ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5788 มอบหมายให้ผมคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5788
ตอนที่อาการของจิมมี่เริ่มหายดีจนคงที่แล้วนั้น เย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์ได้ขับรถมาถึงผูเอ่อร์เตียนหนานแล้ว
เมืองที่ตั้งชื่อตามชื่อชานี้ จนถึงปัจจุบันนี้มีประวัติศาสตร์มากกว่าหนึ่งพัน ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดจอดพักของเส้นทางค้าชาบนหลังม้าโบราณในตอนนั้น ปัจจุบันนี้ก็เป็นแหล่งผลิตชาผูเอ่อร์ที่สำคัญเช่นกัน
ตอนนั้นตอนที่หลินหว่านเอ๋อร์ออกจากต้าหลี่ ได้นำอัฐิของพ่อกับแม่ออกไปจากต้าหลี่ด้วย สุดท้ายได้ฝังไว้ที่ผูเอ่อร์
เป็นเวลาสามร้อยกว่าปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่อีก หลินหว่านเอ๋อร์จดจำหน้าตาดั้งเดิมของเมืองนี้ได้ไม่ชัดเจนแล้ว
ตามที่หลินหว่านเอ๋อร์กล่าว ตอนนั้นเธอนำเพียงโกศอัฐิของพ่อกับแม่ออกไปจากต้าหลี่เท่านั้น ตอนที่ฝังศพที่ผูเอ่อร์ ก็ได้แอบเลือกสถานที่ทำเลฮวงจุ้ยที่ดีแห่งหนึ่งเพื่อฝังโกศอัฐิทั้งสอง ไม่ได้ทำโลงศพให้พ่อกับแม่ แล้วก็ไม่ได้สร้างหลุมฝังศพรวมทั้งป้ายหลุมศพด้วย
คิดจะตามหาโกศอัฐิที่ฝังไปเมื่อสองสามร้อยปีก่อนที่นี่ เป็นเรื่องที่ยากเหมือนดั่งขึ้นสวรรค์
แต่ยังโชคดีที่หลินหว่านเอ๋อร์จำได้ สถานที่ที่แอบฝังพ่อกับแม่ตอนนั้น เป็นภูเขาชาที่มีชื่อว่าภูเขาเอ้อหลางลูกหนึ่ง
อีกทั้ง หลินหว่านเอ๋อร์ยังจำได้ว่า โกศอัฐิของพ่อกับแม่ของตน ฝังไว้ที่ด้านล่างของต้นชาผูเอ่อร์ที่ใหญ่โตที่สุดต้นหนึ่งของภูเขาเอ้อหลาง
เพียงแต่ ในแผนที่ปัจจุบันนี้ ภายในเขตพื้นที่ผูเอ่อร์ ค้นหาข้อมูลใดใดของภูเขาเอ้อหลางเจอไม่เจอแล้ว
เย่เฉินขับรถเข้าเขตเมืองผูเอ่อร์ ตามหานักวิชาการท้องถิ่นของผูเอ่อร์สองสามคนกับหลินหว่านเอ๋อร์ หลังจากได้ผ่านการตรวจสอบแล้วถึงได้ทราบว่า ที่ชานเมืองผูเอ่อร์ เคยมีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าภูเขาเอ้อหลางจริง เพียงแต่ว่าภูเขาลูกนี้ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ได้เปลี่ยนชื่อไปหลายชื่อแล้ว
ครั้งแรกตอนเป็นสมัยสาธารณรัฐจีนเคยเปลี่ยนหนึ่งครั้ง หลังจากได้รับอิสรภาพเคยเปลี่ยนหนึ่งครั้ง การขับเคลื่อนความเจริญเฟื่องฟูยุคปีหกศูนย์ เพื่อสร้างคำขวัญบนภูเขา ยังเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง ถึงปลายยุคปีเจ็ดศูนย์การขับเคลื่อนสิ้นสุดลง ก็เปลี่ยนอีกครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่เปลี่ยนชื่อ คือเมื่อยี่สิบปีก่อน เปลี่ยนชื่อเป็นภูเขาจื้อเฉิง
ว่ากันว่า ภูเขาลูกนี้ รวมทั้งพื้นที่ภายในรัศมีระยะยี่สิบกว่ากิโลเมตร เป็นพื้นที่ผลิตใบชาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของผูเอ่อร์ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง อุตสาหกรรมชาของที่นี่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้น ได้กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ผลิตใบชาที่ดีที่สุดของผูเอ่อร์จวบจนถึงทุกวันนี้
