ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 175 งานเลี้ยงวันเกิด ณ จวนจิ้งอ๋อง (๔)
เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินเช่นนั้น เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า "จะว่าไปแล้ว แม่นางเฉียนเฉี่ยนผู้นี้ไม่มาเพราะเห็นแก่ข้า คนที่เชิญนางมาเป็นอีกผู้หนึ่ง แต่ว่าจะเป็นผู้ใดนั้นข้าคงไม่สะดวกเอ่ยนาม"
แม้ว่านักแสดงที่ขึ้นแสดงต่อก็แสดงได้ดีเช่นกัน พวกเขาเพิ่งได้รับการร่ายรำของเฉียนเฉี่ยนไป บ้างก็ยังฟุ้งซ่านบ้าง เมื่อจักรพรรดิหนิงไม่อยู่แล้ว ทุกคนจึงเริ่มดื่มอวยพรกันโดยไม่ต้องกังวล
หยุนชางมองจิ้งอ๋องดื่มเหล้าถ้วยแล้วถ้วยเล่าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อาการบาดเจ็บของเขา… แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว นางก็ปล่อยมันไปและเพียงนั่งดูการแสดงบนเวทีไปอย่างเงียบๆ
เฉี่ยนอินเดินเข้ามาข้างกายหยุนชางและพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาหยุนชางก็เปล่งประกายขึ้น นางยิ้มและกล่าวว่า "เสด็จอา เกรงว่าเหล่าฮูหยินอาจจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกันแล้ว ชางเอ๋อร์ขอพาพวกนางไปพักผ่อนหย่อนใจที่สวนด้านหลังนะเพคะ"
จิ้งอ๋องเบนสายตามาหาหยุนชาง มือที่ถือจอกเหล้าชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงยิ้มตอบ "ตกลง"
หยุนชางยิ้มตอบและลุกขึ้น เมื่อครู่ก็เป็นหยุนชางที่เป็นผู้ต้อนรับแขกสตรี เหล่าฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นก็ไม่ดื่มเหล้าและการแสดงบนเวทีก็ไม่น่าดึงดูดพอ ดังนั้นพวกนางจึงลุกขึ้นตามหยุนชางและพูดคุยกันพลางมุ่งหน้าไปที่สวน
"องค์หญิงกล่าวไว้ไม่ผิดเลย แม่นางเฉียนเฉี่ยนผู้นั้นช่างเปี่ยมความสามารถ เมื่อครู่เหยียนเอ๋อร์เห็นนางยืนอยู่บนใบบัวในสระ วิชาตัวเบาของนางนั้นหากเทียบกับพี่ชายแล้วก็คงไม่เป็นรองแน่ เพียงหญิงสาวธรรมดากลับร้ายกาจเช่นนี้ เหยียนเอ๋อร์ต้องยอมให้จากใจจริงเลย คิดว่าวิทยายุทธ์ของนางต้องไม่เบาแน่ หากมีโอกาสก็อยากจะประลองกับนางสักหน่อย" หวังจินเหยียนเดินอยู่ข้างหลังหยุนชางเล็กน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยุนชางหรี่ตาลงและพยักหน้าเล็กน้อย "ช่างทำให้ผู้คนประหลาดใจเสียจริง"
"แค่คนในหอนางโลมเช่นนั้นก็คู่ควรกับคำชมเชยจากพวกท่านหรือ หรือว่าพวกท่านคิดว่าแม้แต่นางโลมคนหนึ่งก็สู้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?" เสียงเย็นแฝงแววเย้ยหยันดังขึ้น หยุนชางหรี่ตาลงและมองไปที่ชางยางอวี้เอ๋อร์ที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา
"คนที่มีความสามารถก็สมควรได้รับความชื่นชมจากเราโดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานะใดๆ ว่าแต่เรื่องของแม่นางชางยางนั้น ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่เจ้าจะถูกรับเลี้ยงโดยท่านราชครูแห่งเย้หลาง ภูมิหลังของครอบครัวของเจ้าก็ไม่ค่อยดีนัก"
เสียงของหยุนชางราบเรียบไม่มีร่องรอยอารมณ์อันใด แต่ชางยางอวี้เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี นางย่อมรู้ว่าก่อนที่จะถูกราชรับเลี้ยงนั้นนางมีฐานะเป็นอย่างไร คำกล่าวที่ว่าภูมิหลังครอบครัวไม่ค่อยดีนักนั้นถือว่าได้ให้เกียรตินางแล้ว แต่ก่อนนางไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าขอทานที่ร่อนเร่ไปทั่วหลังจากที่บ้านถูกน้ำท่วมเท่านั้น เพียงแต่หลังจากที่นางได้ราชครูเป็นบิดาบุญธรรมแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ก็ถูกนางปกปิดไว้แล้ว แล้วหนิงหยุนชางจะรู้ได้อย่างไร?
ดวงตาของหยุนชางฉายแววสงสารเล็กน้อย ยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจของชางยางอวี้เอ๋อร์โหมกระพือขึ้น สีหน้าของนางไม่งามนัก "คำพูดนี้องค์หญิงหมายความว่าอย่างไร?"
หวังจินเหยียนเข้ายืนด้านหน้าหยุนชาง บังสายตาของชางยางอวี้เอ๋อร์ที่จะมองไปที่หยุนชางไว้และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา "แม่นางชางยางคิดจะทำอะไร?"
