ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5710 กลับไปยังหัวเซี่ย(1)
หลินจู๋ว์หลูหายตัวไปในทันที ทำให้อู๋เฟยเยี่ยนตกใจมาก
ตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่า หลินจู๋ว์หลูหายไปกลางอากาศได้อย่างไร แต่แป๊บเดียวก็ตระหนักได้ว่า ศิษย์พี่จะต้องถูกแหวนวงนั้นเคลื่อนย้ายไปที่อื่นแน่
จึงทำให้เธอคำรามด้วยความโกรธ กัดฟันพูดว่า:“ไอ้แก่แกมันลำเอียงจริง!บอกว่าฉันกับศิษย์พี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดแกต่อได้ แต่แกกลับให้ของวิเศษที่ทำให้ศิษย์พี่หายตัวไปได้ทันที!แล้วมีสิทธิ์อะไรที่ฉันอู๋เฟยเยี่ยนไม่มี?มีสิทธิ์อะไร!ว่ามาสิ!แกพูดมาสิ!”
ถ้ำที่เมิ่งฉางเชิงมรณภาพในท่านั่งสมาธิ และหลินจู๋ว์หลูที่บาดเจ็บหนักหายไป เหลือเพียงแต่อู๋เฟยเยี่ยนเอง และเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของเธอก็ก้องไปทั่วหุบเขา
ผ่านไปสักพัก อู๋เฟยเยี่ยนเช็ดเลือดบนมีดคุไนอ่อนอย่างไร้ความรู้สึก แล้วเก็บมีดคุไนอ่อนกลับเข้าไปในเอว พูดอย่างเยือกเย็นว่า:“ศิษย์พี่ ตั้งแต่นี้ไป พี่กับฉันเป็นศัตรูกันไปจนวันตาย!”
พูดจบ เธอก็เดินลงจากภูเขาไปโดยไม่หันกลับมา
สิบวันต่อมา เมื่อเธอรีบไปเตียนหนานโดยไม่ได้พัก จึงรู้ว่าหลินจู๋ว์หลูอยู่ในดินแล้ว และลูกสาวที่เขารักมากที่สุดอย่างหลินหว่านเอ๋อร์ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
อู๋เฟยเยี่ยนขุดหลุมฝังศพของหลินจู๋ว์หลู ยืนยันการตายของหลินจู๋ว์หลูแล้ว และเมื่อพบว่าแหวนไม่ได้ถูกฝังไว้กับหลินจู๋ว์หลู เธอก็เริ่มตามล่าหลินหว่านเอ๋อร์มานานกว่าสามร้อยปี
เพราะเธอเห็นกับตาแล้วว่าแหวนวงนั้น สามารถเคลื่อนย้ายคนออกไปได้หลายพันไมล์เมื่อกำลังจะตาย ดังนั้นหลายปีมานี้ เธอจึงย้ำกับผู้มีหน้าที่ตามล่าหลินหว่านเอ๋อร์ว่า หลินหว่านเอ๋อร์ต้องถูกจับทั้งเป็น ห้ามฆ่าเด็ดขาด
แต่ว่า ผ่านไปหลายปี เธอก็ยังจับหลินหว่านเอ๋อร์กลับมาไม่ได้
เรื่องนี้ ทำให้อู๋เฟยเยี่ยนโกรธเป็นพิเศษ
สักพักหนึ่ง อู๋เฟยเยี่ยนที่อยู่ฐานองค์กรพั่วชิง ก็ค่อย ๆ เก็บความคิดไป
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนนั้น ในใจของเธอยังคงไม่พอใจ
กว่าสามร้อยปีแล้ว นอกจากเธอจะตามล่าหลินหว่านเอ๋อร์แล้ว ก็ยังตามหามรดกที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ด้วย แต่หลายปีมานี้ ก็ยังไม่พบเบาะแสใด ๆ
ยี่สิบกว่าปีก่อน คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเข้าไปในภูเขาแสนลี้ จากเบาะแสที่พวกเขาได้มาโดยบังเอิญในต่างประเทศ
อู๋เฟยเยี่ยนสงสัยมรดกที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้พวกเขามาตลอด แต่ว่า การเดานี้ไม่เคยได้รับการยืนยัน
และกว่ายี่สิบปีมานี้ อู๋เฟยเยี่ยนก็พยายามยืนยันการคาดเดาของตัวเอง แต่เธอก็หมดหนทางแล้ว ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
แต่ตอนนี้ จู่ ๆ ลูกหลานของอาจารย์อีกคนดันปรากฏตัว และใช้ภาพเหมือนของอาจารย์มาเตือนตัวเองอีก ทำให้อู๋เฟยเยี่ยนรู้สึกถึงวิกฤตและกดขี่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
แม้ว่าเธอจะไม่กล้าไปที่จินหลิง แต่เพื่อหามรดกที่อาจารย์ฝึกฝนมานับพันปีแล้ว เธอจึงตัดสินใจไปภูเขาแสนลี้อีกครั้ง
เธอซึ่งระวังตัวมากมาโดยตลอด ไม่กล้าไปหัวเซี่ยโดยตรง จึงเตรียมตัวเดินทางผ่านเมียนมา กลับไปยังหัวเซี่ย
เมียนมา มีพรมแดนติดกับเตียนหนานหลายพันกิโลเมตร
ที่อู๋เฟยเยี่ยนไปเมียนมา ก็เพราะหลังจากคิดถึงเมียนมา จึงข้ามชายแดนคนเดียว เข้าสู่เตียนหนานอย่างเงียบ ๆ
ถ้าจะไปภูเขาแสนลี้ บินเข้าเวียดนาม ที่จริงใกล้กว่าเมียนมาเล็กน้อย แต่ว่า อู๋เฟยเยี่ยนตั้งใจจะไปเตียนหนานก่อน ดูหลุมฝังศพของหลินจู๋ว์หลู แล้วค่อยเดินทางจากเตียนหนานไปภูเขาแสนลี้