ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~ - ตอนที่ 38 บท2ตอนที่9 อารอน: ปรมาจารย์ผู้ไร้ความสามารถ
- Home
- ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~
- ตอนที่ 38 บท2ตอนที่9 อารอน: ปรมาจารย์ผู้ไร้ความสามารถ
สถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากเริ่มการประลองรอบคัดเลือกของกลุ่มD
“มีแต่เด็กน้อยทั้งนั้นเลยน้อ”
ในราชอาจักรอเมเลีย มีสำนักดาบที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งของสำนักดาบไฮเมมันอยู่ นามนั้นคือสำนักดาบไคเอน อารอนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสำนักนั้น ตอนนี้กำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่และดูพวกเด็กรุ่นเยาว์ในสำนักของตนตะโกนแหกปากอย่างน่าขันพร้อมกับพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้
แต่ก็ยังดีกว่า เด็กที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเด็กจากสำนักไฮเนมันทั้งสามคน นั่นนะเรียกว่าวิชาดาบไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะรอบครอบหรือขี้ขลาดกันแน่ ถึงจะยังไม่ได้จับดาบอย่างจริงจังแต่เด็กสามคนเข้าล้อมเด็กหนุ่มตัวเล็กๆคนเดียว การประลองรอบแรกเป็นการทดสอบเพื่อดูเทคนิคของผู้เข้าแข่งขันก็จริง แต่การรวมทีมแบบนั้นก็ไม่ได้ถูกห้ามเช่นกัน เพียงแต่
รูปร่างต่างกันเกินไปแถมนั่นยังเป็นผู้ไร้ความสามารถของสำนักดาบไฮเนมัน ไค ไฮเนมัน ไม่ใช่รึ เจ้าเอล์มพามาให้เห็นหน้าอยู่หลายครั้งเหมือนกัน เพื่อชนะรอบแรกถึงกับต้องรุมคนที่มาจากสำนักเดียวกันเลยงั้นรึ แถมยังเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าอ่อนแอ่ที่สุดอีก มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องของความสามารถอีกต่อไปแล้ว
ในด้านของความขี้ขลาด ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในสภาพที่ว่า ใครจะได้เป็นคนลงมือก่อนด้วยซ้ำ แบบนั้นสิ่งที่เรียกว่า สามรุมหนึ่งมันจะไปมีความหมายอะไร
“ดูเหมือนว่าเจ้าเอล์ม ก็มีปัญหาเรื่องหาผู้สิบทอดเช่นกันงั้นรึ”
ถ้าเป็นแบบนั้น ข่าวลือที่ว่าเจ้าหนูนักรบที่เอาแต่พึ่งพากิฟท์ราชาหอกของตัวเอง จะได้รับช่วงต่อก็มีความเป็นไปได้สูง แต่อย่างน้อยก็ยังก้าวข้ามอาร์โนลด์ผู้เป็นศิษย์สายตรงของข้าไม่ได้ล่ะน้อ
ระหว่างที่อารอนรู้สึกแบบนั้น เรื่องนั้นก็เกิดขึ้น ไค ไฮเนมัน ค่อยๆย่ำเท้าเข้าหาและกระโจนเข้าใส่ช่วงอกของทั้งสามคนพร้อมกับประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน และฉกเอาปลอกแขนของทั้งสามคนที่ตกใจตัวแข็งทื่อ กระเด็นออกนอกสนามประลองไป
“มะ-เมื่อกี้เห็นรึเปล่า!!?”
อารอน เบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ พร้อมกับศิษย์สายตรงที่อยู่ข้างๆเปล่งเสียงที่ราวกับกรีดร้องออกมา
“อะ-อะไรกัน การเคลื่อนไหวนั่น?”
