ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 110 แผนยุทธศาสตร์ถูกขโมยไป
จิ้งอ๋องไม่ได้ตอบเช่นกัน เพียงแค่ยกมือขึ้นและแตะๆ ที่ศีรษะหยุนชาง " ดึกมากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด"
หยุนชางจะนอนหลับได้อย่างไร ในใจของนางเต็มไปด้วยคำพูดที่จิ้งอ๋องพูดเมื่อสักครู่นี้ ฮองเฮาไม่สามารถตั้งครรภ์ได้งั้นหรือ แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของเขา แต่ว่าฮองเฮาคงไม่ทราบใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นนางก็คงไม่ใช้วิธีแสร้งตั้งครรภ์หรอก เสด็จพ่อก็คงไม่ทราบเช่นกัน แต่เหตุใดเขาจึงพูดเรื่องนี้กับตน? หยุนชางเงยหน้ามองจิ้งอ๋อง แล้วพบว่าเขากลับไปนั่งที่หลังโต๊ะและหยิบหนังสือมาอ่านแล้ว
เช้าตรู่ของวันที่สอง บรรยากาศในค่ายค่อนข้างตึงเครียด เสียงกลองยามเช้ายังไม่ดังขึ้น จิ้งอ๋องไม่ทันได้สวมชุดเกราะ ก็เร่งสั่งให้ทหารไปตามเหล่าแม่ทัพมาที่กระโจมแม่ทัพ ไม่นานทางเข้าออกค่ายก็ถูกปิดกั้น และห้ามทุกคนออกไปข้างนอก แม้แต่ทหารที่ทำอาหารอยู่ฝ่ายครัวจะออกไปยกน้ำเพื่อหุงข้าวก็ไม่สามารถออกไปได้
แม้ว่าจะไม่มีใครพูดถึง แต่เหล่าทหารในกองทัพก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียด และดูเหมือนว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
หัวจิ้งเองรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว นางเดินไปมาอยู่ในค่ายตลอดทั้งเช้า
ท่านจ้าวฮูเหรินทำเสียง หึ อย่างเย็นชา "เสียงดังจัง" จากนั้นก็หลับตาลง ถอดลูกประคำในมือออก แล้วเริ่มสวดมนต์
เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวจิ้งจึงกระทืบเท้าเดินไปที่ประตูกระโจม นางเห็นทหารตระเวนไปมา แล้วได้เรียกทหารมาถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "เกิดอะไรขึ้นในค่ายหรือ? ข้าเห็นว่าทหารลาดตระเวนนั้นเพิ่มมาเยอะ" ทหารเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จึงเบาเสียงลงแล้วพูดว่า "เรียนองค์หญิงขอรับ ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ได้ยินมาว่าแผนยุทธศาสตร์ถูกขโมยไปขอรับ จิ้งอ๋องกำลังกังวลอยู่ กลัวว่าโจรจะนำแผนยุทธศาสตร์นี้ออกไปจากค่ายได้ จึงได้ควบคุมสถานการณ์ไว้อย่างเคร่งครัดขอรับ"
