ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5652 มีวาสนา(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5652 มีวาสนา(2)
เย่เฉินหัวเราะเยาะตัวเอง แล้วพยักหน้าบอก : “ซึ่งก็หมายถึง มีชีวิตอยู่หนึ่งพันปี ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตเมื่ออยู่ต่อเบื้องหน้าของพระเจ้าเลย และไม่คู่ควรที่จะให้พระเจ้าลงทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เลยด้วยซ้ำ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย : “น่าจะแบบนั้นล่ะนะ”
ว่าแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ : “แต่ว่า คุณชายช่างมีวาสนากับซือกงจริง ๆ แม้ว่าตอนคุณชายเกิด ซือกงเป็นเซียนได้สามร้อยกว่าปีแล้ว แต่คุณกลับได้เกิดความสัมพันธ์เล็กน้อยกับเขาเมื่อห้าร้อยปีก่อน และห้าร้อยปีต่อมาโดยบังเอิญ……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ หลินหว่านเอ๋อร์ก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น : “ดิฉันขอบังอาจถามสักหน่อย คุณชายเข้าถึงเต๋าได้อย่างไร ? แล้วผู้อาวุโสท่านไหนที่พาคุณเข้าถึงเต๋าคะ?”
เย่เฉินเห็นว่าหลินหว่านเอ๋อร์ได้เผยความลับและอดีตออกมาหมดกระดานแล้ว ตัวเองก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป แล้วเอ่ยปากบอก : “ผมได้หนังสือโบราณที่ชื่อว่าตำราเก้าเสวียนเทียนมาเล่มหนึ่งโดยบังเอิญ และได้บันทึกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนไว้เป็นจำนวนมากในนั้น ผมเลยอาศัยหนังสือโบราณเล่มนั้นเข้าถึงเต๋าครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น : “ตำราเก้าเสวียนเทียน ? เหมือนว่าหว่านเอ๋อร์ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“งั้นเหรอครับ ?” เย่เฉินพูดด้วยความผิดหวังอยู่เล็กน้อย : “ผมยังนึก ไม่แน่ว่าตำราเก้าเสวียนเทียนนี่เป็นหนังสือที่ผู้อาวุโสเมิ่ง เมิ่งฉางเชิงคนนี้ประพันธ์……”
หลินหว่านเอ๋อร์บอก : “คุณพ่อไม่เคยเอ่ยถึงตำราเก้าเสวียนเทียนเลย……ฉันเองก็ไม่เคยพบซือกงมาก่อน ความเข้าใจต่อซือกงทั้งหมดฟังมาจากปากของคุณพ่อค่ะ”
เย่เฉินถามด้วยความประหลาดใจ : “คุณไม่เคยเจอเมิ่งฉางเชิง ?”
“ไม่เคยค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์บอก : “คุณพ่อออกจากเขากลับมาเป็นครั้งแรก ดิฉันเคยได้ยินคุณพ่อพูดถึงเรื่องของบรรพอาจารย์เมิ่ง คุณพ่อเองก็พยายามให้ดิฉันเรียนรู้ปราณทิพย์ แต่ดิฉันไม่มีปัญญาจริง ๆ เลยไม่สามารถเข้าสำนักใหญ่ของนักบำเพ็ญเพียรได้ หากว่าดิฉันสามารถเรียนรู้ปราณทิพย์ได้ บางทียังพอมีโอกาสไปพบเจอบรรพอาจารย์เมิ่ง ได้เห็นท่วงท่าอันสง่างามของเขา”
จู่ ๆ เย่เฉินนึกอะไรขึ้นได้ เลยยิ้มบอก : “ภาพเหมือนที่นายหญิงใหญ่เจียงมอบให้ผมซ่อนอยู่ที่คฤหาสน์ช็องเซลีเซียนสปา หากว่าคุณสนใจ ไว้ผมเอามาให้คุณดูนะ”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยความอยากไป : “ดิฉันไม่รู้ว่าซือกงหน้าตาเป็นยังไงในหลายปีมานี้เลย การได้เห็นภาพเหมือนของเขานับว่าสมความปรารถนาแล้ว”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามเธออีกครั้ง : “จริงสิ แม้ว่าคุณไม่ได้เรียนรู้ปราณทิพย์ แต่กลับสามารถมีภูมิคุ้มกันต่ออุบายที่ผมลบความทรงจำ นี่น่าจะเป็นสรรพคุณของยายั้งอายุเหมือนกันสินะครับ ?”
