ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 141 พระชายาซุ่นชิ่งทรงพระพิโรธ
หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าหม่อมฉันในเมื่อสักครู่นี้ คือซิ่วซิน และเสียงอีกหนึ่งเสียงเป็นของพระชายาจวิ้นอ๋อง
พระชายาจวิ้นอ๋องเอ่ยปากพูดอีกครั้ง "ข้าเห็นชายชราสองคนนั้นดูไม่เป็นอันใด ข้าคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงจะต้องทำให้เกิดเหตุถึงแก่ชีวิตบ้าง เช่นนี้จึงจะไม่แคล้วต่อคำสั่งของฮองเฮา เมื่อนำเรื่องใหญ่ถึงแก่ชีวิตเช่นนี้ไปใส่ร้ายองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว แม้ว่าจะไม่ใช่ชีวิตของซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายา แต่อย่างน้อยหวูฉี่ก็ถือเป็นขุนนางในพระราชวัง อีกทั้งลูกสาวของหวูฉี่ก็เลวไม่แพ้กัน กล้าดีเช่นไรคิดอยากจะยั่วยวนจวิ้นอ๋อง ฉะนั้นข้าจึงให้เจ้านำถุงหอมสองอันนี้ไปให้หวูฉี่ ในนามฮองเฮา เดิมข้าคิดว่าเขาคงจะนำถุงหอมนี้ให้แก่ภรรยาของตน แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมอบถุงหอมนี้ให้แก่ลูกสาวของตน แต่ก็ถือว่าได้กำจัดหนามยอกอกของข้าไป คราวนี้ก็รอดูว่านางเสียชีวิตไปแล้ว นางจะมายุ่งวุ่นวายกับจวิ้นอ๋องได้อย่างไร"
ทันทีที่พระชายาจวิ้นอ๋องพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงซิ่วซินดังขึ้นอีกครั้ง "ก่อนที่เหนียงเหนียงทรงมอบกล่องไม้จันทน์หอมนี้ให้กับองค์หญิง หม่อมฉันได้ลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพคะ แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเมื่อมันอยู่ในมือขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วกลับไม่ได้ผลอันใดเพคะ ฮองเฮาสั่งให้หม่อมฉันวางยาพิษที่หยกลูกท้อมงคลมรกต แล้วหยกลูกท้อมงคลมรกตนั้นจะมีรอยแดงขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นพระชายาจำต้องสงสัย และหยิบมันขึ้นมาตรวจดู แต่ไม่คาดคิดว่าท่านไม่เป็นอันใดเลยเพคะ เมื่อหม่อมฉันกลับไปก็จะแจ้งฮองเฮาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อพระชายาจวิ้นอ๋องไปที่ห้องโถงด้านหน้า จะต้องให้คนอื่นดูถุงหอมนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพคะ ผ้าที่ใช้เย็บถุงหอมนั้นเป็นผ้าลายเมฆที่มีเฉพาะในวัง และเส้นด้ายที่ใช้ปักลวดลายนั้นก็เป็นของในวังเช่นกันเพคะ ส่วนฝีมือการปักผ้านั้นเป็นฝีมือของนางกำนัลข้างกายขององค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายามิใช่คนโง่เขลา เมื่อถึงเวลานั้นเพียงแค่ท่านพูดเชื่อมทุกอย่างให้เข้ากันในเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถทำให้เรื่องนี้ตรวจสอบไปที่องค์หญิงฮุ่ยกั๋วได้ เพคะ"
"อืม…พระราชินีได้ช่วยข้าขจัดอุปสรรคไปบ้างแล้ว และแน่นอนข้าจำต้องตอบแทนเป็นอย่างดี ข้าทราบแล้วว่าควรทำเช่นไร…"