แผนยุทธศาสตร์ถูกขโมยไปหรือ? หัวจิ้งตกใจอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไร? ตนยังหาไม่เจอเลยว่าแผนยุทธศาสตร์นี้อยู่ที่ใด? มันก็ถูกขโมยไปแล้วงั้นหรือ? ใครขโมยไป? ตอนนี้แคว้นหนิงกำลังเผชิญศึกกับแคว้นแย้หลางอยู่ แสดงว่าคงเป็นคนของแคว้นแย้หลางเอาไป คนอื่นๆ ขโมยไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ถ้าชางเจียชิงซูได้แผนยุทธศาสตร์นี้ไป มันจะมีผลเสียต่อตนหรือไม่? หัวจิ้งรู้สึกกังวล หลังจากครุ่นคิด นางจึงรีบเดินไปที่กระโจมของจิ้งอ๋อง แต่ว่าปกติแล้วกระโจมจิ้งอ๋องนั้นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา วันนี้กลับไม่มีทหารอยู่ข้างนอกเลย และมีเสียงแผ่วเบาดังจากข้างใน
หัวจิ้งกัดฟันเดินเข้าใกล้กระโจม แล้วเอาหูแนบกับกระโจม ก็ได้ยินเสียงข้างใน "วันนั้นไส้ศึกของข้าที่อยู่ในกองทัพแย้หลางส่งข่าวมาบอกว่า มีคนต้องการขโมยแผนยุทธศาสตร์ ข้าจึงคิดแผนรับมือไว้แล้ว เพียงแค่ส่งข่าวออกไปว่าแผนยุทธศาสตร์นั้นถูกขโมยไปแล้ว คนของกองทัพแย้หลางที่จะมาขโมยแผนนั้นคงคิดว่าเราไม่มีแผนยุทธศาสตร์อยู่ในมือแล้ว เขาก็คงจะไม่เสียเวลากับเรื่องนี้ ไม่แน่เขาก็อาจจะกลับไปส่งข่าว"
กลยุทธ์? หัวจิ้งตกตะลึง หรือว่า แผนยุทธศาสตร์นี้………
"ท่านอ๋องหมายความว่า อันที่จริงแผนยุทธศาสตร์นี้มิได้ถูกขโมยไป แต่ท่านอ๋องซ่อนมันเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้แผนยุทธศาสตร์นี้อยู่ที่ใดขอรับ?" เสียงนี้ได้ถามคำถามที่หัวจิ้งอยากรู้คำตอบมากที่สุดออกมา
"แน่นอนว่าข้าได้ซ่อนมันเอาไว้แล้ว ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าข้าจะผนึกแผนยุทธศาสตร์นี้ไว้ที่ประตูกระโจมของข้า" น้ำเสียงของจิ้งอ๋องหยิ่งผยองเล็กน้อย "พวกเจ้าให้ทหารปิดล้อมทางเข้าออกค่ายต่อไป แล้วข้าจะสั่งย้ายทหารในกระโจมข้าออกให้หมด เพื่อให้คนอื่นๆ คิดว่า แผนยุทธศาสตร์นั้นมิได้อยู่ในกระโจมของข้าแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ทันทีที่คนของชางเจียชิงซูมีการเคลื่อนไหว ข้าก็จะจับมันไว้ได้"
หัวจิ้งกำมือที่อยู่ในแขนเสื้อไว้แน่น กลัวว่าคนอื่นจะเห็นตน นางจึงรีบออกจากกระโจมแม่ทัพไป
ผนึกไว้ที่ประตูกระโจม วิธีนี้จองจิ้งอ๋องฉลาดเสียจริง คงไม่มีใครคาดคิดจริงๆ อย่างน้อยตนไม่มีทางคิดได้ว่าแผนยุทธศาสตร์จะอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน
หัวจิ้งมองไปรอบๆ และกำลังจะเดินเข้าไปในกระโจมของหมอทหาร เมื่อนางมาถึงทางเข้ากระโจมแห่งหนึ่ง นางก็เห็นว่าประตูกระโจมถูกเปิดออกอย่างแรง มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาปิดปากหัวจิ้งไว้ แล้วดึงนางเข้าไปในกระโจม
เหล่าแม่ทัพได้ออกจากกระโจมของจิ้งอ๋องไปแล้ว หยุนชางก็ยืนขึ้น " เหตุใดเมื่อสักครู่ข้าจึงเห็นว่ามีเก้าอี้ตัวหนึ่งว่างอยู่?"
