ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5815 มั่นอกมั่นใจ (2)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5815
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เย่เฉินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ: “ทิ้งให้เธออยู่ที่นี่ อย่าว่าแต่ฉันเองทำใจไม่ได้เลย แล้วถ้าตกไปอยู่ในมือของคนเลวล่ะ หรือว่าถูกคนที่ไม่รู้ขุดตักไป นั่นก็เท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่า…….” หลินหว่านเอ๋อร์ทำใจไม่ได้เล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า: “แต่…..เธอเติบโตอยู่ที่นี่มานานนับหมื่นปีแล้ว…..นี่คือรากของเธอนะ……”
เย่เฉินโบกมือ: “ไม่ไม่ไม่ ครั้งที่แล้วเธอเติบโตอยู่ที่นี่มานานนับหมื่นปีก็ยังไม่สามารถพ้นบาปได้สำเร็จ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับเธอ คนเราไม่สามารถล้มถึงสองครั้งในสถานที่ที่เดียวได้ ต้นไม้เองก็เหมือนกัน จำต้องเปลี่ยนสถานที่ใหม่ให้กับเธอ และดูแลปกป้องเธอให้ดี”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามว่า: “คุณชายคิดว่าเอาเธอไปไว้ที่ไหนถึงจะเหมาะสม?”
เย่เฉินพูดว่า: “ผมคิดว่าชั้นบนสุดในสวนของโฮมสเตย์จื่อจินของคุณดีมากเลยทีเดียว เราสองคนขุดเธอกลับไป คุณนำไปปลูกไว้ด้านข้างของบ่อน้ำพุร้อนของคุณที่นั่นมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? คุณรู้เรื่องการปลูกต้นชาผูเอ่อร์ มอบหมายให้คุณดูแลรักษานี่เหมาะสมที่สุดแล้ว”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณว่า: “ต้นชาผูเอ่อร์สามารถเติบโตได้ดีในอากาศของเตียนหนานเท่านั้น ระดับความสูงจากน้ำทะเล อากาศ แสงแดด รวมทั้งอุณหภูมิและความชื้นของที่นี่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของต้นชาผูเอ่อร์ ฤดูหนาวของเมืองจินหลิงหนาวจนเกินไป ต้นชาผูเอ่อร์ทนไม่ไหวหรอกค่ะ!”
เย่เฉินตอบว่า: “ชายผูเอ่อร์ปรับสภาพเข้ากับเมืองจินหลิงไม่ได้ แต่เธอไม่ใช่ชาผูเอ่อร์ธรรมดาทั่วไป เธอเป็นถึงมารดาแห่งชาผูเอ่อร์เลยนะ อีกทั้งเธอพ้นบาปมาแล้ว ตอนนี้ยังมีปราณทิพย์ ความสามารถในการปรับตัวของเธอจะต้องสูงมากๆ อย่างแน่นอน ลานนั้นของคุณดีมากเลยทีเดียว ปกติก็ไม่ค่อยมีคนไปยุ่งวุ่นวาย ขอเพียงแค่ต้นไม้อย่าสูงมากจนเกินไปก็จะไม่มีใครสังเกตเห็น ถ้าผ่านไปหลายปีแล้วมันสูงขึ้น พวกเราก็ค่อยเปลี่ยนสถานที่ใหม่ให้เธอก็ได้”
พูดๆ อยู่ เย่เฉินก็พูดอีกว่า: “ถ้าหากเธอไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศของเมืองจินหลิงได้จริงๆ ถึงตอนนั้นก็ค่อยทำห้องเรือนกระจกให้กับเธอ โดยเทียบเคียงกับสภาพอากาศจริงของเตียนหนานแบบนี้ก็ได้ใช่ไหม?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดติดตลกว่า: “คุณชายคิดอยากจะเลี้ยงดูเธอเอาไว้ เพื่อต่อไปจะได้เด็ดใบของเธอกินทุกวันใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ปลูกต้นชาไว้ก็เพื่อรอเด็ดใบของมันไม่ใช่เหรอ? ปลูกต้นแอปเปิลก็เพื่อรอให้ออกผลแอปเปิลมาไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นจะปลูกมันทำไมกัน? ได้ยินว่าเจ้าสิ่งนี้มีความสูงเกินกว่าสิบเมตร ผมคงไม่ปลูกมันไว้เป็นพืชสีเขียวเพื่อไว้ดูเล่นหรอกนะใช่ไหม?”
เมื่อเห็นเย่เฉินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ หลินหว่านเอ๋อร์ก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดที่จะโต้แย้งได้
ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง เธอก็พูดอย่างจริงจังว่า: “หากคุณชายอยากพาเธอกลับไปจริงๆ ข้าน้อยมีเพียงคำขอร้องเดียว ไม่ทราบว่าคุณชายจะยอมตกลงหรือไม่?”
เย่เฉินหัวเราะและพูดว่า: “คุณพูดมาได้เลย”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยท่าทีเอาจริงเอาจังว่า: “คำร้องขอของข้าน้อยก็คือคุณชายอย่าเที่ยวเด็ดใบของเธอเล่นตามอำเภอใจอีก อย่างน้อยก็รอให้เธอเติบโตขึ้นอีกหน่อย ใบดกขึ้นอีกหน่อย คุณชายคิดว่ายังไงคะ?”
เย่เฉินพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว: “ไม่มีปัญหา พูดตามตรงว่า ปราณทิพย์ในใบของเธอมันช่างบริสุทธิ์มากจริงๆ แต่ก็เพราะปริมาณที่มีอยู่น้องเกินไป หากคิดอยากจะทำให้มีสรรพคุณเทียบเท่ายาโอสถจริงๆ อย่างไรก็ต้องเด็ดใบของเธอมากำใหญ่ๆ ถึงจะได้ เอาเป็นว่าลองเลี้ยงดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
หลินหว่านเอ๋อร์โล่งอก และพูดว่า: “ขุดเธอออกมาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ขอแค่ตอนที่ขุดอย่าทำให้รากเกิดความเสียหาย ตอนที่ย้ายไปก็ค่อยนำดินไปเยอะๆ หน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ข้าน้อยกลัวว่าระหว่างทางระยะเวลาที่มันนานเกินไป จะส่งผลกระทบต่อสภาพของเธอ ถึงต่อให้เธอเป็นมารดาแห่งผูเอ่อร์ ตอนนี้ก็เพิ่งจะโผล่พ้นดินออกมา ยังอ่อนมากเกินไป”
เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า: “เอาอย่างนี้ คุณกับผมเฝ้าดูอยู่ที่นี่ ผมสั่งให้เครื่องบินมารออยู่ที่สนามบินของสิบสองปันนา เครื่องบินมาถึงแล้ว พวกเราก็ค่อยขุดเธอออกมา จากนั้นก็ตรงไปขึ้นเครื่องบินบินกลับเมืองจินหลง!”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามว่า: “แล้วอู๋เฟยเยี่ยนล่ะ? ตอนนี้เธอคงจะถึงภูเขาแสนลี้เรียบร้อยแล้ว!”
“ไม่เป็นไร” เย่เฉินโบกมือ: “อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเธอก่อน ปล่อยให้เธอไป รอจนเธอไปแล้ว พวกเราค่อยหาวิธีย้อนรอยตามเส้นทางของเธอ ลองดูว่าสามารถหาตำแหน่งที่ชัดเจนของภูเขาแสนลี้ได้หรือไม่”