ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5770 เดิมพันถูกข้างแล้ว (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5770
การที่เย่เฉินได้เผยแพร่ภาพเหมือนของเมิ่งฉางเชิงที่เมืองจินหลิง ทำให้อู๋เฟยเยี่ยนถึงกับช็อคตาตั้งเป็นอย่างมาก เเละมากจนถึงขนาดที่การมาเยือนหัวเซี่ยของเธอในครั้งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอกังวลใจมากที่สุด ซึ่งก็คือการเปิดเผยตัวตนของเธอนั่นเอง
กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ตั้งแคมป์อยู่ไม่ไกลจากเธอนั้น เธอพอจะประเมินได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ เธอจึงไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของเธอ ทว่า บทสนทนาระหว่างเย่เฉินเเละหลินหว่านเอ๋อร์ที่เธอเพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอเกิดตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของเธอค่อนข้างเป็นที่น่าสงสัยในสายตาของคนอื่น ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ มันทำให้เธอเกิดความลังเลใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าตนเองควรวางหมากลงในกระดานอย่างไรดี
อีกทั้งสมาธิอันจดจ่อแน่วเเน่ของเธอ ก็ถูกเย่เฉินดึงให้เบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นโดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ อู๋เฟยเยี่ยนในเวลานี้จึงได้เเต่กังวลว่าจะถูกเขาสงสัยเอาได้ โดยที่ตัวเธอเองกลับไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของวัยรุ่นหนุ่มสาวพวกนั้นเลยแม้เเต่น้อย
ในขณะที่อู๋เฟยเยี่ยนยังคงลังเลอยู่นั้นเอง แสงสีทองผ่องอำไพพลันสาดส่องกระทบเส้นขอบฟ้า ดวงอาทิตย์กลมโตค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาจากทางทิศตะวันออกของภูเขา
หลังจากได้เห็นแสงอาทิตย์ที่สาดส่องในยามเช้า วัยรุ่นหนุ่มสาวที่อยู่รายรอบเย่เฉิน ซึ่งยังคงตื่นเต้นคึกคักไม่หายแม้จะอดนอนมาเเล้วทั้งคืน พลันรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที พลางตะโกนโหวกเหวกเสียงดังว่าพระอาทิตย์ขึ้นเเล้ว พวกเขาต่างก็กุลีกุจอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอกันจนเป็นมือเป็นระวิง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอเเล้ว อู๋เฟยเยี่ยนจึงเดินลัดเลาะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่อยู่ทางด้านหลังจุดกางเต็นท์
ในเวลานั้น อู๋เฟยเยี่ยนอยู่ห่างจากเย่เฉินเเละหลินหว่านเอ๋อร์เพียงเจ็ดสิบถึงแปดสิบเมตรเท่านั้น
ทว่า ความสนใจของเธอในตอนนี้ กลับไม่ได้จดจ่ออยู่ที่กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวพวกนั้นเลยสักนิดเดียว ประกอบกับเธอกำลังอยู่ในสภาวะสงบนิ่ง จึงไม่ได้ปลดปล่อยปราณทิพย์เพื่อตรวจจับฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นเเล้วเธอจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น
เเต่ในเวลานั้น เย่เฉินกลับกำลังเฝ้ามองดูอู๋เฟยเยี่ยนจากมุมหางตาของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าๆ ลักษณะท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ทั้งยังมีใบหน้างดงามเปี่ยมด้วยเสน่ห์ชวนหลงใหล ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือท่วงท่าอันสง่างาม เธอคนนี้ต้องเป็นตัวท็อปของระดับท็อปคลาสอย่างเเน่นอน
ในมือของเธอถือกระดาษที่มีสีออกเหลืองๆ ปึกหนึ่ง และไหเหล้าโบราณอีกหนึ่งไห กระดาษสีเหลืองที่เธอถืออยู่นั้นแลดูหยาบกระด้างมาก เเละน่าจะหาซื้อได้ยากในปัจจุบันนี้
