ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5809 ที่รอคอยก็คือวันนี้!(2)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5809
เย่เฉินพูด:“โอเค ถ้าหากคุณพูดไม่ผิด มารดาแห่งชาผูเอ่อร์ขอความช่วยเหลือจากพวกเราผ่านทางรูปลักษณ์ต่างๆของเมฆ แต่ว่าเธอต้องการให้พวกเราทำอะไรกันแน่? พวกเราควรจะช่วยเหลือเธออย่างไร”
หลินหว่านเอ๋อร์ก็มีความวิตกกังวลอยู่บ้าง:“ข้าน้อยไม่ทราบ……ข้าน้อยมองออกเพียงแค่ว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือ ผังปากว้านี้เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้น้อยรู้สึกได้ ราวกับว่าเธอนั้นติดอยู่ในใจกลางจิ้งข่วยไม่สามารถหลุดออกมาได้ แต่ว่าด้านในนี้ไม่ได้บอกกับข้าน้อย ควรจะทำอย่างไรถึงจะสามารถปลดปล่อยเธอออกมาได้……”
เวลานี้ เมฆดำได้กลายเป็นยิ่งหนายิ่งหนักขึ้นมาแล้ว อีกทั้งเมฆดำขนาดมหึมาเริ่มควบแน่นกลายเป็นกลุ่มก้อนทว่าเริ่มลดตัวลงมาอย่างช้าๆ
ในอากาศ กระนั้นคือเต็มไปด้วยไอน้ำอันเปียกชื้นแล้ว ความดันอากาศราวกับว่าเริ่มกดดันลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้การหายใจของคนต่างติดขัดไปบ้างแล้ว ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเวลาก่อนหน้าที่พายุฝนฟ้าคะนองในฤดูร้อนจะมาแบบนั้น
หลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้บำเพ็ญเพียร เวลานี้ลมหายใจต่างรู้สึกติดขัดแล้ว ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมาของเธอนั้นยิ่งร้อนรนแล้ว น้อยมากที่จะเห็นเธอเสียอาการจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ พูดออกมาอย่างร้อนรนอย่างมากว่า:“ผังปากว้ายิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆแล้ว ข่วยหลักเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้แล้วว่ากำลังจะถูกข่วยรองกลืนกิน ถ้ายังคิดหาคำตอบไม่เจอ เป็นไปได้ว่าจะช่วยเหลือเธอไม่ได้แล้ว……ทำอย่างไรดี……จะทำอย่างไรดีนะ……”
เย่เฉินยิ่งคิดไม่ออก แม้แต่หลินหว่านเอ๋อร์ต่างมองผังปากว้าไม่ออก เขายิ่งมองไม่ออก ดังนั้นมองดูหลินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังร้อนใจจนร้อนระอุ เขาทำได้เพียงยืนอยู่กับที่อย่างร้อนรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ในขณะนี้เมฆดำยังหนามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลดตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ด้านบนของสระสวรรค์ทั้งหมด ก่อตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง หลินหว่านเอ๋อร์รู้สึกได้แล้วว่าการหายใจของตัวเองติดขัดอยู่บ้าง เธอทำได้เพียงอ้าปากกว้างเพื่อหายใจไปด้วย พร้อมทั้งประมวลสมองอย่างต่อเนื่อง คิดพิจารณาถึงปัญหาที่อยู่ในนั้น
เย่เฉินมองผังปากว้าไม่เข้าใจ แต่เขาวิเคราะห์อย่างมีสติสัมปชัญญะสักหน่อยแล้ว เอ่ยปากออกมา:“คุณหลิน ถ้าเธอกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเราจริงๆ งั้นอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่พวกเราสามารถทําได้ คุณผมสองคนสี่หมัดสี่มือ สามารถช่วยเธอที่ไหนได้? หรือว่าพวกเราจะต้องช่วยเธอขับไล่เมฆดำอันนี้? พวกเราก็ทำไม่ได้นี่!”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าแล้ว พูดออกมาอย่างวิตกกังวล:“คุณชายพูดถูก……ถ้าต้องการให้พวกเราขับไล่เมฆดำ พวกเราไม่มีวิธีจริงๆ……คุณชายเป็นผู้มีวิชากว้างขวางสามารถเรียกฆาตสายฟ้ามาได้ แต่คิดดูแล้วฆาตสายฟ้าก็ใช้ได้ผลกับแค่วัตถุเท่านั้น เมฆดำเดิมก็เป็นสายฟ้ากึ่งสำเร็จรูป มันกับฆาตสายฟ้า ยิ่งมีความเกี่ยวพันกันเหมือนดั่งน้ำกับปลา มันแน่นอนว่าไม่มีทางกลัวสายฟ้า……งั้นพวกเรายังสามารถทำอะไรได้ล่ะ?”
เย่เฉินถูกเธอพูดออกมาแบบนี้ ทันใดนั้นแววตาก็เป็นประกายขึ้นมา หลุดปากพูดออกมา:“ผมเข้าใจแล้ว!”
หลินหว่านเอ๋อร์รีบถามออกมา:“คุณชายค้นพบอะไรแล้ว?”
เย่เฉินถามเธอ:“คุณหลินมีการค้นพบหรือไม่ เมฆดำที่หนักและหนาขนาดนี้ ความกดอากาศต่ำกำลังแรงขนาดนี้ สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคืออะไรแล้ว?”
หลินหว่านเอ๋อร์ทันใดก็เบิกตากว้างขึ้นมา หลุดปากพูดออกมา:“ขาดสายฟ้า!”
“ใช่!”เย่เฉินพยักหน้าอย่างแรง:“ถ้าเป็นในเวลาปกติ เมฆดำที่หนักขนาดนี้คงมีฟ้าผ่าฟ้าร้องตั้งนานแล้ว แต่เมฆดำอันนี้ถึงแม้ว่าจะหนาและหนักอย่างมาก แต่กลับไม่มีแม้เงาของสายฟ้า มีดทะลุวิญญาณของผมเมื่อครั้งที่แล้วในตอนที่ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งระเบิดตัวเองได้ถูกทำลายไปแล้ว เบื้องหน้านี้วิชาเดียวที่สามารถปล่อยในระยะไกลได้ มีเพียงวิชาที่พึ่งจะฝึกมาใหม่ยันต์ฟ้าร้อง เมฆครึ้มอันนี้ขาดสายฟ้าพอดี งั้นผมจะลองมอบสายฟ้าให้มันสักหน่อย!”
หลินหว่านเอ๋อร์ปีติไม่ไหวแล้วจนหลุดปากออกมาว่า:“ยันต์ฟ้าร้องที่คุณชายพึ่งจะฝึกวิชามาใหม่ คือใช้ไม้ฟาดสายฟ้าที่ข้าน้อยมอบให้คุณชายฝึกจนสำเร็จใช่ไหม?”
“ใช่!”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ่งตื่นเต้นดีใจ กำมือแน่นพูดออกมาอย่างดีอกดีใจ:“ไม้ฟาดสายฟ้าอันนั้นคือกิ่งก้านที่เหลือของมารดาแห่งชาผูเอ่อร์! หลังจากเธอบำเพ็ญล้มเหลวสามร้อยปีมาแล้วกลับไม่ได้สูญหายไป เธอรอคอยอยู่อย่างขมขื่น ก็คือวันนี้!”