ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5537 ผู้มีพระคุณคือเขาจริงๆ (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5537 ผู้มีพระคุณคือเขาจริงๆ (1)
เมื่อเห็นซ่งหวั่นถิง อานโฉงชิวก็ยิ้มให้อย่างสุภาพและพูดว่า“สวัสดีครับคุณซ่ง เจอกันอีกแล้ว ต้องขอขอบคุณที่สละเวลาเจอผม ”
ซ่งหวั่นถิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เกรงใจไปแล้วค่ะ ”
พูดจบ เธอก็เชิญอานโฉงชิวให้นั่งลงที่ตรงโซฟา ส่วนตัวเองนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอานโฉงชิว เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“ไม่ทราบว่าที่คุณอานมาพบฉันครั้งนี้ มีธุระอะไรคะ?”
อานโฉงชิวรีบพูดตอบ“คืออย่างนี้ครับคุณซ่ง ในงานประมูลยาอายุวัฒนะครั้งก่อน ผมมีความเกินเลยไปจริงๆ ละเมิดกฎการประมูล ดังนั้นก็จึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ที่มาวันนี้ ก็ อยากจะขอโทษคุณ กับผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าของยาอายุวัฒนะคนนั้นครับ ”
ซ่งหวั่นถิงยกยิ้ม และพูดว่า“คุณอานไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเพื่อขอโทษกับเรื่องนี้เลย เรื่องราวในครั้งนั้น ทางงานประมูลก็ได้ตำหนิและลงโทษกับพฤติกรรมของคุณไปแล้ว คุณได้ชดใช้ให้กับการกระทำนั้นของคุณแล้ว ดังนั้นก็จึงไม่จำเป็นต้องมาเพื่อขอโทษกับเรื่องนั้นอีก”
อานโฉงชิวแอบตบปากตัวเอง ไม่คิดว่าซ่งหวั่นถิงจะรับมือยากอย่างนี้ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษก็เพื่ออยากจะแสดงให้เห็นว่ายอมที่จะอ่อนข้อให้แล้ว แต่เธอกลับไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ก้มหัวเลย
อันที่จริง ในใจของซ่งหวั่นถิงนั้นก็เคารพนับถืออานโฉงชิวอยู่มาก
ความเคารพนับถือนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานะลูกชายคนโตของตระกูลอานเลยแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาเป็นน้าชายใหญ่ของเย่เฉิน
สำหรับเย่เฉิน ซ่งหวั่นถิงรู้สึกไม่มีอะไรจะตอบแทนได้มานานแล้ว กับญาติผู้ใหญ่ของเย่เฉิน ก็ย่อมจะยิ่งต้องเคารพนับถือ
แต่ปัญหาคือ เย่เฉินในตอนนี้ยังไม่คิดจะทำความรู้จักกับคนของตระกูลอาน ดังนั้นซ่งหวั่นถิงก็จึงไม่กล้าที่จะแสดงความนับถือใดๆกับอานโฉงชิว เพราะเรื่องเมื่อครั้งในงานประมูล อานโฉงชิวก็มาหาถึงที่แล้วยังยอมที่จะก้มหัวให้ หากเธอมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยกับเขา เขาจะต้องสังเกตเห็นความผิดปกติอย่างแน่นอน
อานโฉงชิวในตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะโมโหหรือไม่พอใจใดๆ ทำเพียงยิ้มกลบเกลื่อน แล้วพูดอย่างระมัดระวัง“คุณซ่ง พูดตามตรง ผมรู้สึกเคารพเลื่อมใส เจ้าของยาอายุวัฒนะเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านั้นที่ในงานประมูลเพราะพ่อของผมป่วยหนัก จึงต้องการยาดีเพื่อมารักษา ดังนั้นเพราะความร้อนใจก็จึงเสียมารยาทไป หวังว่าคุณซ่งจะช่วยผมอธิบายกับเขาได้ เพื่อขอการอภัยจากเขา”
ซ่งหวั่นถิงยิ้มและพูดว่า“คุณอานคิดมากไปแล้ว ในวันนั้นสิ่งที่คุณทำคือผิดกฎของการประมูล กับตัวเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย ตรรกะนี้เป็นเหมือนกับกฎจราจรที่มีฝ่ายควบคุมกำหนด เมื่อคุณขับรถไปชนใครเข้า ก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษฝ่ายควบคุมการจราจร และไม่จำเป็นต้องได้รับการให้อภัยจากฝ่ายควบคุมการจราจร”
อานโฉงชิวรู้สึกเหมือนเป็นถูกบอลที่ถูกเตะกลับเข้าไปที่จุดเดิมซ้ำๆ
และก็เป็นอีกครั้ง ที่เขารวบรวมความกล้า เอ่ยพูดขึ้นว่า“คุณซ่ง ผมขอพูดตามตรงเลยแล้วกัน ผมมีบางเรื่อง ที่อยากได้รับการยืนยันซึ่งๆหน้าจากเจ้าของยาอายุวัฒนะนี้ หวังว่าคุณจะช่วยแนะนำด้วย ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ตระกูลอานก็จะจดจำความมีน้ำใจนี้ของคุณซ่งเอาไว้!”