จิ้งอ๋องเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยุนชางและกล่าวว่า "อ๋อ วันนี้จางอิงลาพักตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าถามทหารคนสนิทของเขาแล้ว เขาบอกว่าเขาท้องเสียมาทั้งคืน"
"อ๋อ" หยุนชางพยักหน้า และหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วเดินไปที่เก้าอี้และเปิดอ่าน
กระโจมเงียบลงทันที เหลือเพียงเสียงพลิกหน้าหนังสือ และควันที่ลอยขึ้นจากกระถางธูป
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงที่นุ่มนวลของหยุนชางก็ดังขึ้น " ชางเจียชิงซูจะเชื่อแผนยุทธศาสตร์ที่หัวจิ้งขโมยไปจริงหรือ?"
จิ้งอ๋องยิ้มเล็กน้อย "ทำไมไม่เชื่อล่ะ แผนยุทธศาสตร์นั้นก็ไม่ใช่ของปลอมทั้งหมด หลังจากที่เขาได้ไปแล้ว เขาจะต้องลองดูก่อนอย่างแน่นอน หากเขาอยากลอง เขาจะเลือกสถานที่ที่ใกล้กับที่ตั้งกองทหารของเขามากที่สุด มันมีคนจริงๆ แต่แค่มีไม่มากนัก เราปล่อยให้เขาได้ริมรสหวานสักหน่อย เขาก็จะเชื่อโดยธรรมชาติ"
หยุนชางไม่ได้มองในแง่ดีเหมือนจิ้งอ๋อง เพราะรู้ดีว่าในชาติก่อน จิ้งอ๋องเคยประสบความล้มเหลวเพราะฝีมือขององค์ชายสามแห่งแคว้นแย้หลาง
หยุนชางกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าดัง "ซื๊ด" นางเงยหน้าขึ้น และเห็นจิ้งอ๋องคงพยายามหยิบกาต้มน้ำบนโต๊ะ แต่ไม่ทันระวังเขากระทบบาดแผลที่แขนของตน เมื่อเช้านี้เผื่อความสมจริงในการแสดง ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้จิ้งอ๋องก็ใส่แค่เสื้อคลุมสีขาว หยุนชางเห็นว่าแผลดูเหมือนจะฉีกขาด มีเลือดไหลซิบออกมา และเลือดก็เปื้อนเสื้อผ้าของเขาด้วย
หยุนชางขมวดคิ้วและพูดอย่างรวดเร็วว่า "แผลของเจ้าฉีกขาด" จากนั้นก็เดินไปหา ยกแขนเสื้อที่กว้างๆ ขึ้น และเปิดผ้าพันแผลออก และพบว่าแผลที่ลึกจนเห็นกระดูกนั้นเปิดออก หยุนชางขมวดคิ้ว เดินไปหลังฉากกั้นแล้วหยิบขวดหยกขาวเล็กๆ ออกมา แล้วเทผงนั้นลงบนแผล แล้วหาผ้าที่สะอาดมาพันแผลไว้
หยุนชางไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของจิ้งอ๋อง นางเอาแต่บ่นพึมพำ " สองสามวันนี้ข้าเห็นเจ้าดุเหมือนคนปกติทั่วไป ก้เลยคิดว่าแผลนั้นคงไม่สาหัสมาก แต่ไม่คาดคิดว่าแผลจะลึกเช่นนี้ ต่อไปอย่าได้หยิบของหนักเช่นนี้อีกเลย"
