ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5533 กระดิ่ง(2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5533 กระดิ่ง(2)
พูดจบ จางเอ้อเหมาก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้วพูดว่า“แต่นี่คุณตั้งใจจะใช้ของจริงในสมัยราชวงศ์ชิง มาปลอมแปลงเป็นของราชวงศ์ชิงที่เพิ่งจะถูกขุดค้นพบ อันนี้ก็ง่ายมาก พูดไปก็อาจจะฟังดูน่าเกลียดสักหน่อย ก่อนอื่นผมต้องจัดการกับคราบผิวปั้นมันเงาออก แล้วไปขุดเอาดินข้างส้วมแถวชนบท เอาเครื่องในหมูต่างๆใส่เข้าไปด้านใน แล้วฝังมันไปพร้อมกับเครื่องในหมูสักหนึ่งคืน จากนั้นด้านบนก็เอาปัสสาวะราดรดลงไป วันที่สองในตอนที่ขุดออกมา ก็จะเหมือนกับของที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาเลย!”
เย่เฉินถามเขา“วิธีแบบนี้คนอื่นสามารถจะพบพิรุธอะไรไหม?”
จางเอ้อเหมาส่ายหน้า“หากคุณจะเอาของใหม่มาทำให้เก่า ให้ใครที่ไหนมาดู ก็ย่อมต้องพบข้อบกพร่องแน่นอน แต่นี่คุณเอาของจริงใส่เข้าไป แบบนี้ใครจะไปรู้ได้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้คาร์บอน-14มาตรวจสอบ ของชิ้นนี้ก็ยังเป็นของราชวงศ์ชิง ที่พวกเขาดูว่าของชิ้นนี้เพิ่งจะถูกขุดค้นพบหรือไม่ ก็จะพิจารณาจากสีและคราบผิว รวมถึงกลิ่นของมัน ดูว่ามีกลิ่นของดินจางๆ กลิ่นคาวเลือดกับกลิ่นศพหรือไม่ ขอแค่ทำสิ่งนี้ให้เรียบร้อย พวกเขาก็จะคิดว่าของสิ่งนี้เพิ่งถูกขุดขึ้นมาใหม่จริงๆ”
เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “ดี งั้นเรื่องนี้นายเป็นคนช่วยจัดการให้ทีแล้วกัน”
จางเอ้อเหมาถามอย่างสงสัย“อาจารย์เย่ คุณต้องการให้ผมทำอะไรเหรอครับ?”
เย่เฉินไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ถามเขากลับอย่างนึกสนใจว่า“จางเอ้อเหมา ตั้งแต่ที่นายติดตามหงห้า ธุรกิจในวงการของโบราณนี้ยังทำอยู่ไหม?”
จางเอ้อเหมารีบตอบกลับ“อาจารย์เย่ ผมขอขอบคุณสำหรับการดูแลของคุณและท่านห้า หลังจากที่มีโอกาสได้ติดตามท่านห้า ยังมีกะใจไปทำเรื่องค้าขายของโบราณอีกที่ไหนกัน วางมือไปนานแล้วครับ ไม่ได้สนใจอีกเลย”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง“เรื่องที่ฉันต้องการให้นายทำ ยังต้องให้นายจัดสรรเวลา กลับไปทำธุรกิจค้าขายของโบราณของนายต่อ ”
จางเอ้อเหมาถามด้วยความประหลาดใจ“อาจารย์เย่……นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ ?ผมไม่เข้าใจ ช่วยพูดอธิบายด้วยครับ”
เย่เฉินยกยิ้มเล็กน้อย หยิบเอาแหวนหยกปานจื่อกับไม้ฟาดสายฟ้าท่อนหนึ่งมา แล้วพูดกับจางเอ้อเหมาว่า“นายรอฉันก่อน ”
จากนั้น เย่เฉินก็เดินเข้ามาในห้อง ที่บนแหวนหยกปานจื่อสองวงนั้น ใช้ปราณทิพย์ร่างรูปค่ายกลขลังที่เรียบง่ายหนึ่งขึ้นมา และที่ไม้ฟาดสายฟ้า ก็ใช้ปราณทิพย์ร่ายเวทค่ายกลยันต์ฟ้าร้องที่เรียบง่ายขึ้น
ด้วยวิธีนี้ แหวนหยกปานจื่อทั้งสองวง ก็กลายเป็นแหวนป้องกันที่เรียบง่ายขึ้นมา ซึ่งสามารถจะปกป้องผู้ที่สวมใส่จากภัยอันตรายเล็กๆได้ ส่วนไม้ฟาดสายฟ้านี้ ก็จะเป็นยันต์ฟ้าร้องที่สามารถจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้วจะแตกสลายไป
หลังจากที่ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เขาก็ออกจากห้องแล้วไปที่ห้องรับแขก เอาแหวนปานจื่อสองวงกับยันต์ฟ้าร้องให้จางเอ้อเหมา สั่งกำชับว่า“นายเอาของสามอย่างนี้ไปทำก่อน ต้องทำให้เหมือนว่าพวกมันเพิ่งจะถูกขุดขึ้นมาจากดินนะ ”
จางเอ้อเหมาตอบกลับในทันที“ได้ครับอาจารย์เย่ กลับไปแล้วผมจะจัดการให้เลยทันที!หากเสร็จแล้วให้ผมเอามาคืนให้ไหมครับ?”
