ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5751 คนขาพิการเจอคนขาเป๋(3)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5751
เย่เฉินพูดในใจแค่เปลี่ยนเสื้อผ้ายังต้องให้คนช่วยอะไร ผมไม่ใช่คนพิการเสียหน่อย แต่ว่าบนใบหน้ายังกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้ว”
เมื่อขึ้นไปชั้นบน ก็เป็นห้องนอนของหลินหว่านเอ๋อร์
ในห้องนอนมีกลิ่นหอมอ่อนๆแบบเดียวกันกับบนตัวของหลินหว่านเอ๋อร์ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
เย่เฉินหวนนึกถึงประสบการณ์ตอนที่ตนเองบาดเจ็บ ถูกหลินหว่านเอ๋อร์พยุงขึ้นมาบนเตียงขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ จู่ๆในใจก็มีความรู้สึกประหลาดที่พูดไม่ออกบางอย่าง
แต่ว่า เขาก็ไม่กล้าคิดมาก รีบนำเสื้อผ้าที่หลินหว่านเอ๋อร์จัดเตรียมเอาไว้ให้ตนเองหยิบออกมาเตรียมจะเปลี่ยน
หยิบเสื้อผ้าออกมา เขาถึงพบว่า ที่แท้เสื้อผ้าที่หลินหว่านเอ๋อร์จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับตนเองก็คือเสื้อคู่รักที่เหมือนกัน
เสื้อผ้าในมือของเย่เฉิน ก็คือเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์ Gucci กางเกงขาสั้นพิมพ์ลายคลาสสิกของ LVรวมทั้งรองเท้าเตะแอร์เมสรุ่นเดียวกัน
คิดดูแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์อยากจะให้ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นคู่รักมุ่งหน้าไปที่เตียนหนาน
แต่ว่าเย่เฉินเองก็ไม่ได้คิดมาก ชายหญิงออกจากบ้าน ปลอมตัวเป็นคู่รักกันก็ค่อนข้างที่จะสมเหตุสมผล ครั้งนี้คนที่จะไปเผชิญหน้าด้วยก็คืออู๋เฟยเยี่ยนยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่เฉินรู้จักในตอน แน่นอนว่าจะประมาทแม้เพียงเล็กน้อยไม่ได้ อีกทั้งยิ่งรอบคอบก็ยิ่งปลอดภัย
ดังนั้นเย่เฉินจึงรีบเปลี่ยนชุดให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เดินลงมาจากชั้นบน
หลินหว่านเอ๋อร์เห็นเย่เฉินเดินลงมาจากบันได แม้กระทั่งดวงตาก็ยังมีรัศมีความโค้งของความสุข
ถึงแม้เย่เฉินจะอายุยี่สิบแปดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็มีปราณทิพย์ที่แข็งแกร่ง มองดูไปก็คือเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ประกอบกับการแต่งตัวที่ค่อนข้างทันสมัยนี้ พูดว่าเขาเป็นเด็กมหาลัยฯ เกรงว่าก็คงไม่มีใครสงสัย
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ่งมองเย่เฉิน ในใจก็ยิ่งชื่นชอบ คิดเสมอว่าท่าทางของทั้งสองคนที่ใส่ชุดคู่ มีความเหมาะสมกันที่ยากจะอธิบายไปเสียหมด
เย่เฉินมาถึงตรงหน้าของหลินหว่านเอ๋อร์ เห็นเธอหน้าแดง ก็ถามอย่างประหลาดใจ: “คุณหลิน เสื้อผ้านี้คุณเป็นคนเตรียม หรือว่าคุณชิวพวกเขาเป็นคนเตรียมครับ?’
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบอย่างเขินอาย: “ข้าน้อยเป็นคนให้พวกเขาจัดเตรียมค่ะ”
พูดไป หลินหว่านเอ๋อร์รีบกล่าวอธิบาย: “ข้าน้อยคิดว่า ครั้งนี้เดินทางไปที่เตียนหนานพร้อมกันกับคุณชาย จะแสดงความสัมพันธ์ของข้าน้อยกับคุณชายต่อภายนอกอย่างไร เป็นตัวกำหนดความเป็นไปได้ที่ข้าน้อยกับคุณชายจะถูกเปิดโปง คิดไปคิดมา เหมือนว่ายังไง……เหมือนว่ายังไงคู่รักก็เหมาะสมที่สุด…… ”
เย่เฉินกลับไม่ได้คิดมาก พยักหน้ากล่าว: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่คุณกับผมออกจากบ้าน ต้องแสดงเป็นคู่รักให้ดีต่อหน้าคนนอก”
หลินหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบาๆ เอ่ยกล่าวด้วยความเขินอาย: “ในเมื่อแสดงเป็นคู่รัก ถ้าอย่างนั้นคุณชายจะให้ข้าน้อยคิดคำเรียกที่เหมาะสมสักอันไหมคะ?”
“คำเรียก?”เย่เฉินถามอย่างประหลาดใจ: “จะเรียกยังไง?”
หลินหว่านเอ๋อร์ครุ่นคิดหนึ่ง กล่าวหน้าแดง: “ฉันว่าคู่รักวัยรุ่นสมัยนี้ ถ้าไม่เรียกอีกฝ่ายว่าที่รักหรือว่าที่รัก ก็เรียกอีกฝ่ายว่าสามีภรรยาประมาณนี้……”
เย่เฉินกล่าวอย่างเขินอาย: “นี่มัน……ไม่อย่างนั้นยังไงคุณหลินก็เป็นคนกำหนดเถอะ คุณอาบน้ำร้อน มามากกว่าผม คุณว่าแบบไหนก็แบบนั้น”
หลินหว่านเอ๋อร์กลอกตา กล่าวพึมพำ: “นี่คุณชายรังเกียจที่ข้าน้อยพยายามหาทุกวิถีทาง……”
“เปล่าครับเปล่าครับ……”เย่เฉินยกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ กล่าวอย่างจริงจัง: “ผมสาบานว่าไม่ได้ความหมายแบบนี้ ผมเพียงแค่คิดแบบบริสุทธิ์ ประสบการณ์ด้านต่างๆของคุณหลินมากกว่าผมมาก ผมที่อยู่ต่อหน้าคุณ ไม่กล้าสอนจระเข้ว่ายน้ำ คุณพูดอะไร ผมทำอย่างนั้นก็พอแล้ว”
หลินหว่านเอ๋อร์กระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย พูดอย่างทั้งเขินอายทั้งอับอาย: “ข้าน้อยเพียงแค่มีชีวิตอยู่มานานกว่าคุณชาย แต่ประสบการณ์ในด้านความรักชายหญิงของข้าน้อยนั้นไม่มีเลย ไม่เหมือนกับคุณชาย เป็นคนที่เคยแต่งงานแล้ว ประสบการณ์มากกว่าข้าน้อยมากๆ……”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเขินอาย กล่าว: “พวกเราสองคนคือคนขาพิการเจอคนขาเป๋ ไม่ต้องบอกว่าขาใครดีกว่าใคร ใช้มือคลำประคองไปด้วยกันก็แล้วกันนะ……”