และที่ภูเขาลูกนี้เปลี่ยนชื่อเป็นภูเขาจื้อเฉิง ก็เป็นเพราะเมื่อยี่สิบปีก่อน พื้นที่ผลิตใบชาทั้งหมดนี้ล้วนถูกธุรกิจหนึ่งของเตียนหนานที่ชื่อจื้อเฉิงกรุ๊ปซื้อในราคาสูง หลังจากตอนนั้นจื้อเฉิงกรุ๊ปก็เปลี่ยนชื่อภูเขาเป็นภูเขาจื้อเฉิง แล้วก็ค่อยๆสร้างที่นี่ให้เป็นไร่ชาที่ใหญ่และชั้นยอดที่สุดของตนเอง
ใบชาของจื้อเฉิงกรุ๊ปในปัจจุบัน ค่อนข้างมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศแล้ว ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญยึดแผ่นชาผูเอ่อร์อัดระดับกลางและสูงเป็นหลัก หนึ่งในนั้น ซีรี่ย์จื้อเจินของผลิตภัณฑ์ภูเขาจื้อเฉิง ก็คือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของจื้อเฉิงกรุ๊ป ราคาขายปกติของชาอัดแผ่นหนึ่ง อย่างน้อยก็มีราคาหนึ่งหมื่นหยวนขึ้นไป
เมื่อรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของภูเขาเอ้อหลาง เย่เฉินก็ตามหาตำแหน่งของภูเขาจื้อเฉิงในจีพีเอสจนเจอ
เนื่องจากที่นี่ได้ถูกจื้อเฉิงกรุ๊ปพัฒนามาเป็นระยะเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นสภาพการคมนาคมค่อนข้างดี ขับรถจากตัวเมือง ประมาณสี่สิบนาทีก็ถึงเชิงเขาของภูเขาจื้อเฉิง
หลายปีมานี้หลินหว่านเอ๋อร์ไม่เคยกลับมาที่หัวเซี่ย เธอเป็นกังวลมาตลอดว่าภูเขาเอ้อหลางจะประสบกับการถูกทำลายจากการพัฒนา ขุดเหมือง อกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทาง เมื่อตอนที่ภูเขาจื้อเฉิงปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาจริงๆ หัวใจที่ตึงเครียดของเธอก็ผ่อนคลายลงทันที เนื่องจากภูเขาของที่นี่ กับภูเขาเมื่อสามร้อยปีก่อน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ถึงแม้จะพูดว่าภูเขาเอ้อหลางเปลี่ยนชื่อแล้ว แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ผลิตใบชามาโดยตลอด ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกับพัฒนามากเกินไปนัก ร่องรอยการพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด ก็คือจื้อเฉิงกรุ๊ปได้ซ่อมแซมถนนคอนกรีตสายหนึ่ง จากถนนหลวงทะลุไปจนถึงตีนเขา อีกทั้งพวกเขายังปรับพื้นที่บริเวณตีนเขาจนราบเรียบ เพื่อสร้างโรงงานแปรรูปใบชาอีกด้วย
ตอนที่รถห่างยังมีระยะทางห่างจากภูเขาเอ้อหลางอีกสิบกว่ากิโลเมตร ที่ด้านหน้ารถ ก็สามารถมองเห็นภูเขาสีเขียวขจีลูกนี้ด้วยตาเปล่าได้แล้ว
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ก็ระงับอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้ไม่ค่อยอยู่แล้ว
เย่เฉินเห็นเธอถูมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้นไม่หยุด อดไม่ได้ที่จะถาม: “คุณแน่ใจว่าพ่อกับแม่ของคุณฝังอยู่ที่ภูเขาลูกนี้?”
“แน่ใจ”หลินหว่านเอ๋อร์กล่าว: “ถึงแม้ว่าชื่อของภูเขาจะเปลี่ยนแล้ว แต่ลักษณะไม่เปลี่ยน ต้องใช่ที่นี่แน่นอน”
พูดไป เธอก็กล่าวอีกว่า: “เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้นชาผูเอ่อร์ต้นนั้นยังอยู่ไหม ถ้าหากต้นไม้ไม่อยู่แล้ว จะตามหาก็คงจะลำบากอยู่หน่อย”
เย่เฉินกล่าว: “ไม่เป็นไร มีผมช่วยคุณหา จะตามหาจนกว่าจะเจอ”