ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5825 เป็นอมตะหรือไม่?(2)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5825
อีกทั้ง เสาหินพวกนี้มีจำนวนมากมาย อีกทั้งถูกจัดวางเอาไว้อย่างไม่เป็นระเบียบราวกับป่าหิน
เมื่อเห็นเสาหินที่ดูเหมือนว่าจะจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบพวกนี้ อู๋เฟยเยี่ยนกลับไม่ได้มีความประหลาดใจเลยสักนิด ในทางกลับกันยังลูบคลำเสาหินเหล่านี้ด้วยความหดหู่เล็กน้อย กล่าวพึมพำ: “อาจารย์ ศิษย์พี่ เฟยเยี่ยนกลับมาแล้ว”
พูดจบ เธอก็สาวเท้าเข้าไปในป่าหิน ในป่าหิน เดินทะลุเข้าไปอย่างต่อเนื่องตามกฎที่ตั้งขึ้นเป็นพิเศษ
ในป่าหินผืนนี้ เป็นค่ายเก้าวังแปดทิศที่เมิ่งฉางเชิงอาจารย์ของเธอวางเอาไว้ก่อนเสียชีวิต
ความลึกลับและมหัศจรรย์ของค่ายกลนี้ก็คือ ถ้าหากไม่รู้วิธีการแก้ค่ายกล ไม่ว่าจะเดินเข้ามากลางป่าหินนี้จากตำแหน่งใด ก็ไม่มีทางตามหาทางออกที่แท้จริงเจอได้
มีเพียงวิธีเดียวที่คนนอกจะแก้ค่ายกลนี้ได้ ก็คือการทำลายเสาหินทั้งหมด ไม่ให้เหลือแม้แต่ต้นเดียว
แต่ว่า ค่ายกลนี้เดิมทีก็คือเมิ่งฉางเชิงใช้สำหรับปกป้องถ้ำที่อยู่อาศัย ตามกฎของเขา เพียงแค่มีคนบุกรุกเข้ามา เขาก็จะทราบทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายทำลายป่าหินทั้งหมด
ถ้าหากพละกำลังของอีกฝ่ายสู้เขาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะแอบลงมือสังหารอีกอีกฝ่าย
ถ้าหากเจอคนที่พละกำลังแข็งแกร่งกว่าเขา เมิ่งฉางเชิงก็ไม่กลัว เนื่องจากป่าหินประกอบไปด้วยเสาหินเหล่านี้ ขนาดใหญ่มหึมา จำนวนมากมาย อีกทั้งเสาหินแต่ละต้นทั้งหนาและหนัก อีกฝ่ายคิดจะทำลายทั้งหมดก็จำเป็นต้องใช้เวลาและพลังงานมากมาย เขาจึงมีเวลามากพอที่จะหลบหนี ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เมื่อตอนที่อีกฝ่ายทำลายป่าหินเกือบหมด เขาก็ได้หลบหนีไปไกลแล้ว
ตอนนั้น เมิ่งฉางเชิงก็อาศัยค่ายกลนี้ ซ่อนถ้ำที่ตนฝึกฝนเอาไว้ หลายร้อยปีมานี้ ไม่เคยมีคนสามารถบุกรุกเข้ามาได้
มีเพียงสองคนที่เคยเข้ามา ก็คืออู๋เฟยเยี่ยนกับหลินจู๋ว์หลูศิษย์พี่ของเธอ
อู๋เฟยเยี่ยนที่กลับมายังที่นี่อีกครั้ง เลือกเส้นทางหนึ่งอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็ผ่านทะลุเข้าไปในป่าหินอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินผ่านทะลุหลายครั้ง ทันใดนั้นอู๋เฟยเยี่ยนก็โยกตัวค่ายแปดทิศก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ประตูหินโค้งที่แกะสลักโดยฝีมือมนุษย์
สองข้างของประตูหิน แบ่งออกเป็นกลอนคู่ที่แกะสลักด้วยลายมือหวัด คำขวัญคู่ท่อนแรกคือเก็บตัวถือศีลแปดร้อยปี ครึ่งท่อนหลังของคำขวัญคู่คือทำงานเหน็ดเหนื่อยเกือบพันปี
คำขวัญคู่ท่อนแรกและครึ่งท่อนหลังปกติทั่วไป แต่คำขวัญด้านบนกลับแตกต่างเป็นอย่างมาก กลอนคู่ของคนอื่น คำขวัญด้านบนมากสุดคือสี่ตัวอักษร แต่คำขวัญด้านบนของกลอนคู่อันนี้ กลับเป็นห้าตัวอักษร: เป็นอมตะหรือไม่?