"ข้าอ่อนแอเช่นนั้นที่ไหน แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง ร่างกายของข้าได้รับบาดแผลเช่นนี้มาไม่รู้เท่าไหร่ แค่แผลที่เป็นแผลเป็นก็นับไม่ถ้วนแล้ว ไม่เป็นไรหรอก" จิ้งอ๋องยิ้มมุมปาก "ข้าอยู่ที่ชายแดน ทำอะไรมิได้ นี่ถือว่าโชคดีอย่างมากที่ได้ทำแผล และสองสามวันนี้ไม่มีสงครามอีกด้วย ก็เลยได้โอกาสพักผ่อน เมื่อสามปีก่อนข้าสู้รบกับแคว้นเซี่ยทางตอนเหนือ ข้าถูกยิงด้วยลูกธนูและทหารศัตรูก็ไล่ตามอยู่ข้างหลังมาตลอดทาง ไล่ตามข้าจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดลง ตอนนั้นหิมะกำลังตกอยู่ ข้าจึงวิ่งเข้าไปในภูเขาลึกแห่งหนึ่ง และสลบไปในหิมะ ต่อมาข้ารอดจากความตายนี้ได้ หลังจากฟื้นขึ้นมาข้าก็ตามหาทหารที่เข้ามาช่วยเหลือ ตอนนั้นข้าไม่ได้รักษาแผลจนแผลเป็นหนอง ทำให้ข้าต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงไปหลายวัน ข้าเกือบเสียแขนข้างหนึ่งของข้าไป"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกหนักใจ นางรู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ฝืนยิ้มและกล่าวว่า "หากรอดมาได้ ต่อไปนี้ก็คงมีชัยมีโชคนะเจ้าคะ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูแลสุขภาพของตนให้ดี การมีชีวิตอยู่ย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเจ้าค่ะ หากไม่ถนอมร่างกายตัวเอง จะทำให้คนที่ห่วงใยเจ้ารู้สึกเสียใจ รอยแผลมากมายเป็นเช่นนี้ไม่งามนะเจ้าคะ ต่อไปหากเสด็จลุงมีพระชายา แล้วพระชายาทรงรังเกียจจะทำอย่างไรเจ้าคะ?"
เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมองที่หยุนชาง "หื้ม? รังเกียจรึ? มิเป็นไร หมอเทวดาเสวี่ยเหยียน มียารักษาแผลเป็นอยู่มากมาย เพียงแค่ว่า…" จิ้งอ๋องยิ้มอย่างขมขื่น "หากไม่ได้อภิเษกสมรสกับคนที่เรารัก ตำแหน่งพระชายานั้นก็ปล่อยให้ว่างอยู่เช่นเคยเสียดีกว่า เช่นนั้นก็จะไม่มีใครรังเกียจแล้ว"
มือของหยุนชางชะงัก แล้วจึงผูกผ้าไว้เรียบร้อย นางไม่ได้ตอบกลับ พูดเพียงแค่ว่า "แผลนี้ห้ามโดนน้ำเจ้าค่ะ ยานี้ของข้าดีกว่าของหมอทหารมาก เสด็จลุงเก็บไว้เถิดเจ้าค่ะ บอกกับหมอทหารว่าให้ใช้ยาตัวนี้" พูดจบนางก็ส่งขวดหยกขาวในมือให้เขาไป
จิ้งอ๋องไม่ได้รับมา เขาพูดแค่ว่า "แม้ว่ายาของหมอทหารจะได้ผลช้า แต่ก็มีผลนะ ช้านี้เจ้าเก็บไว้กับตัวเถิด หากมีแผลอะไรขึ้นมาเจ้าก็นำไปใช้แก้ขัดได้"
หยุนชางตกตะลึง ก้มหน้ามองขวดหยกสีขาวในมือ และตอบกลับด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "เจ้าค่ะ"
ขณะที่หยุนชางกำลังเก้อเขิน ม่านประตูก็เปิดออกทันทีทันใด รองแม่ทัพเดินออกเข้ามา รองแม่ทัพเห็นแขนเสื้อของจิ้งอ๋องถกขึ้น และมีผ้ามัดที่แขน แล้วมองดูขวดยาในมือของหยุนชาง เขาก็รู้ทันทีว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรในกระโจม เขาหน้าแดงเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้ จึงก้มหน้าแล้วรีบกล่าวว่า "ท่านอ๋องขอรับเกิดเรื่องแล้ว องค์หญิงหัวจิ้งหายตัวไปขอรับ"