หยุนชางยิ้มบางๆ "ที่นี่คือแคว้นหนิง แม่นางชางยางคงจะไม่อาจไม่แยกแยะสถานการณ์เช่นนั้นหรอก"
ในสายตาของชางยางอวี้เอ๋อร์เต็มไปด้วยความแค้น นางกัดฟันเล็กน้อยแล้วยืนขึ้น "หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ขอตัวไปห้องน้ำเพคะ พวกท่านคุยกันต่อเถอะ"
ทันทีที่ชางยางอวี้เอ๋อร์จากไปก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านหลัง "เป็นเพียงชาวต่างชาติแล้วยังเป็นชาวต่างชาติที่เป็นเพียงบุตรบุญธรรมเสียเท่านั้น เพียงแค่ลูกสาวบุญธรรมแต่กลับต้องการให้ทั้งโลกนี้หมุนรอบตัวนาง จะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว"
หยุนชางเหลือบมองสตรีที่เอ่ยปากพูดขึ้นก็เห็นว่าเป็นหลี่อิ๋งอิ๋งที่เคยพบกันมาก่อนในวันส่งท้ายปีเก่า
หยุนชางไม่ได้พูดอะไร นางเดินไปนั่งลงที่ด้านข้างพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า "ฮูหยินและแม่นางทุกท่าน เชิญนั่งลงเถอะ จวนจิ้งอ๋องไม่มีอะไรให้ความบันเทิงหรือน่าสนุกนัก เช่นนั้นพวกเรามาเล่นตีกลองส่งดอกไม้กันเถอะ"
เมื่อพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนซุ่นชิ่งหวังได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้น "การละเล่นของสาวน้อยเช่นนี้ให้พวกเราคอยดูพวกเจ้าเล่นกันเถอะ องค์หญิง ท่านเล่นกับเหล่าสาวๆ พวกนี้เถอะเพคะ หม่อมฉันกับเหล่าฮูหยินจะไปสนทนากันที่ศาลาด้านโน้น"
เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดของนาง แววตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ "พระชายารอบคอบยิ่งนัก เช่นนั้นต้องขอบคุณพระชายาซื่อจื่อแล้ว"
เหล่าฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นจึงถูกนำไปที่ศาลาด้านข้าง ด้านนี้จึงเหลือเพียงเหล่าหญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี บรรยากาศครึกครื้นขึ้นเล็กน้อย "ในเมื่อจะเล่นตีกลองส่งดอกไม้ เช่นนั้นต้องมีบทลงโทษจึงจะสนุก"
หยุนชางพยักหน้า "แน่นอนว่าต้องมีบทลงโทษ ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้ไหม ข้าจะให้คนเตรียมฉลาก เมื่อกลองหยุดแล้วดอกไม้ก็ตกอยู่ในมือใครก็ค่อยจับฉลากและถูกลงโทษตามที่เขียนอยู่บนฉลากนั้น เช่นนั้นเป็นอย่างไร? ส่วนวิธีลงโทษนั้นให้พวกเราแต่ละคนเขียนลงไปคนละหนึ่งข้อก็แล้วกัน"
ทุกคนต่างก็ตอบรับ ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้างก็รีบเตรียมของ แจกฉลากให้แก่เหล่าหญิงสาว ทุกคนหยิบพู่กันเขียนบทลงโทษลงไปแล้วจึงวางลงกล่องฉลากและจากนั้นก็นั่งล้อมกันเป็นวงกลม
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอให้บ่าวจัดเก้าอี้จนเสร็จ หวังจินเหยียนก็แอบเดินเข้ามาใกล้หยุนชางอย่างเงียบๆ และกล่าวว่า "เมื่อครู่หม่อมฉันสังเกตเห็นว่าสาวใช้ของชางยางอวี้เอ๋อร์ดูเหมือนจะหายไปคนหนึ่ง เกรงว่านางจะมีแผนร้ายบางอย่าง องค์หญิง ท่านให้คนไปตามดูเถอะว่าสาวใช้นางนั้นไปที่ใด"
หยุนชางมองใบหน้าของหวังจินเหยียนอย่างไร้กังวล นางตบมือของหวังจินเหยียนเบาๆ "ไม่เป็นไร ที่นี่คือจวนจิ้งอ๋อง แม้ว่าที่นี่จะดูเหมือนไม่ได้มีข้ารับใช้มากนัก แต่องครักษ์นั้นไม่หละหลวมแน่นอน ไม่เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้นหรอก"
หวังจินเหยียนได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้ารับและนั่งลงข้างหยุนชาง
มือกลองที่อยู่ด้านข้างถูกเอาผ้าปิดตาไว้ หยุนชางถือดอกไม้ผ้าไหมไว้ในมือพลางยิ้ม "ทุกท่านเตรียมพร้อมหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเถอะ…"
เมื่อเห็นสีหน้ากระหายพร้อมเล่นของทุกคนแล้ว หยุนชางก็ประกาศขึ้น "เริ่ม"
มีเสียงกลองดังขึ้น
ดอกไม้ผ้าไหมในมือของทุกคนทุกส่งผ่านกันไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เสียงกลองก็หยุดลง หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นและมองไปยังหญิงสาวที่กำลังยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน
"นี่คือคุณหนูจากจวนฉินไท่เว่ย สิงซาน เป็นลูกอนุ ดูเหมือนจะไม่มีความถนัดด้านใดเลย" เสียงกระซิบเบาของหวังจินเหยียนดังแว่วมา
หยุนชางพยักหน้า "วันนี้แม่นางฉินโชคดีเป็นคนแรกที่ได้ดอกไม้ เชิญแม่นางฉินมาจับฉลากเถอะ"
แม่นางฉินผู้นั้นกวาดตามองใบหน้าของทุกคนก่อนจะเดินไปจับฉลากแล้วยื่นให้หยุนชาง หยุนชางก้มศีรษะลงอ่านแล้วยิ้มอย่างนุ่มนวล "ไม่ยาก เพียงเล่นดนตรีหนึ่งเพลงเท่านั้น"
จากนั้นแม่นางฉินจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรับพิณมาบรรเลงหนึ่งบทเพลง