“ใช่แล้วค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วบอก : “หลังจากทานยายั้งอายุไปแล้ว แม้ว่าดิฉันยังคงไม่สามารถควบคุมปราณทิพย์ได้ แต่ดิฉันกลับมีความสามารถในการรับรู้ปราณทิพย์ ดิฉันสามารถรับรู้ปราณทิพย์บนตัวของคุณพ่อ และสามารถรับรู้ปราณทิพย์บนต้นแม่ชาผูเอ่อร์ต้นนั้นในตอนนั้น และสามารถรับรู้ปราณทิพย์บนตัวของคุณชายได้ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งปราณทิพย์ที่คุณพยายามลบความทรงจำของฉันที่ยุโรปเหนือในวันนั้นด้วย และในตอนนั้นดิฉันจึงพบว่าอุบายที่คุณชายใช้ปราณทิพย์สะกดจิตรวมทั้งใช้ปราณทิพย์ลบความทรงจำ ไม่ได้ผลกับฉัน”
นับตั้งแต่ตอนนั้นที่หลินหว่านเอ๋อร์เรียกตัวเองว่าหว่านเอ๋อร์ต่อหน้าตัวเอง เย่เฉินก็เดาออกว่าอุบายของตัวเองไม่ได้ผลกับเธออย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เย่เฉินนึกไม่ถึงคือ หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับมีความสามารถในการรับรู้ปราณทิพย์ที่เฉียบแหลมเช่นนี้เลย
เขาถามด้วยความตกใจไม่หยุด : “เมื่อกี้คุณพูดว่า บนต้นแม่ชาผูเอ่อร์ต้นนั้นในตอนนั้นมีปราณทิพย์ด้วย เป็นเรื่องจริงเหรอครับ ? ทำไมต้นไม้หนึ่งต้นถึงได้มีปราณทิพย์ ? !”
“จริงค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์พูดจริงจัง : “ต้นแม่ชาผูเอ่อร์ไม่เพียงแต่มีปราณทิพย์ ยังทรงพลังมากอีกด้วย น่าเสียดายเพียง หลังจากถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่าตายไป ปราณทิพย์ทั้งหมดบนตัวของมันเลยหายไปหมดเกลี้ยง”
เย่เฉินอุทานตกใจไม่หยุด หางตาอดไม่ได้ที่จะมองไม้ฟาดสายฟ้าท่อนนั้นที่หลินหว่านเอ๋อร์หยิบออกมาเมื่อครู่ และแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ : “ไม้ฟาดสายฟ้าที่หวั่นถิงมอบให้ฉันในตอนแรก เป็นการก่อตัวจากการที่แก่นของไม้เสว่หลงถูกฟ้าผ่า กลั่นเป็นยันต์ฟ้าร้อง อานุภาพน่ากลัว ไม้ฟาดสายฟ้าท่อนนี้ของหลินหว่านเอ๋อร์เป็นไม้ฟาดสายฟ้าต้นผูเอ่อร์หมื่นปี และเป็นไม้ฟาดสายฟ้าที่ล้มเหลวจากการผ่านเคราะห์สวรรค์ ถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่า หากว่าสามารถใช้มันกลั่นไม้ฟาดสายฟ้า เกรงว่าอานุภาพจะยิ่งมากขึ้นสินะ ?”