ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5593 สะเทือนฟ้าดิน(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5593 สะเทือนฟ้าดิน(2)
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของสายฟ้านี้ ก็เทียบได้กับกระสุนปืนใหญ่เลยเชียว!
เมื่อเทียบกันแล้ว มีดคุไนไม้ที่ผู้มีพระคุณให้เขามา พลังนั้นก็เหนือกว่ามาก!
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งที่ตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด ยืนอยู่ที่ข้างๆหลุม มองดูยันต์ฟ้าร้องที่ไม่มีความเสียหายใดๆแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง“พลังของไม้ฟาดสายฟ้านี้น่าเกรงกลัวอย่างมาก!มีมันแล้ว ต่อไปหากต้องเจอกับคนที่แข็งแกร่งกว่าเรา ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยากอีกต่อไป!ดูท่าการมาเมืองจินหลิงในครั้งนี้ของเรา ช่างโชคดีเสียจริง!”
คิดมาถึงตรงนี้ ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งก็ทอดถอนใจ“เพียงแค่ของชิ้นนี้สูบเอาปราณทิพย์เป็นจำนวนมาก เพียงปล่อยไปครั้งเดียว ก็สูบเอาปราณทิพย์เราไปหนึ่งในสามส่วน ดูท่าในอนาคตจะใช้มันพร่ำเพรื่อไม่ได้ ปราณทิพย์ที่สูญเสียไปเมื่อครู่ คงต้องรอให้เสร็จสิ้นภารกิจ ค่อยร้องขอโอสถเสริมกำลังกับผู้มีพระคุณแล้ว……”
พูดจบเขาก็เก็บยันต์ฟ้าร้องนี้อย่างระวังไว้กับตัวอย่างนึกเสียดาย อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“ความรู้สึกของการเรียกสายฟ้าได้เมื่อครู่ ช่างน่าตื่นเต้นมากจริงๆ!ราวกับฉันได้หลอมรวมไปกับจักรวาล ช่างวิเศษมากจริงๆ!เพียงแค่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป บวกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่มีเวลาพอให้ฉันได้ค่อยๆซึมซับมัน หากเกิดขึ้นอีกครั้งคงดีไม่น้อย!”
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อ แล้วถือยันต์ฟ้าร้องนั้นเอาไว้ในมือ
แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็ปล่อยมือ แล้วชักมือออกจากเสื้อ ปากพูดพึมพำว่า “ไม่ได้ ของสิ่งนี้ต้องใช้ปราณทิพย์เป็นจำนวนมาก หากจะทำมันอีกครั้ง ในระยะเวลาอันสั้นนี้พลังจะถดถอยลงอย่างมาก เกรงว่าจะทำให้ภารกิจนั้นสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ อดทนอีกหน่อยดีกว่า!”
ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งไม่รู้ ว่าการปล่อยยันต์ฟ้าร้องนี้ เหตุผลที่ต้องใช้ปราณทิพย์มากขนาดนี้ ล้วนเป็นเพราะความตั้งใจของเย่เฉิน
จากนั้น เขาก็หยิบเอาแหวนหยกปานจื่อออกมา ในใจแอบคิด“แล้วแหวนปานจื่อนี้มีประสิทธิภาพยังไง?ดูๆไปแล้วเหมือนค่ายกลที่ต้องไปกระตุ้นมัน หรือจะเป็นยันต์ขลัง?หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ของชิ้นนี้จะลองผลีผลามไม่ได้ หากเกิดสูญเสียประสิทธิภาพนั้นไป ความเสียหายจะไม่ใหญ่โตเลยเหรอ ?”
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็เก็บแหวนปานจื่อไว้กับตัว พูดอย่างตื่นเต้นว่า“เมืองจินหลิงช่างสมกับคำร่ำลือของเมืองเก่าแห่งหกราชวงศ์เสียจริง มาถึงแค่วันเดียวก็ได้เครื่องมือทางธรรมมาแล้วสองชิ้น หากรออีกสักสองสามวัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีอย่างอื่นตามมาอีก !”
ฉับพลัน ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งก็ตัดสินใจ ว่าในช่วงสองสามวันนี้ จะยังไม่ลงมือทำอะไรกับคนของตระกูลอาน พรุ่งนี้ไปหาจางเอ้อเหมาที่ตลาดของโบราณอีก ดูว่าจะถามหาเอากับนายหน้าของเขาได้ไหม เพื่อจะได้เครื่องมือทางธรรมเพิ่มมาอีก!
……
ในเวลาเดียวกัน
เย่เฉินยังคงมองไปยังก้อนเมฆที่ดำทมิฬบนยอดเขาเฟิ่งหวงทางฝั่งตะวันตก ในใจยังคงลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
สิ่งที่เขายังคงลังเลไม่แน่ใจนั้นคือ ตัวเองจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์โดยตรงจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง เพื่อไปเจอกับอีกฝ่ายที่เขาเฟิ่งหวงดีหรือไม่
หากรีบเดินทางไปในตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอท่านเอิร์ลขององค์กรพั่วชิงที่เขาเฟิ่งหวงก็เป็นได้
เพราะยังไงตอนนี้ตัวเองก็รู้หน้าตาของเขาแล้ว หากเจอตัวเขาในป่า ก็สู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย เป็นไปได้ก็สังหารโดยตรง !
แต่ว่า เย่เฉินก็ปัดตกความคิดนี้ในทันที
หากรีบตามไปในตอนนี้ จะหาตัวอีกฝ่ายเจอได้หรือไม่นั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้ หรือต่อให้จะหาตัวเขาเจอ เกรงว่าตัวเองก็คงไม่สะดวกที่จะเปิดศึกกับเขา
เพราะในตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากทั้งสองคนประมือกันขึ้นมาจริงๆ และตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ในทันที ก็อาจจะดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกได้
และหากเรื่องการมีปราณทิพย์ของตัวเองถูกเปิดเผย เกรงว่าก็อาจจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสังคมได้
ดังนั้น เย่เฉินจึงลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วละทิ้งความคิดที่จะเดินทางไปเขาเฟิ่งหวง
ส่วนจะจัดการกับคนคนนี้ยังไงนั้น ยังต้องคิดการวางแผนในระยะยาว!
ทว่า ในเมื่ออีกฝ่ายได้ยันต์ฟ้าร้องไปแล้ว แผนการสังหารอีกฝ่ายในอนาคตของเย่เฉิน โอกาสที่จะชนะก็ยิ่งจะมีมากขึ้น!