เมื่อยังพูดไม่จบ หยุนชางก็เห็นซุ่นชิ่งอ๋องทำท่าทีบางอย่าง แล้วองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เปิดหน้าต่างทันที และรีบพุ่งเข้าไปด้านใน มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในห้อง หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วพบเห็นเงาร่างแวบออกจากลานหน้าจวนอย่างรวดเร็ว และหายวับไปในพริบตา
หยุนชางยืนอยู่ที่เดิม มิได้เข้าไปด้านในแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของจวนซุ่นชิ่งอ๋อง ตนเป็นเพียงคนนอก แม้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับตนอยู่บ้าง แต่หากทำให้ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาลำบากใจก็มิสมควรเท่าไหร่
หยุนชางสัมผัสได้ว่าจิ้งอ๋องกำลังมองมาที่ตน แต่นางมิได้สนใจ เพียงแค่ยืนนิ่งๆ และถอดสายตาไปที่โถงทางเดิน
"เชิญจิ้งอ๋องและองค์หญิงเสด็จขอรับ" เสียงของซุ่นชิ่งอ๋องดังขึ้น หยุนชางยกเท้าไปที่ประตูหน้าและเดินเข้าไป แล้วพบเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอ่อนแรงอยู่บนเก้าอี้ด้านใน แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นเช่นนี้ แต่ก็มีเหงื่อท่วมบนหน้าผากของนาง นางไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
"ท่านอ๋องขอรับ ศิลปะการต่อสู้ของสาวใช้ผู้นั้นสูงกว่าข้าน้อยอย่างมากขอรับ ข้าน้อยไร้ความสามารถ มิอาจไล่ตามนางทันขอรับ" องครักษ์ลับปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคน
ซุ่นชิ่งอ๋องยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา "ไม่คาดคิดว่านางกำนัลที่อยู่ข้างกายพระราชินีจะมีความสามารถเช่นนี้ มิอาจดูถูกได้เชียว ข้าอยากจะจับหญิงพิษร้ายผู้นี้เข้าไปในวังเพื่อทูลถามองค์จักรพรรดิและ พระราชินี ว่าข้าไปขัดขวางเรื่องอันใดของเขา หากข้าไปขัดขวางจริงข้าขอเพียงคำเดียว แม้จะต้องชดใช้ด้วยชีวิตหมื่นครั้งข้าก็ไม่ปฏิเสธ มิจำเป็นต้องมาเสียเวลาเช่นนี้"
หยุนชางกัดริมฝีปาก ดวงตาของนางแดงก่ำพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมว่า "มิใช่ความผิดของเสด็จพ่อเพคะ มันเป็นความผิดชางเอ๋อร์เพคะ เดิมทีช่างเอ๋อก็มิได้รับความโปรดปรานใดๆ อยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าเสด็จแม่จะเกลียดชางเอ๋อร์เช่นนี้ จนคิดอยากจะใส่ร้ายข้า เป็นเหตุทำให้ท่านอ๋องและพระชายาพลอยได้รับเคราะห์กรรมไปด้วย บันทิตหวูและลูกสาวทั้งสองต้องเสียชีวิตเพราะชางเอ๋อร์"
ซุ่นชิ่งอ๋องถอนหายใจเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ จึงได้กัดฟันแน่นยิ่งขึ้น "หลายปีที่ผ่านมาข้าคิดว่าพระราชินีทรงมีคุณธรรมสตรีอย่างยิ่ง ปฏิบัติต่อนางสนมในวังหลังและองค์หญิงหยุนชางอย่างดี แต่ทว่าข้ามองผิดไป ไม่คาดคิดว่าท่านจะทรงมีจิตใจที่โหดร้ายเช่นนี้ หญิงสาวเช่นนี้จะเป็นพระมารดาของบ้านเมืองได้เยี่ยงไร"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ จึงรู้สึกมีความสุข