ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5808 ที่รอคอยก็คือวันนี้!(1)
ด้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5808
เย่เฉินมองเห็นสีหน้าของหลินหว่านเอ๋อร์นั้นกระวนกระวาย การพูดจาตื่นเต้นอยู่บ้างอย่างที่เห็นได้น้อยมาก จึงรีบถามเธอ:“คุณหลิน คุณพูดมาสินี่ยิ่งเหมือนอะไร?!”
หลินหว่านเอ๋อร์ไม่พูดจา สายตายังจับจ้องเมฆดำที่อยู่บนท้องฟ้าอันแน่นหนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปากยังพึมพำอยู่:“นี่……เมฆดำอันนี้มองดูแล้วราวกับว่าไร้ระเบียบอย่างมาก แต่ประมาณว่ามีการก่อตัวอย่างซับซ้อน……รู้สึกว่า……รู้สึกว่าเหมือนกับสัญลักษณ์จิ้งข่วยในอี้จิง64กั้ว……”
“จิ้งข่วย?!”ฟังอย่างตกใจ อดที่จะอุทานออกมาอย่างตกใจไม่ได้:“เมฆอันนี้คือผังปากว้าจริงๆเหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า พึมพำออกมา:“จิ้งข่วยนั้นซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร คนโบราณพูดว่า ก่อนหน้าที่ข่วยจะมาผู้คนต่างหวาดกลัว ความหวาดกลัวจะนำพาซึ่งความสุขและความสงบสุข เกิดเสียงหัวเราะเฮฮา ผู้คนต่างเข้าใจในกฎเกณฑ์ของธรรมชาติแล้ว ;สร้างความน่าตกใจไปเป็นร้อยไมล์ ทหารมีระเบียบวินัย ราษฎรสงบร่มเย็น วัดไม่ถูกปล่อยทิ้งร้าง เมื่อข่วยอันนี้ออกมา จากนั้นข่วยหลักกับข่วยรองสองข่วยซ้อนทับกัน เมื่อมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นต้องมีความหมายโดยนัย อีกทั้งจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน!”
เย่เฉินก็คือตกใจอย่างมาก อดที่จะถามออกมาไม่ได้:“คนแบบไหนกันที่มีความสามารถระดับนี้ ใช้เมฆบนท้องฟ้ามาทำนายดวงชะตา?!”
หลินหว่านเอ๋อร์มึนงงไปทั้งใบหน้า:“ข้าน้อยก็ไม่ทราบ……แต่ว่า……แต่ว่าผังปากว้าอันนี้พึ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก็คือเริ่มต้นขึ้นในวินาทีที่พวกเรามาถึงที่นี่ ข้าน้อยคาดว่า นี่น่าจะไม่ใช่ฝีมือมนุษย์”
“ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์……”เย่เฉินถามเธอ:“ถ้าเป็นฝีมืมนุษย์ จะก่อตัวอย่างเป็นธรรมชาติอย่างงั้นเหรอ?
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า:“ข้าน้อยยังไม่เข้าใจในความลึกลับอย่างแจ่มแจ้ง……”
กำลังพูดอยู่ เมฆดำบนท้องฟ้าก็ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชั้นเมฆอันหนาราวกับว่าเป็นบ่อน้ำอันไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกขุดขึ้นมาบนท้องฟ้า ไม่ทันไรจากใจกลางพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างรวดเร็วปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาที่สระสวรรค์ตั้งอยู่
หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น เบิกตากว้างจับจ้องท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น ในปากบ่นพึมพำกับตัวเอง:“ผังปากว้าเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไปแล้ว……ฉัน……ฉันมองไม่เข้าใจ……คุณอยากจะบอกอะไรกับฉันกันแน่ ได้โปรดชัดเจนชัดเจนอีกสักหน่อยได้ไหม?”
เมฆดำบนท้องฟ้าฟังไม่เข้าใจถึงการพำพึมของเธอ ทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
หลินหว่านเอ๋อร์ร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว เธอพูดออกมาอย่างวิตกกังวล:“จิ้งข่วยเปลี่ยนแปลงลักษณะมากเกินไป ทุกๆลักษณะต้องใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นผังปากว้าอีกแบบ ฉัน……ฉันมองไม่เข้าใจจริงๆ……”
เย่เฉินได้ฟังคำพูดนี้ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องถ่ายวิดีโอ เอ่ยปากออกมาว่า:“คุณหลินไม่ต้องร้อนใจไป ผมนำเอาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต่างถ่ายเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ไหวจริงๆยังสามารถหลังจากกลับไปค่อยๆทำความเข้าใจ”
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าพูดว่า:“ผังปากว้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างมหาศาล ทั้งหมดต่างถูกจำกัดเอาในพื้นที่ใจกลางของจิ้งข่วย นี่คาดการณ์ว่าข่วยหลักกับข่วยรองต่างพันธนาการซึ่งกันและกันทว่าตรึงอยู่ที่ใจกลาง……ไม่ว่าผังปากว้าอันนี้จะเป็นใครปล่อยออกมา ต่างกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเรา……อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างอย่างที่ข้าน้อยไม่อาจจะอธิบายได้……”
“ขอความช่วยเหลือ?” เย่เฉินขมวดคิ้วเป็นปม:“พวกเราพึ่งจะมาถึงที่นี่ ใครกันถึงได้ขอความช่วยเหลือจากพวกเราอย่างกะทันหัน?”
หลินหว่านเอ๋อร์เอ่ยปากพึมพำออกมา:“ไม่ใช่คน……ใจกลางผังปากว้าไม่มีคน……”
เย่เฉินนวดขมับแล้ว:“ผมต่างถูกคุณทำให้มึนงงไปหมดแล้ว ไม่มีคน งั้นสิ่งอันใดที่กำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเรา?”
หลินหว่านเอ๋อร์จับจ้องการเปลี่ยนแปลงอันเป็นหมื่นเป็นพันของเมฆดำอยู่อย่างนั้น พูดเสียงเบาออกมา:“ข้าน้อยยังคิดไม่ออก……ไม่ใช่คน จะเป็นใคร หรือว่า……จะเป็นอะไร……เพียงแต่ว่า……เพียงแต่ว่า”
พูดถึงตรงนี้ เธอทันใดนั้นก็ส่งเสียงตกใจออกมา:“อ๊า!ฉันรู้แล้ว!”
เย่เฉินรีบถามในทันที:“คุณรู้อะไรแล้ว?”
น้ำตาของหลินหว่านเอ๋อร์ทันใดนั้นก็ไหลออกมาจากขอบตา เธอชี้ไปยังผืนดินอันว่างเปล่าที่ใต้เท้า ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างตื่นเต้นเหลือคณา:“ข้าน้อยรู้แล้วว่าใครกำลังขอความช่วยเหลือ!คือเธอ!คือมารดาแห่งชาผูเอ่อร์!”
เย่เฉินได้ฟังคำตอบอันนี้ยิ่งสงสัยอย่างมาก:“มารดาแห่งชาผูเอ่อร์เมื่อสามร้อยปีก่อนได้บำเพ็ญเพียรล้มเหลวแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะมาของความช่วยเหลือจากพวกเราได้อย่างไร?!อีกทั้ง……อีกทั้งเธอก็เป็นเพียงต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ใช่เหรอ สามารถขับเคลื่อนเมฆดำบนท้องฟ้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้?!”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดพำพึม:“ข้อสงสัยของคุณชาย ข้าน้อยไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างแท้จริง แต่ข้าน้อยสามารถรู้สึกได้ ความรู้สึกอันคุ้นเคยแบบนั้น ก็คือมารดาแห่งชาผูเอ่อร์……”