ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 109 ท่านจ้าวฮูเหรินเข้ามาในค่าย
ฟ้าค่อยๆ มืดลง มีเสียงฝีเท้าของทหารทหารตระเวนดังขึ้นเป็นครั้งคราว หัวจิ้งเดินไปมาอยู่ในกระโจม นางดูร้อนรนเล็กน้อย
เสียง "ตูม"ดังขึ้น หัวจิ้งตกใจจนสะดุ้ง นางหันหน้ามองไปทางที่เสียงดังขึ้น และเห็นกรวดหินก้อนเล็กๆ ตกลงมาบนโต๊ะในกระโจมแล้วร่วงลงพื้น หัวจิ้งมองไปรอบ ๆ อยู่นาน จากนั้นจึงหยิบหินขึ้นมาและหักมันออก ด้านในนั้นมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ หัวจิ้งหยิบออกก็พบว่ามีข้อความอยู่สองบรรทัดเขียนว่า: "เวลาเริ่มน้อยลงแล้ว ลงมือให้เร็ว"
หัวจิ้งกัดฟัน และเอาผ้านั้นเก็บไว้ในถุงหอมที่ห้อยอยู่ตรงเอวของตน นางขมวดคิ้ว ทำอย่างไรดี ตนยังคิดหาวิธีที่จะเอาตัวรอดไม่ได้เลย ชางเจียชิงซูก็มาเร่งตนแล้ว แต่ว่าการที่มาทำงานให้ชางเจียชิงซูที่ค่ายแคว้นหนิงนั้นเป็นเพียงแผนชั่วคราวของตนเท่านั้นเอง หลังจากวันนั้นที่นางยุยงชางเจียชิงซูเขียนจดหมายฉบับนั้นให้เสด็จพ่อ นางก็รู้ว่าอยู่ในกองทัพแย้หลางต่อไม่ได้แล้ว หากอยู่ไปนานๆ แล้วถูกค้นพบว่าตนมิใช่หยุนชาง ด้วยนิสัยของจางเจียชิงซูแล้ว เขาไม่ปล่อยตนไปอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงคิดหาวิธีกล่อมชางเจียชิงซู อนุญาตให้นางมาที่ค่ายแคว้นหนิง นางกล่าวว่าตนสามารถใช้สถานะองค์หญิงของตนทำบางอย่างให้กับเขาได้ เช่นขโมยแผนยุทธศาสตร์ หรือว่าวางยาจิ้งอ๋อง
แม้ว่านางจะตกลงกับชางเจียชิงซูไว้เช่นนี้ แต่ถึงยังไงนางก็เป็นองค์หญิงของแคว้นหนิง นางไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน นางเพียงต้องการที่จะหนีจากการควบคุมขอางเจียชิงซูเท่านั้นเอง แต่ทว่าเมื่อตนมาถึงที่นี่ จึงตระหนักได้ว่า ตนคิดอย่างง่ายเกินไป ชางเจียชิงซูไม่เพียงแต่วางทหารเฝ้าที่นอกค่าย แม้แต่นค่ายเขาก็มีเส้นสายอยู่มาก ทุกการกระทำของตนนั้นแทบจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด
"องค์หญิงขอรับ…" จู่ๆ ก็มีเสียงมาจากข้างนอก หัวจิ้งตกใจอย่างมากนางหันไปมองอย่างกะทันหัน "ใคร?"
เสียงเงียบลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "องค์หญิง ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามของกระโจมจิ้งอ๋องขอรับ ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญองค์หญิงไปพบขอรับ"
จิ้งอ๋อง? หัวจิ้งหรี่ตาด้วยความกังวลเล็กน้อย ตั้งแต่ที่ตนมาที่ค่ายนี้ ตนรู้สึกได้ถึงความระแวงที่จิ้งอ๋องมีต่อตน ทุกครั้งที่ตนก้าวเข้าไปในกระโจมของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆ ต่อตนเลย
แล้วเหตุใดจู่ๆ วันนี้ก็สั่งให้คนมาเชิญตัวไป? มีหัวจิ้งตามทหารเดินไปที่หน้ากระโจมของจิ้งอ๋อง และนางก็ได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องดังมาจากด้านในเบาๆ
"ท่านอ๋องขอรับ องค์หญิงมาถึงแล้ว" ทหารยืนอยู่หน้าประตูและเรียนเสียงดัง นับตั้งแต่เข้ามาในค่ายแคว้นหนิง หัวจิ้งก็ไม่อนุญาตให้ทหารเรียกชื่อของตน ให้เรียกเพียงองค์หญิงเท่านั้น นางกลัวความจริงจะไปถึงหูชางเจียชิงซู
"เข้ามาได้" เสียงที่ทุ่มต่ำและมีความแห้งหยาบดังมาจากด้านใน ทหารก็เปิดประตูให้หัวจิ้ง ทันทีที่หัวจิ้งก้าวเข้าไปในกระโจม สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ในกระโจมนั้นนอกจากจิ้งอ๋องและคุณชายเซียวที่สวมหน้ากากไว้แล้ว ยังมีคนอีกหนึ่งคนคือแม่ของจ้าวอิงเจี๋ย
สีหน้าของท่านจ้าวฮูเหรินไม่ค่อยดีนัก นางหันมามองที่หัวจิ้งด้วยสายตาประชดประชันเล็กน้อย "องค์หญิงหัวจิ้งนี่เองหรือ"