แม้ว่าซุ่นชิ่งอ๋องจะเป็นท่านอ๋องที่เกียจคร้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นเสด็จลุงของเสด็จพ่อ หากว่าซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาไปจัดการเรื่องนี้ แม่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำให้ตำแหน่งพระราชินีของหลี่อี้หรานเกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ก็สามารถทำให้นางปวดหัวอยู่นาน หยุนชางวางแผนในใจ นางต้องเล่นบทไปตามน้ำให้ดี จึงบีบคั้นน้ำตาออกมาเล็กน้อย " ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของชางเอ๋อร์ทั้งนั้นเพคะ หยกลูกท้อมรกตนั้นชางเอ๋อร์เป็นคนนำมาส่งมอบด้วยตนเอง หากว่าวันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านอ๋องและพระชายา ชางเอ๋อร์คงรู้สึกเป็นบาปกรรมอย่างยิ่งเพคะ"
พระชายาซุ่นชิ่งอ๋องจับมือหยุนชางไว้และปลอบโยน จากนั้นจึงหันศีรษะมองไปที่พระชายาจวิ้นอ๋องที่ประทับอยู่บนเก้า และกล่าว "แม้ว่าเจ้าจะเป็นบุตรสาวของตระกูลหลี่ แต่ข้าก็คิดเสมอว่า การที่เจ้าอภิเษกสมรสกับตระกูลซุ่นชิ่งอ๋อง แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงพระชายาจวิ้นอ๋อง แต่ก็ยังดีกว่าการที่เจ้าต้องทนถูกรังแกในฐานะที่เป็นบุตรสาวของนางสนม แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้าคิดประสงค์ร้ายต่อท่านอ๋องและข้า ช่างใจกล้าเสียจริง…"
หญิงสาวผู้นั้นหลับตาลง มีรอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปาก ผ่านไปอยู่นาน นางจึงกล่าวว่า "สุดท้ายก็เป็นเช่นนี้แหละหนา สิ่งใดควรหรือไม่ควร ลูกสะใภ้ก็ทำไปแล้วเพคะ ท่านอ๋องและพระชายาจะเฆี่ยนหรือจะประหาร หม่อมฉันน้อมรับเพคะ"
พระชายาซุ่นชิ่งขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความเย็นชา "ข้ามิทราบหรอกว่าเสด็จพี่ของเจ้าพระราชินีนั้น ให้ผลประโยชน์อย่างไรกับเจ้าบ้าง ในเมื่อเจ้ายอมทำทุกอย่างเพื่อนางเช่นนี้ จะให้ข้าประหารเจ้า เจ้าหวังไปเถิด เพลานี้รุ่นเอ๋อร์คงกำลังวิ่งเล่นอยู่ที่ห้องโถงหน้าตำหนักกระมั้ง….."
หญิงสาวผู้นั้นลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "ไม่นะเพคะ ท่านอย่าได้ลงมือกับรุ่ยเอ๋อร์เลยเพคะ เขาเป็นพระราชนัดดาของท่านนะเพคะ…"
"พระราชนัดดาหรือ? มีพระมารดาเช่นเจ้า แล้วพระราชนัดดานี้จะมีดีอันใด? เลี้ยงเสือไว้เป็นภัยหรือจะสู้ตัดไฟแต่ต้นลมมิดีกว่าหรือ!" แววตาของพระชายาซุ่นชิ่งฉายแววขมขื่นออกมา ทำให้หยุนชางหันหน้าไปด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้ นางคิดไว้ไม่มีผิด หญิงสาวที่ได้รับความโปรดปรานของซุ่นชิ่งอ๋องเป็นอย่างมาก แม้แต่จวนท่านอ๋องยังต้องจัดแต่งตามความชอบของนาง หญิงสาวเช่นนี้จะเป็นคนที่อ่อนแอได้อย่างไร? นางหันหน้าไปมองซุ่นชิ่งอ๋องที่อยู่ด้านข้าง กลับเห็นว่าเขาเมินเฉย นางจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย โดยทั่วไปแล้วเหล่าชายหนุ่มมักชอบที่ภรรยาของตนเป็นหญิงสาวที่มีคุณธรรมและจิตใจอ่อนโยนมิใช่หรือ?