ซ่งหวั่นถิงเม้มปากแล้วยิ้ม พูดอย่างจริงจัง“คุณอาน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วยคุณ เพียงแค่คนที่คุณอยากจะพบคนนั้น ตั้งแต่เมื่อครั้งงานประมูล ก็ได้ไปจากเมืองจินหลิงแล้ว ”
“ไปจากเมืองจินหลิงแล้ว?”อานโฉงชิวรีบถามกลับในทันที“ไม่ทราบว่า คุณซ่งรู้หรือเปล่าว่าเขามีชื่อแซ่อะไร ?”
ซ่งหวั่นถิงส่ายหน้า “ฉันไม่ทราบค่ะ”
อานโฉงชิวถามด้วยความสงสัย“คุณซ่ง คุณคนนี้ร่วมงานกับซ่งซื่อกรุ๊ปของคุณ ยาอายุวัฒนะของเขามีพวกคุณเป็นตัวแทนในการประมูล จำนวนเงินมากมายที่ขายได้ก็มีพวกคุณเป็นคนคอยดูแลจัดการ การร่วมงานกันที่ใกล้ชิดสนิทกันเช่นนี้ คุณจะไม่รู้ตัวตนของเขาได้ยังไง? หากคุณซ่งพอจะเปิดเผยตัวตนของเขาเพียงเล็กน้อย ตระกูลอานจะตอบแทนอย่างเต็มที่แน่นอน !”
ซ่งหวั่นถิงตอบกลับ“เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ตระกูลซ่งของเราโชคดีที่ได้รับการเลือกจากเขา ให้เป็นตัวแทนจัดงานประมูลยาอายุวัฒนะ ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาอย่างมาก จะยังไปสืบค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ยังไง?ส่วนเงินของการประมูล หากฉันบอกคุณ ว่าเงินก้อนนั้นจนในตอนนี้ยังอยู่ในบัญชีของงานการประมูล คุณเขาไม่ได้เอาไป คุณจะเชื่อไหมคะ?”
ฉับพลันอานโฉงชิวก็เงียบไป
เขารู้ ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ตัวเองจะเชื่อหรือไม่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นตัวเองก็ไปพิสูจน์อะไรไม่ได้
ภายใต้การไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างยิ่งว่า“พูดตามตรงนะคุณซ่ง ก่อนหน้านั้นตระกูลอานของเราได้ประสบกับภัยพิบัติที่ร้ายแรง โชคดีที่มีบุคคลลึกลับคนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ในช่วงเวลาที่สำคัญ และบุคคลลึกลับคนนี้ก็ได้ช่วยเพื่อนสนิทของผมที่กำลังจะตายเอาไว้ด้วย ที่ผมมาในครั้งนี้ ก็เพื่ออยากจะได้รับการยืนยัน ว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเราไว้คนนั้น กับคุณคนที่คุณกล่าวถึงคนนี้ ใช่คนเดียวกันหรือไม่ ”
พูดจบ เขาก็พูดด้วยใบหน้าที่อ้อนวอนว่า“คุณซ่งต้องมีข้อมูลการติดต่อของคุณเขาเป็นแน่ ผมไม่ขอช่องทางการติดต่อของเขาจากคุณ แต่ขอแค่คุณช่วยยืนยันคำตอบกับผมเท่านั้น……”
ซ่งหวั่นถิงยกยิ้มเล็กน้อย พยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นเธอก็มองไปที่อานโฉงชิว แล้วพูดอย่างน่าตื่นตกใจว่า“คุณอานกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่ตระกูลอานกับพล.ต.ท.หลี่ต้องพบเจอมาก่อนหน้านั้นที่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ใช่ไหมคะ?”
ฉับพลันสีหน้าของอานโฉงชิวก็ตื่นตะลึง !
เรื่องที่ตระกูลอานประสบกับภัยอันตรายนั้น ไม่เคยได้เปิดเผยกับโลกภายนอกมาก่อน ดังนั้นจนในตอนนี้ก็ไม่มีใครที่ไหนรู้เรื่อง
และเมื่อครู่ที่ตัวเองเอ่ยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ไม่ได้พูดถึงเบาะแสใดๆที่มี ไม่ได้พูดถึงนครนิวยอร์ก และยิ่งไม่ได้พูดถึงสาเหตุของเรื่อง
แต่ซ่งหวั่นถิงกลับพูดถึงนครนิวยอร์กได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งก็ยังได้เอ่ยพูดถึงชื่อของหลี่ญ่าหลินด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลอานในนครนิวยอร์กวันนั้นเธอรู้มันเป็นอย่างดี
ดังนั้น เขาก็จึงถามเธอกลับในทันที “คุณซ่ง คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ?”