หัวจิ้งฟันไว้ แล้วบีบรอยยิ้มออกมาเดินเข้าไป " เสด็จลุงรับแม่ยายมาแล้วหรือเนี่ย"
"แม่ยาย?" ท่านจ้าวฮูเหรินยิ้มเล็กน้อย "ข้ารับไม่ไหวหรอก เมื่อตอนอยู่ในพระราชวัง ข้าก็ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ขอให้ท่านคำสั่งให้องค์หญิงหย่ากับราชบุตรเขยไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ชายของข้าไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ องค์หญิงหย่ากับลูกชายของข้าองค์หญิงเองก็สบายใจ"
หัวจิ้งกำมือแน่นไว้ในแขนเสื้อ แต่นางนึกคำเตือนที่เสด็จแม่บอกกับตนก่อนที่ตนจะออกจากวังขึ้นมา หากนางยอมรับคำร้องขอนี้ของหญิงชราผู้นี้ในเวลาแบบนี้ วันหน้าผู้คนก็คงตราหน้านางว่านางไร้มนุษยธรรม เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวจิ้งก็ก้มหน้าลง ทำท่าทีที่น่าสงสารออกมา พูดพร้อมเสียงที่น่าสงสารเล็กน้อยว่า " ตอนนี้พระสวามีของข้าอยู่หนใดก็มิทราบ จิ้งเอ๋อร์เข้าใจอย่างมากหาแม่ยายจะรู้สึกเสียใจ แต่เวลานี้ขอแม่ยายอย่าได้พูดเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ พระสวามีหายตัวไป และข้าเป็นภรรยาของท่าน จึงสมควรที่จะอยู่เคียงข้างแม่ยายเจ้าค่ะ "
หยุนชางซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นและพูดกับตัวเองในใจว่า "ไม่คาดคิดนะ ตอนนี้หัวจิ้งโตขึ้นเยอะแล้ว"
หยุนชางเหลือบมองทั้งสองคน จากนั้นยิ้มและพูดว่า "ใช่แล้ว ท่านจ้าวฮูเหริน ตอนนี้ไม่ทราบข่าวสารของราชบุตรเขยเลย หากทั้งสองเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ก็คงไม่มีเหตุผลมากเกินไป องค์หญิงเองก็เป็นห่วงราชบุตรเขยเป็นอย่างมาก หลังจากที่อ่านฮูเหรินออกจากพระราชวังมา วันที่สององค์หญิงก็ออกตามหาพระสวามีที่ชายแดนทันที ประชาชนในเมืองหลวงนั้นต่างก็ยกย่ององค์หญิงว่าเป็นเจ้าหญิงที่จิตใจดีและชอบธรรม และได้ถึงเห็นความจริงใจในยามทุกข์ยาก ตอนนี้องค์หญิงหัวจิ้งเพิ่งมาถึงที่ชายแดน องค์หญิงเดินทางลำบากเช่นนี้ หากว่าท่านจ้าวฮูเหรินยังโทษนางอยู่ ก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมั้งขอรับ?"
หยุนชางยิ้มมุมปาก แม้ว่านางจะช่วยหัวจิ้ง แต่คนอย่างท่านจ้าวฮูเหรินคงฟังออกว่าหยุนชางต้องการจะหมายถึงอะไร นางเข้าใจในทันที หัวจิ้งใช้เหตุผลตามหาพระสวามีออกจากเมืองหลวงอย่างเร่งรีบเช่นนี้ เพียงเพราะนางต้องการได้รับชื่อเสียงที่ดี เพื่อให้ประชาชนยกย่องนาง แต่หัวจิ้งเดินทางล่าช้าเช่นนี้ คงเป็นเพราะนางจงใจล่าช้า
สีหน้าของท่านจ้าวฮูเหรินแย่ลงทันที นางยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า " ฮองเฮาเหนียงเหนียงสมกับเป็นพระมารดาของแคว้นเสียจริง ลูกสาวที่นางสอนมาก็เอาใจคนเก่งเช่นเดียวกัน"
ฮองเฮา? เมื่อพูดถึงฮองเฮา หยุนชางก็อดยิ้มไม่ได้พร้อมกล่าวว่า "เมื่อพูดถึงฮองเฮาเหนียงเหนียง หลายวันก่อนฮองเฮาเหนียงเหนียงเกิดอุบัติเหตุในพิธีบวงสรวงสวรรค์แห่งเทศกาลตั้งโจ่ย ได้ยินมาว่านางแท้งลูกไปเพราะนางถูกสนมซูชน สนมซูเองก็ถูกสั่งเข้าตำหนักเย็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน" หยุนชางถอนหายใจ "เห้อ ช่วงนี้ช่างมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่หัวจิ้งเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่จิ้งอ๋องเองก็ตกใจเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงของหัวจิ้งดังขึ้นมาว่า" เป็นไปไม่ได้ เสด็จแม่จะแท้งได้อย่างไร?"