อารอน บีบถ้อยคำแห่งความสงสัยออกมาด้วยคอที่แห้งผาก สิ่งที่แม้แต่ลูกศิษย์ยังเข้าใจชี้ให้เห็น การเคลื่อนไหวที่ไม่สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อยราวกับได้รับการขัดเกลามาแล้วเมื่อกี้ สิ่งนั้นคือการเคลื่อนไหวที่ต้องก้าวเท้าเข้าสู้ดินแดนแห่งปรมาจารย์แล้ว อย่างพวกอารอนเท่านั้น ถึงจะได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้ แถมยังอยู่ในระดับสุดยอด
“บังเอิญรึเปล่าครับ?”
“อย่ามาพูดบ้าๆ!”
ศิลปะการต่อสู่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ความบังเอิญ ถ้าอยู่ในจุดที่ทำแบบนั้นได้ ก็เท่ากับ ไค ไฮเนมัน ได้ก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแห่งปรมจารณ์เช่นเดียวกับพวกอารอน ไปแล้ว
“แต่ว่า จำไม่เห็นได้ว่ามีเด็กที่เคลื่อนไหวดีขนาดนั้นอยู่ด้วยนะขอรับ?”
เพื่อตอบคำถามของครูผู้ช่วย
“นั่นน่ะ ไค ไฮเนมัน หลานของเจ้าเอล์มมัน”
อารอน พ่นคำนั้นออกมา
“ระ-รอเดี๋ยวนะขอรับ! กิฟท์ของไค ไฮเนมัน ไม่ใช่ว่าคือ ไร้ความสามารถ หรอกเหรอขอรับ!?”
“สำหรับเจ้าเห็นสิ่งนั่นเป็นไร้ความสามารถงั้นรึ?”
ถ้าเห็นเป็นอย่างนั้นล่ะก็ แสดงว่าไร้ความสามารถเกินไปแล้ว จะรีบแนะนำให้เดินในเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทันทีเลยล่ะน้อ
“ไม่ขอรับ เพียงแต่ ถ้านั่นคือ ไค ไฮเนมัน ตัวจริงล่ะก็ หมายความว่ายังไงขอรับ?”
“เป็นไปได้ว่า เจ้าเอล์มกำลังเผยแพร่ข้อมูลเท็จอยู่ละน้อ”
ไม่ว่ายังไง ก็ไม่สามารถระงับความโกรธนี้ได้ อะไรคือหลานผู้ไร้ความสามารถของนักบุญดาบ!ผู้ที่มาถึงระดับปรมาจารย์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มันจะไร้ความสามารถได้ยังไง!ต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านดาบติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่ผิดแน่ แน่นอนว่าเรื่องที่ได้รับการสั่งสอนจากนักบุญดาบมาตั้งแต่เด็กก็มีส่วนด้วยเช่นกัน หากไม่เป็นเช่นนั้นละก็ การเคลื่อนไหวนั่นมันก็ไม่สมเหตุสมผล ส่วนเหตุผลที่ทำเช่นนั้น บางที น่าจะเป็นเพราะต้องการกำจัดหน่วยสอดแนมจากองค์กรณ์อื่น เพียงแต่ เอล์ม เพราะเรื่องนั้นต้องทำให้หลานของตัวเจ้าเองโดนคนอื่นดูถูกมากขนาดไหนรู้รึเปล่า?
ไม่สิ ถ้าไม่รู้ก็ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ไม่ได้ แล้วอีกอย่างนั่นน่ะ—
“เอล์มเอ้ย นี่เจ้าแยกแยะความแต่งต่างระหว่างสิ่งที่ได้กับไม่ดี ไม่ออกงั้นรึ?”
นั่นน่ะ เทียบเท่ากับใช้ หลานผู้ที่มีพรสวรรค์ติดตัวตั้งแต่เกิด บดขยี้ความอยู่รอดของสำนักตัวเองเลยไม่ใช่รึ สำหรับผู้ที่เป็นปรมจารณ์ดาบแล้วชั่งเป็นการกระทำที่มิอาจให้อภัยได้
“แต่ว่า ได้ยินข่าวลือมาว่า ไค ไฮเนมัน ออกจากตระกูลไฮเนมัน แล้วรึเปล่านะ”
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้าเอล์ม มันปล่อยให้คนระดับนั้นหลุดมืองั้นรึ?”