“ไม่ต้อง”เย่เฉินพูดเสียงเรียบ“นายไปตลาดของโบราณ หาคนสองคนที่พอจะมีไหวพริบ พ่อค้าแผงลอยที่นายสามารถจะควบคุมได้ ให้แหวนกับพวกเขาไปคนละวง และให้พวกเขาสวมใส่มัน จากนั้นคนหนึ่งให้ไปที่โถงใหญ่ของสนามบิน คนหนึ่งไปที่ทางออกของสถานีรถไฟความเร็วสูง ไปชูป้ายเพื่อรอรับคน ส่วนจะรับใครนั้น ไม่สำคัญ นายจะเขียนชื่อใครก็ได้”
“เอ่อ……”จางเอ้อเหมาใบหน้าประหลาดใจ“อาจารย์เย่ คุณต้องการจะรับใครครับ?ให้เขียนชื่อใครก็ได้ แบบนั้นก็จะรับใครไม่ได้นะครับ?”
เย่เฉินพูดเสียงเรียบ“ฉันไม่ได้จะรับใคร แต่ฉันจะรอคน !”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดอย่างจริงจัง“จางเอ้อเหมา คำพูดที่ฉันจะพูดกับนายต่อจากนี้ นายต้องจำมันไว้ให้แม่นอย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว!หากเรื่องนี้จัดการได้อย่างเรียบร้อย ฉันเย่เฉินรับปากจะให้นายเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งร่ำรวยในอนาคต!”
เมื่อจางเอ้อเหมาได้ยินคำนี้ ก็ลุกนั่งตัวตรงในทันทีด้วยความตื่นเต้น พูดอย่างเคารพ“อาจารย์เย่สั่งมาได้เลยครับ!เอ้อเหมาจะทำอย่างสุดความสามารถครับ!”
เย่เฉินพยักหน้า และพูดขึ้นอย่างช้าๆชัดๆว่า“นายจ่ายค่าจ้างสูงๆ ให้พวกเขาสองคนไปสนามบินกับสถานีรถไฟความเร็วสูงในทุกวันตั้งแต่เวลาเปิดประตูจนถึงเวลาปิด กระทั่งมีคนมาถามถึงแหวนหยกปานจื่อของพวกเขาสองคนที่สวมใส่ นายต้องให้พวกเขาสองคนตอบไปอย่างชัดเจนว่าซื้อมาจากนาย และบอกพวกเขาไปด้วยว่า หากอีกฝ่ายจะขอซื้อต่อจากพวกเขาในราคาสูง ก็ให้พวกเขาเสนอขายไปตามราคาในท้องตลาดที่บวกเพิ่มไปอีกร้อยเท่า ขาดแม้แต่บาทเดียวก็ห้ามขายเด็ดขาด ”
แม้จางเอ้อเหมาจะฟังแล้วยังคงรู้สึกมึนงงอยู่ แต่ก็เข้าใจในความหมายที่มีของเย่เฉิน รีบพูดตอบว่า“อาจารย์เย่ได้โปรดวางใจ ผมจะทำตามนั้นครับ !”