่ยน นางโลมอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงหรอกหรือ?"
ชั่วขณะหนึ่งฝูงชนเริ่มแอบวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น แต่เสียงนั้นก็หายไปเมื่อเฉียนเฉี่ยนหมุนตัวกลับมาและทำท่าทางดีดผีผาแล้วหายวับเข้ากลีบเมฆไป
เฉียนเฉี่ยนสวมชุดสีชมพูอ่อนยาวลากพื้น เอวบางมัดด้วยผ้าคาดยิ่งทำให้เอวดูบางจนไม่อาจจับได้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นดอกพุดตานช่วยขับใบหน้างดงามราวดอกพุดตานของนางให้งดงามยิ่งขึ้นแล้วยังกอปรไปด้วยดวงตาหงส์อันเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนอีกคู่หนึ่ง
เสียงผีผาไม่มีที่สิ้นสุดและหญิงสาวกลางทะเลสาบก็เปลี่ยนท่วงท่าร่ายระบำต่างๆ ไปมา ทำให้ผู้คนรู้สึกอิ่มเอม เมื่อเสียงดนตรีสุดท้ายจบลงก็เห็นนางนั้นเหาะจากไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครพูดอะไรอยู่เป็นเวลานานราวกับยังตกอยู่ในภวังค์ของเสียงผีผานั้น การร่ายรำนั้น หรือในความงามนั้น
จักรพรรดิหนิงยิ้มบางๆ ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดยากคาดเดาขึ้นมา ผ่านไปครู่ใหญ่จึงลุกขึ้นยืนและนวดขมับแล้วจึงกล่าวว่า "จิ้งอ๋อง วันนี้เจ้าทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย เจ้าหาสถานที่ให้ข้าไปพักสักหน่อยเถอะ"
จิ้งอ๋องรีบลุกขึ้น "หม่อมฉันจะนำทางไปเองพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหนิงโบกมือแล้วกล่าวว่า "วันนี้เจ้าเป็นเจ้าภาพ เจ้าอยู่ที่นี่กับแขกเถอะ หาใครนำข้าไปก็ได้"
จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกพ่อบ้านมาและให้เขาพาจักรพรรดิหนิงไปพักที่เรือนปีกตะวันออก เมื่อพ่อบ้านพาเขาออกไปแล้ว บรรยากาศก็คึกคักขึ้นเล็กน้อย ได้ยินคนกล่าวว่า
"ว่ากันว่าแม่นางเฉียนเฉี่ยนผู้นี้เชิญมายากยิ่งนัก หากเป็นคนที่นางไม่ชอบแล้วล่ะก็ แม้จะมีเงินทองมากปานใดนางก็ไม่สนใจ ไม่ทราบว่าจิ้งอ๋องเชิญนางมาที่จวนได้อย่างไรหรือ?"