เย่เฉินมองออกในทันทีว่า กระดาษสีเหลืองและไหเหล้าโบราณที่เธอถืออยู่ในมือ ต้องเป็นของที่เธอนำมาเพื่อเซ่นไหว้หลินจู๋ว์หลูอย่างเเน่นอน การที่เธอมาที่นี่เพื่อเซ่นไหว้เขา นั่นแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกของอู๋เฟยเยี่ยนที่มีต่อหลินจู๋ว์หลูนั้น คงไม่ได้มีเพียงความเกลียดชังเป็นแน่
หลินหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน เเรกเริ่มเดิมที เธอคิดว่าอู๋เฟยเยี่ยนคงจะมาที่นี่ด้วยความเกรี้ยวกราดฉุนเฉียว เเละต้องมาระบายความโกรธแค้นส่วนตัวต่อหน้าหลุมศพของพ่อแม่ของเธอจนปั่นป่วนโกลาหลเป็นแน่ เเต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่า อู๋เฟยเยี่ยนจะมาที่นี่พร้อมกับสิ่งของที่ใช้ในการเซ่นไหว้หลุมศพ
คนอื่นๆ ที่มาตั้งแคมป์อยู่ที่นี่ ก็ได้เห็นอู๋เฟยเยี่ยนที่อยู่ตามลำพังคนเดียวในเวลานี้ด้วยเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปสักชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนจึงแอบกระซิบกระซาบกันอย่างลับๆ
มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ” โอ้ คุณพี่คนนั้น เค้ามาปัดกวาดหลุมศพอย่างนั้นเหรอ ? ”
อีกคนหนึ่งก็พูดเออออคล้อยตามไปด้วย ” ดูเหมือนจะใช่ แต่ฉันไม่เห็นสุสานเเถวนี้เลยนะ ”
ซูหลานเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เเละแอบกระซิบขึ้นว่า ” ที่นี่คงไม่เคยเป็นสุสานมาก่อนใช่ไหม ? ”
หูเล่อฉีกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางอันสงบเยือกเย็น ” ต่อให้มีสุสาน ก็ไม่เห็นต้องตื่นตระหนกตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมเลยนี่ แต่ก่อนตอนที่ฉางอานสร้างรถไฟใต้ดิน ว่ากันว่าในระหว่างการก่อสร้างเส้นทางรถไฟใต้ดินสายหนึ่ง ได้มีการค้นพบสุสานโบราณนับพันแห่ง ส่วนสถานที่แห่งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ในตำแหน่งชัยภูมิอันดีเยี่ยม หากจะมีสุสานโบราณสักสองสามแห่งก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ”
ไม่นานหลังจากนั้น เย่เฉินจึงพยักหน้าอย่างช้าๆ พลางกล่าวว่า ” เหล่าหูพูดได้ถูกต้อง การที่คนอื่นจะมาทำความสะอาดสุสานเเละปัดกวาดหลุมศพ ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าแปลกตรงไหน พวกเราอย่าพูดถึงคนอื่นลับหลังเลยดีกว่า หากเขาได้ยินเข้าก็คงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ และมันก็เป็นการกระทำที่ไม่สุภาพด้วย ”
หูเล่อฉีพยักหน้างึกๆ และพูดเสริมขึ้นว่า ” ฉันก็มองเเบบเดียวกันกับอะเฉินนะ พวกเราอย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเลยดีกว่า รอจนพระอาทิตย์ขึ้นเเล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันกลับเต็นท์ไปนอนพักเอาแรงกันสักงีบ นอนจนตื่นมายืดเส้นยืดสายเเล้วก็กลับไปนอนต่ออีกเอาให้เต็มที่ไปเลย หลังจากอดนอนมาทั้งคืน ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเลยสักนิด แต่มาตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกเพลียไม่ไหวเเล้วจริงๆ ”
ทุกคนต่างแสดงออกว่ารู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา เเต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ นี่เป็นอาการที่จะแสดงออกมาหลังจากปราณทิพย์ที่ถูกใส่ลงไปในเหล้าค่อยๆ อ่อนฤทธิ์และเสื่อมสลายลงนั่นเอง
ทันใดนั้น หลินหว่านเอ๋อร์พลันหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา เเล้วหันไปพูดกับเย่เฉิน ” ที่รักคะ ตอนนี้แสงตะวันยังไม่ค่อยเจิดจ้ามากนัก พวกเรามาถ่ายรูปกับพระอาทิตย์กันเถอะ มาเซลฟี่กันสักหน่อยดีกว่า “