อู๋เฟยเยี่ยนค่อนข้างคุ้นเคยกับกลอนคู่คู่นี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังตัวอักษรทั้งห้าที่อยู่ตรงกลาง ปากกล่าวพึมพำ: “อาจารย์ ความอมตะคืออะไรกันแน่? ห้าร้อยปีหรือว่าหนึ่งพันปี? ท่านมีชีวิตมีแล้วหนึ่งพันปี เปลี่ยนชื่อให้ตนเองเป็นฉางเชิงตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่นี่เป็นเวลาห้าร้อยปี แต่สุดท้ายก็ยังหนีความตายไม่พ้น? บนโลกใบนี้แท้จริงแล้วจะมีสักวิธี ที่สามารถทำให้ผู้คนเป็นอมตะได้หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อู๋เฟยเยี่ยนแค่นหัวเราะ ส่ายหน้ากล่าว: “เป็นเฟยเยี่ยนที่คิดมากไปแล้ว ท่านจะรู้คำตอบได้อย่างไร ถ้าหากท่านรู้ ถ้าอย่างนั้นเมื่อสามร้อยปีก่อนท่านก็คงไม่ตาย”
จากนั้น เธอก็ไม่ได้มองกลอนคู่คู่นี้อีกแม้แต่มแวบเดียว ยกมือขึ้นผลักประตูหินโค้ง
ประตูใหญ่เปิดออก ในประตูมีห้องหินแห่งหนึ่งขนาดประมาณสี่สิบตารางเมตร อู๋เฟยเยี่ยนค่อนข้างคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ ตอนนั้นเธอกับหลินจู๋ว์หลูศิษย์พี่ ฝึกฝนอยู่ที่นี่ทั้งวัน
เวลานี้ ด้านในห้องหินยังมีเบาะฟางที่ทั้งสองเคยนั่งในตอนนั้น บนพื้นถึงขนาดยังมีคราบเลือดสีดำที่แข็งตัวตั้งนานแล้ว นี่คือสิ่งที่เธอทิ้งเอาไว้ตอนที่แทงหลินจู๋ว์หลูด้วยดาบจนบาดเจ็บ
อู๋เฟยเยี่ยนมีความใจลอยเล็กน้อย แล้วก็มีความประหลาดใจเล็กน้อย เธอยื่นมือออกไปลูบเลือดที่แข็งตัวไปเมื่อสามร้อยปีก่อน กล่าวพึมพำ: “ศิษย์พี่ ที่ตอนนั้นเฟยเยี่ยนแทงตรงหัวใจของท่านดาบนั้น จนถึงวันนี้เฟยเยี่ยนยังเจ็บปวดทรมานที่หัวใจ ตอนนั้นถ้าหากพี่รับปากเฟยเยี่ยน พี่กับฉันจะถูกพรากจากกันสามร้อยปีได้ยังไง? ถ้าหากตอนนั้นพี่กับฉันร่วมมือกัน ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถขับไล่พวกสุนับชิงออกไปนอกด่านแล้วก็ได้ ใต้หล้าในโลกนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นของพี่กับฉันสองคนเหรอ? ถ้าจะโทษต้องโทษที่พี่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีวาสนาได้มีความสุข”
พูดไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำเสียงเบา: “ทุกอย่างตรงหน้า เมื่อเทียบกับเมื่อสามร้อยปีก่อน นอกจากเลือดที่แห้งแล้วของศิษย์พี่ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย พูดอีกนัยหนึ่งว่า เวลาที่ผ่านมาสามร้อยปี ไม่เคยมีใครกลับมาที่นี่อีก……”
ดังนั้น เธอจึงชะงักไปเล็กน้อย ขมวดหว่างคิ้ว: “ดังนั้น คนที่เอาภาพวาดของอาจารย์ออกมา ก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เย่ฉางอิงสามีภรรยาก็ไม่เคยมาที่นี่ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่? แล้วเย่ฉางอิงสามีภรรยาไปเจอความลับอายุยืนมาจากที่ไหน?”