พระชายาจวิ้นอ๋องกัดฟัน ผ่านไปอยู่นานน้ำตาของนางจึงไหลออกมา " เสด็จแม่เพคะ ได้โปรดปล่อยรุ่ยเอ๋อร์ไปเถิดเพคะ ได้โปรด….."
พระชายาซุ่นชิ่งยิ้มอย่างเย็นชา "ปล่อยเขาไปงั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงต้องปล่อยเขาไป? เจ้าลองบอกเหตุผลมาให้ข้าฟัง"
พระชายาจวิ้นอ๋องทรุดลงจากเก้าอี้ คุกเข่าลงกับพื้น กอดเท้าของพระชายาซุ่นชิ่งไว้ และกล่าวพร้อมร้องไห้ " หากว่าเสด็จแม่สามารถปล่อยรุ่ยเอ๋อร์ไปได้ เสด็จแม่จะให้หม่อมฉันทำอย่างไรหม่อมฉันยอมทุกอย่างเพคะ หม่อมฉันยอมทำทุกอย่างเพคะ… … "
พระชายาซุ่นชิ่งยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย "ข้ามิให้เจ้าไปทำเรื่องที่เลวร้ายอันใดหรอก แม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นสิ่งที่เจ้าถนัดก็เถอะ สิ่งที่เจ้าต้องทำนั้น เพียงแค่ตามท่านอ๋องและข้าเข้าไปในวัง นำแผนที่ฮองเฮาและเจ้าร่วมคิดนี้เรียนให้ฝ่าบาทรับทราบก็เพียงพอแล้ว หากเจ้าประพฤติตัวได้ดี ข้าจะดูแลรุ่ยเอ๋อร์อย่างแน่นอน และให้คำสัญญากับเจ้าว่า รุ่ยเอ๋อร์จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในอนาคต เจ้าวางใจได้อย่างแน่นอน"
พระชายาจวิ้นอ๋องหลับตาลงและกัดฟันไว้ ผ่านไปอยู่นานนางจึงพยักหน้ากล่าวว่า "หม่อมฉันไปเพคะ หม่อมฉันไป…" ขณะที่พูด นางทนไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมา
พระชายาซุ่นชิ่งพยักหน้าและหันไปมองพร้อมกล่าวกับหยุนชางและจิ้งอ๋องว่า "องค์หญิงและจิ้งอ๋องจะเข้าวังพร้อมกันหรือไม่"
ดวงตาของหยุนชางยังคงแดงอยู่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "บ่อเกิดของเรื่องนี้คือหม่อมฉัน หม่อมฉันจะต้องไปรับโทษต่อเสด็จพ่อเพคะ"
จิ้งอ๋องก็พยักหน้า " เรื่องของชางเอ๋อร์ก็ถือเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน ข้าเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นหญิงชั่วช้าผู้นั้นจะสร้างปัญหาขึ้นมา จนทำให้ชางเอ๋อร์ลำบากใจ" หญิงสาวชั่วช้าที่กำลังพูดถึงนี้หมายถึงฮองเฮา แม้ว่าจิ้งอ๋องจะทราบดีว่าเมื่อสักครู่นั้นหยุนชางแค่แสร้งทำ แต่ก็ทราบดีว่าความเกลียดชังที่หยุนชางมีต่อฮองเฮาและหัวจิ้งนั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อนึกถึงช่วงก่อนหน้าก็ได้เสียเปรียบเพราะฮองเฮามาไม่น้อย เขาก็รู้สึกเยือกเย็นขึ้นมา
ซุ่นชิงอ๋องสั่งให้หัวหน้านำเรื่องนี้ไปเรียนให้แขกในจวนได้รับทราบ และดูแลพวกท่านอย่างดี จากนั้นจึงพาพระชายาและพระชายาจวิ้นอ๋อง พร้อมองค์หญิงและจิ้งอ๋องออกจากจวนท่านอ๋องไป มุ่งตรงไปที่พระราชวัง