ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5558 ดูมีของจริงๆ (2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5558 ดูมีของจริงๆ (2)
เย่เฉินถามด้วยความสงสัย“ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?เมืองจินหลิงของเราก็ไม่ใช่เมืองแห่งการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด ทำซะใหญ่โตขนาดนี้มันดูจะเกินตัวไปหรือเปล่าครับ ?”
เซียวฉางควนกล่าว“ไม่สำคัญว่าเมืองจินหลิงจะเป็นเมืองของการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดหรือเปล่า ขอแค่เมืองจินหลิงมีผลงานการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดโบราณที่ยอดเยี่ยมก็พอ ดังนั้นตอนนี้พวกเราต่างก็กำลังรวบรวมผลงานที่มีชื่อเสียงจากนักสะสมทั่วเมืองจินหลิงอยู่ นี่เป็นขั้นตอนแรกภายในของเรา ประธานของเรา และรองประธานคนอื่นๆของเราตอนนี้ก็มีงานเขียนพู่กันจีนและภาพวาดโบราณอยู่กันไม่น้อย ส่วนฉันรองประธานาธิบดีไม่คู่ควรที่สุด แม้จะรองลงมา แต่ในมือไม่มีอะไรเลย เราช่วยดูหน่อยว่าพอจะหาซื้อที่ไหนมาได้สักสองสามชิ้นไหม?ไม่ได้จริงๆก็เอาแบบที่พอจะหยิบยืมมาก็ได้ รองานนิทรรศการอักษรวิจิตรและจิตรกรรมนี้เสร็จสิ้นพ่อก็จะคืนมันให้เราเลย !”
เย่เฉินถามด้วยความสงสัย“พ่อครับ วันนี้ไปตลาดของโบราณไม่ได้ถามจางเอ้อเหมาเหรอครับ?เขาเป็นพวกมีช่องทางอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“จางเอ้อเหมา?”เซียวฉางควนเบ้ปากแล้วพูดว่า“เราไม่รู้อะไร ไอ้เจ้าหมอนั่นเป็นพ่อค้าหน้าเลือดโดยแท้ ไม่กี่ปีก่อนไม่รู้เขาไปเรียนรู้มาจากใคร ทำงานเขียนและภาพวาดพู่กันปลอมขึ้นมา แล้วขายมันให้กับคนที่รับซื้อของโบราณคนญี่ปุ่น คนเกาหลี สุดท้ายเรื่องราวก็ลุกลามบานปลายไปถึงที่สถานทูต ฉันไปให้เขาช่วยเหลือ เกิดเขาทำของปลอมขึ้นมาให้ฉันอีก ถึงเวลาหน้าของฉันก็คงต้องอับอายไปทั่วโลกแน่ ”
เย่เฉินไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็จึงถามด้วยความสงสัย“มีเรื่องแบบนี้กับจางเอ้อเหมาด้วยเหรอครับ?แล้วหลังจากนั้นล่ะ?จัดการกันยังไง ?”
เซียวฉางควนกล่าว“จะว่าไปแล้วจางเอ้อเหมาก็มีความสามารถอยู่พอตัวจริงๆ ก่อนหน้านั้นเขาได้วางกับดักกับชาวต่างชาติเหล่านั้นเอาไว้ ขายเครื่องทองสัมฤทธิ์ปลอมให้พวกเขา แล้วยังเรียกเก็บเงินจำนวนมากจากพวกเขา ส่งออกไปต่างประเทศให้พวกเขา คนต่างชาติเหล่านั้นก็นึกว่าได้เจอสมบัติล้ำค่าแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้สิ่งนี้มาข่มขู่ชาวต่างชาติเหล่านั้น ว่าเต็มที่ก็ยอมไปมอบตัว ทุกคนก็ติดร่างแหไปด้วย เข้าคุกไปพร้อมกัน คนญี่ปุ่นกับคนเกาหลีเหล่านั้นจะกล้าดียังไงมาติดคุกที่ในหัวเซี่ยได้ และสุดท้ายมันก็จบโดยที่ไม่มีบทสรุป”
พูดมาถึงตรงนี้ เซียวฉางควนก็อดไม่ได้ที่จะจิ๊ปากและถอนหายใจ“จิ๊จิ๊ จะว่าไปจางเอ้อเหมาคนนี้ ก็ช่างเป็นคนมีของเสียจริง”
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า“พ่อครับ พ่อไม่เคยเห็นจางเอ้อเหมาขาย《โมนาลิซา》 หากพ่อได้เห็น ก็จะต้องตกตะลึงแน่นอน ”
เซียวฉางควนเอ่ยถามด้วยความสงสัย“จางเอ้อเหมาขาย《โมนาลิซา》?นี่มันมุกอะไรกัน ?”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม“เป็นคำบอกเล่าที่ผมได้ยินมาเหมือนกันครับ ได้ยินว่าก่อนหน้านั้นเขาขายภาพวาดหมึกจีนโมนาลิซาให้กับชาวฝรั่งเศสไปคนหนึ่ง ยังขายได้เงินจำนวนไม่น้อยด้วย”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”เซียวฉางควนพูดด้วยความประหลาดใจ“สมองของชาวต่างชาติคนนั้นโดนลาเตะมาหรือไงถึงได้โง่แบบนี้?《โมนาลิซา》ก็อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”
เย่เฉินโบกมือ“ที่แขวนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นผลงานการลอกเลียนแบบของดาวินชี ต้นฉบับเดิมเป็นของจ้าวเมิ่งฝู่จิตรกรชาวจีนในสมัยราชวงศ์หยวนของเรา”
“นี่มันอะไรกัน……”เซียวฉางควนรู้สึกมึนงงไปหมด“นี่พ่อลูกเขย เราพูดอะไรกัน ทำไมจ้าวเมิ่งฝู่ถึงไปเกี่ยวข้องอะไรกับ《โมนาลิซา》ได้?แล้วอีกอย่าง เขากับดาวินชีคนนี้ก็อายุห่างกันมาก น่าจะเกือบสองร้อยปีได้……”
เซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า“ที่รัก อย่าไปแกล้งพ่อแบบนั้น……”
เย่เฉินหัวเราะร่า แล้วพูดว่า “พ่อ ไม่พูดเล่นกับพ่อแล้ว กินข้าวกันเถอะครับ !”
เซียวฉางควนได้สติกลับมา และพูดอย่างไม่พอใจ“เจ้าลูกเขย แกล้งพ่อเนี่ยไม่เป็นไรหรอกนะ แต่เรื่องที่พ่อบอกเราไปเมื่อกี้อย่าลืมเชียวล่ะ”
“ภาพวาดตัวหนังสือพู่กันใช่ไหมครับ?”เย่เฉินพยักหน้าและพูดว่า“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจัดการให้เอง ต้องการเท่าไรครับ?”
เซียวฉางควนครุ่นคิด และพูดว่า“ท่านประธานของเราบอกว่าเขาเตรียมจะเอาภาพวาดตัวหนังสือพู่กันนี้มาห้าภาพ ฉันรองลงมา น้อยกว่าเขาหน่อย เอาสี่ภาพแล้วกัน !”
เย่เฉินพยักหน้า“ได้ครับ ผมจะจัดการให้เอง”