ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5714 ดวงชะตาขี่มังกร(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5714
ตระกูลอานรู้ว่า“ผู้มีพระคุณ”ของตนเอง กับ“ผู้มีพระคุณ”ตระกูลเฟ่ยเป็นคนเดียวกันตั้งนานแล้ว
เพียงแต่ ตอนที่อานโฉงชิวรู้ บุคคลใหญ่โตที่มีวิธีการที่เหนือคนทั่วไปที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลานชายที่หายตัวไปยี่สิบปีของตน เขายังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ
เย่เฉินในเวลานี้ก็ไม่ปิดบังเช่นกัน กล่าวเรียบ ๆ: “ในวันงานประมูลยาอายุวัฒนะ คุณท่านเฟ่ยมีความตั้งใจที่จะซื้อยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่ง ผลสุดท้ายคิดไม่ถึงว่ากลับถูกฉวยโอกาสแย่งสิทธิ์ไป ผมกับคุณหนูเฟ่ยอย่างน้อยก็มีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง ดังนั้นจึงช่วยพวกเขาสองคนปู่หลานสักครั้ง”
อานโฉงชิวพยักหน้าเบา ๆ กล่าวอย่างทอดถอนใจ: “คิดไม่ถึงจริง ๆเลย……หลานชายคนโตของน้าคนนี้ จะมีความสามารถเหนือเมฆขนาดนี้ คนที่มีความทะเยอทะยานมักจะทำเรื่องใหญ่สำเร็จจริงๆ!”
หลี่ญ่าหลินที่ไม่ได้พูดจามาโดยตลอดเวลานี้เอ่ยปากกล่าว: “โฉงชิว คุณอย่าลืม แม้แต่ชีวิตของฉัน ก็เป็นคุณเย่อที่ช่วยเอาไว้”
“ใช่ใช่ใช่”อานโฉงชิวได้สติกลับคืนมา เอ่ยปากกล่าว: “ช่างวิเศษจริง ๆ! ก่อนหน้านี้ได้ยินพี่เขยน้าพูดเรื่องแปลกประหลาดพวกนี้ขึ้นมายังมีความรู้สึกเหยียดหยามอยู่หน่อยๆ คิดอยู่เสมอว่าเขาเป็นปัญญาชนดีดีคนหนึ่ง คนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นด้านการเงินดีดีคนหนึ่ง ว่างจนต้องไปศึกษาเกี่ยวกับการฝึกฝน การสืบทอด ดวงชะตาเกิดทุกวันเรียกว่าไม่เอาถ่านจริงๆเลย ตอนนี้ดูเหมือนว่า ที่แท้เขาได้สืบรู้ความเร้นลับในนั้นตั้งแต่แรกแล้ว มิน่าถึงได้มุ่งมั่นขนาดนั้น……”
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถาม: “น้าชายใหญ่ น้าพูดว่าพ่อผมศึกษาการฝึกฝนสืบทอดกับดวงชะตาเกิดมาโดยตลอด”
“ใช่!”อานโฉงชิวพยักหน้า กล่าว: “ตอนนั้นตอนที่พ่อกับแม่ของหลานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็เริ่มศึกษาเรื่องเหนือจินตนาการพวกนี้ ตอนนั้นน้ายังไม่เชื่อ คิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ทั้งสองคนศึกษาไม่แตกต่างกับกำลังภายในตอนนั้น”
เย่เฉินรีบถาม: “น้าชายใหญ่ น้าเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นได้ไหมครับ? พ่อผมถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อเพราะอะไร ถึงเริ่มศึกษาสิ่งเหล่านี้?”
อานโฉงชิวครุ่นคิด เอ่ยปากกล่าว: “เรื่องนี้เล่าไปก็ยาว ตอนนั้นที่พ่อของหลานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พูดตามตรงน้าค่อนข้างเลื่อมใสเขา ตอนนั้นน้าเพิ่งจะเรียนจบชั้นมหาลัยได้ไม่นาน จะเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์จากเขาเล็กน้อยเป็นประจำทุกวัน พ่อของหลานเป็นคนที่มีความรู้มากคนหนึ่ง นอกจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านการเงินแล้ว ยังชอบศึกษาพวกของเล่นโบราณและเอกสารด้านประวัติศาสตร์โบราณ”
“ตอนนั้นเขามักจะไปที่ตลอดของโบราณของสหรัฐอเมริการวมทั้งตลอดประมูล ถ้าหากเจอวัตถุโบราณในประเทศที่สูญหายไปหลุดออกมา เขาจะพยายามประมูลมาแล้วบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ในประเทศ แต่มีครั้งหนึ่ง เขาซื้อตำราโบราณชุดหนึ่งมาจากในร้านหนังสือโบราณแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก ผลสุดท้ายขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือ อ่านทีหนึ่งสามวัน”
“สามวันนั้น เขาไม่กินไม่ดื่ม ไม่ได้ก้าวออกมาจากประตูห้องหนังสือแม้แต่ก้าวเดียว หลังจากผ่านไปสามวัน แม่ของหลานรู้สึกผิดปกติ จึงคิดจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมเขา ผลสุดท้ายแม่ของหลานก็อ่านตามไปด้วย อีกทั้งยังอ่านแบบไม่รู้วันรู้คืน……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อานโฉงชิวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ กล่าวอย่างปลง ๆ: “หลานคงนึกไม่ถึงว่าพวกเขาบ้ากันขนาดไหน ทั้งสองคนกลับไปในห้องนั่งเล่นเพื่อศึกษาหนังสือชุดนั้นด้วยกัน ศึกษาเป็นเวลาสามเดือนเต็ม ๆ สามเดือนนั้น ทั้งสองคนเหมือนกับเก็บตัว ไม่ก้าวออกจากประตูห้องแม้แต่ก้าวเดียว การกินการดื่ม ล้วนให้คนเอาวางไว้ที่หน้าประตูทั้งหมด……”
เย่เฉินประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง หลุดปากเอ่ยถาม: “น้าชายใหญ่ หนังสือที่พ่อกับแม่ของผมอ่านชื่ออะไร น้ายังจำได้ไหมครับ?”
อานโฉงชิวครุ่นคิด เอ่ยปากกล่าว: “ถ้าหากน้าจำไม่ผิดละก็ น่าจะชื่อว่าคัมภีร์เก้าอะไร สี่ตัวอักษร แต่ว่าตัวที่สองน้าจำไม่ค่อยได้แล้ว”
เย่เฉินเบิกตากว้าง เอ่ยถามอย่างไม่รู้ตัว: “น้าชายใหญ่ ใช่เก้าเสวียนไหมครับ?”
อานโฉงชิวกล่าวอย่างเข้าใจในทันที: “ใช่ใช่ใช่! คือเก้าเสวียน! จิ่วเสวียนจิงซวี้(บทนำตำราเก้าเสวียน) ฟังดูประหลาดๆ ตอนแรกเริ่มน้ายังคิดว่าเป็นตำราเล่มหนึ่ง ผลปรากฏว่าพ่อของหลานพูดว่า นั่นเป็นกุญแจที่เปิดประตูใหญ่ของโลกอีกใบหนึ่ง น้าคิดมาตลอดว่าเขาเป็นโรคจิต……”