หยุนชางแสร้งทำเป็นรู้สึกสงสาร "กระหม่อมก็มิทรายเช่นกันขอรับ ได้ยินเพียงแค่ว่าเกิดอุบัติเหตุในพิธีบวงสรวงสวรรค์"
แท้ง? สีหน้าของหัวจิ้งซีดลงทันทีทันใด เป็นไปได้อย่างไร ตนยังหวังอยู่ว่าหากครั้งนี้เสด็จแม่ทรงให้กำเนิดบุตรชาย หากเสด็จพ่อได้แต่งตั้งให้เขาเป็นองค์รัชทายาท ตนก็คงไม่ต้องกังวลชีวิตในอนาคตแล้ว แต่ว่าแท้งได้อย่างไร ไม่ได้การแล้ว ตนต้องรีบกลับไปประเดี๋ยวนี้
หยุนชางเห็นสีหน้าของหัวจิ้ง นางก็ยิ้มและคิดอยู่ในใจว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ต่อไปยังต้องใช้ชีวิตอีกยาวไกลนะ แต่นางไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
"องค์หญิงหัวจิ้งดูไม่ค่อยสบายนะ เจ้ากลับไปพักที่กระโจมก่อนเถิด ในค่ายนี้นอกจากองค์หญิงก็ไม่มีหญิงสาวอื่นๆ แล้ว พอดีที่ท่านจ้าวฮูเหรินอยากอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิง ฉะนั้นก็อาศัยในกระโจมเดียวกันเถิด ทหาร พาท่านจ้าวฮูเหรินและองค์หญิงกลับไปที่กระโจม" จิ้งอ๋องกล่าวอย่างเสียงดัง
ผู้ติดตามเข้ามาแล้วพาท่านจ้าวฮูเหรินและหัวจิ้งออกไป เมื่อภายในกระโจมนั้นเหลือเพียงแค่จิ้งอ๋องและหยุนชาง จิ้งอ๋องจึงค่อยเอ่ยปากว่า"สนมซูถูกคุมขังในตำหนักเย็นหรือ? องค์หญิงอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น?"
หยุนชางตะลึง แล้วนึกขึ้นได้ว่า สนมซูเป็นคนของจิ้งอ๋อง แต่เขาเพิ่งฟังตนเล่ามาเช่นนี้ ก็คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตนแล้วหรือ? หยุนชางยื่นมือไปหยิบแก้วชาที่อยู่ข้างๆ ขึ้น ครุ่นคิดอยู่ว่าจะตอบอย่างไร และนางก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของจิ้งอ๋อง "สนมซูอยู่ในวังมาหลายปี ข้าพอรู้การกระทำของนางอยู่บ้าง คิดๆ แล้วเจ้าคงโกรธที่วันนั้นนางลงมือกับฮองเฮาแล้วจัดการกับจิ่นเฟยไปด้วย"
คำพูดนี้สะกิดใจหยุนชาง ผ่านไปนานนางจึงกล่าวว่า "เหตุใดเจ้าจึงแน่ใจว่าข้าเป็นคนทำ?"
จิ้งอ๋องเดินไปยืนอยู่หน้าหยุนชาง แล้วมองลงมาที่ศีรษะของหยุนชาง "แม้ว่าสนมซูมุ่งเป้าไปที่เด็กในครรภ์ของราชินี แต่นางจะทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร? อีกอย่างราชินีไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แล้วจะแท้งได้อย่างไร?"
หยุนชางตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองจิ้งอ๋อง " เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ? ราชินีไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตลอดชีวิตงั้นหรือ?"
จู่ๆ หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่า คืนนั้นนางได้ยินสนมซูบอกว่าฮองเฮาตั้งครรภ์ แต่จิ้งอ๋องก็มิได้ออกคำสั่งอะไร และวันนั้นที่ตนไปหาเขาที่จวนจิ้งอ๋อง เขาก็บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเด็กในครรภ์ของราชินี ที่แท้แล้วเขารู้มานานแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่ราชินีจะตั้งครรภ์?
"เจ้า….. เจ้าเป็นคนทำหรือ?" หยุนชางถาม