“หือ ต้องขออภัยขอรับ คนที่ป่าวประกาศเรื่องนี้ในลูซาฮัลก็คือครูผู้ช่วยของสำนักไฮเนมันเองขอรับ ดูจากสภาพการณ์แล้วดูเหมือนจะไม่ได้โกหก เพราะงั้นเกรงว่าคงเป็นเรื่องจริงขอรับ”
ปล่อยผู้ที่มีความสามารถขนาดนั้นหลุดมือ?เพราะเป็นหลานเลยไม่ได้สังเกตงั้นรึ?ไม่สิ ถ้าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สู้จริงมากพอในระดับหนึ่งละก็ ไม่มีทางที่จะไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินั่น แล้วเจตนาของเจ้าเอล์มที่ปล่อยทรัพยากรมนุษย์ที่แสนล้ำค่าขนาดนั้นหลุดมือไปล่ะ? ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจเลยสักนิด!
“เกรงว่า เรื่องที่กิฟท์ของเขาคือ ไร้ความสามารถ อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงรึเปล่าขอรับ ถึงจะไม่เคยมีให้เห็น แต่เกรงว่าเขาอาจจะมีกิฟท์อีกหนึ่งอย่างที่ปกปิดไว้รึเปล่า นั่นไงขอรับ สำนักดาบไฮเนมันที่รามูร์น่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะใช้ความแข็งแกร่งของกิฟท์ตัดสินไปซะหมดเลยไม่ใช่เหรอขอรับ”
จริงอยู่ว่าคำประกาศของครูผู้ช่วยคนหนึ่งมีพลังในการโน้มน่าวใจมากที่สุดแต่
ไม่ใช่ว่ากิฟท์ที่พระเจ้ามอบให้มีได้เพียงแค่อย่างเดียวหรอกรึ ได้ยินมาว่าเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าไม่มีผู้ถือครองกิฟท์ถึงสองอย่างในโลกใบนี้ อย่างน้อย กรณีเป็นผู้ถือครองกิฟท์สองอย่าง ก็ยังมีความน่าเชื่อถือได้มากกว่า เรื่องไร้สาระอย่างผู้ที่แสดงพฤติกรรมราวกับปรมาจารย์นั่นเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ อย่างแน่นอน
“ถ้าเช่นนั้น นั่นคงเป็นเรื่องที่โง่เง่าจริงๆล่ะน้อ”
“ขอรับ กระผมก็คิดเช่นนั้น”
ไม่ว่าจะเหตุผลไหน หลังจบการประลองแล้วต้องไปพบตัว ไค ไฮเนมัน ให้เร็วที่สุด ถ้าเกิดว่าสำนักของพวกเราได้ตัวมาล่ะก็ ตำแหน่งราชองค์รักษ์ของราชาคนต่อไปก็แทบจะได้รับการยืนยันแล้ว หากเป็นเช่นนั้นสำนักไคเอนก็จะกลายเป็นสำนักดาบชั้นแนวหน้าของราชอาณาจักรอเมเลียในอีกสองชั่วอายุคนต่อไป แน่นอน
“ให้ตายสิน้อ ในเวลาตัวข้ากลับไม่สามารถดูการแข่งได้อย่างสบายใจ”
น่าเสียดาย ที่เวลานี้ มีประชุมณ เมืองข้างเคียงที่มิอาจพลาดได้ ไม่ว่าจะทางไหน การประลองในครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนของสำนักดาบไคเอนอย่างแน่นอน
ถ้าทำธุระเสร็จแล้วรีบกลับมาทันที ก็อาจจะทันชมการประลองรอบสุดท้ายในที่นั่งสุดพิเศษ แค่อดทนรอจนถึงตอนนั้นก็พอ
“ไปได้แล้ว!”
อารอน กลั้นความรู้สึกตื่นเต้นด้วยพลังทั้งหมด จากนั้นก็กระตุ้นให้เหล่าครูผู้ช่วยให้รีบเดินตามตามตัวเองและออกจากสถานที่จัดการประลองไป