ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5456 ผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของเย่เฉิน(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5456 ผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของเย่เฉิน(1)
เมื่อเฉินจื๋อข่ายเห็นหงห้ายังคงลีลา ก็จึงพูดเยาะเย้ยไปว่า“พอได้แล้วหงห้า ฉันจะไม่รู้จักนายหรือไง?นายเองก็คงว่างมากจึงมาพูดล้อเล่นกับฉัน!ฉันอายุเข้าเลขสี่แล้ว ส่วนนายก็เข้าเลขห้า เราสองคนจะมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันได้ยังไง?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆนะเหล่าเฉิน !”หงห้าพูดอย่างเศร้าใจ“เราสองคนก็ถือว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา นายคิดว่าฉันจะเอานายมาล้อเล่นด้วยอย่างนั้นเหรอ ?”
พูดจบ เขาก็รีบพูดต่อ“เอาล่ะเหล่าเฉิน ฉันไม่อยากจะลีลากับนายแล้ว พูดตามตรงแล้วกัน นายคงรู้เรื่องที่อาจารย์เย่กำลังปรับปรุงน้ำพุร้อนช็องเซลีแล้วใช่ไหม นายรู้ไหมว่าอาจารย์เย่ปรับปรุงที่นี่ไว้ทำอะไร ?”
เฉินจื๋อข่ายตอบ“รู้สิ คุณชายอยากจะทำมันให้เป็นสถานที่ฝึกฝนผู้เก่งกาจวิชาบู๊ไม่ใช่เหรอ?แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราสองคนด้วย?”
หงห้าหัวเราะแหะๆ“ วันนี้ฉันรวบรวมความกล้าแล้วพูดขอกับอาจารย์เย่ไป ว่าเราสองคนก็อยากจะฝึกวิถีบู๊นี้เหมือนกัน อยากจะขอร้องเขาให้โอกาสเราสองคนด้วย……”
เมื่อเฉินจื๋อข่ายได้ยินคำนี้ ก็เอ่ยถามกลับอย่างตื่นเต้นไปว่า“คุณชายเขาว่ายังไง ?!”
หงห้าพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูนายนี่ยังไง ฉันบอกว่าเราสองคนจะได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกัน นายยังไม่เข้าในคำพูดของฉันอีก?”
เฉินจื๋อข่ายพูดโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น“คุณชายตอบตกลงแล้วเหรอ?!”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”หงห้าพูดอย่างหัวเราะชอบใจ“อาจารย์เย่บอกแล้ว ว่าการฝึกอบรมนี้เป็นระบบการสอนที่เริ่มตั้งแต่ศูนย์ เราสองคนไม่มีพื้นฐานของวิถีบู๊ ครั้งนี้มีโอกาสที่จะได้ศึกษาและฝึกไปพร้อมกัน !”
“เยี่ยมไปเลย!”น้ำเสียงของเฉินจื๋อข่ายนั้นดีใจอย่างมาก พูดอยู่ซ้ำๆว่า“หงห้า……โอ้ไม่ใช่ พี่ห้า!พี่ห้าที่แสนดีของฉัน!ครั้งนี้พี่ได้ช่วยน้องชายคนนี้ให้สมปรารถนาแล้ว !”
ก่อนหน้านี้ แม้เฉินจื๋อข่ายกับหงห้าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่สถานะของคนทั้งสองนั้นก็ยังมีช่องว่างระหว่างกันอยู่พอสมควร
เฉินจื๋อข่ายเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ในเมืองจินหลิง แต่หงห้านั้นเป็นเพียงนักเลงปลายแถวทั่วไปในตอนนั้น ดังนั้น สังคมแรกเริ่มของเฉินจื๋อข่าย ก็จึงสูงส่งกว่าหงห้าอย่างมาก
บวกกับ เฉินจื๋อข่ายเป็นลูกน้องสายตรงของเย่เฉินเอง ส่วนหงห้านั้นเป็นลูกน้องที่เย่เฉินรับเข้ามาในภายหลัง มองจากแค่ในส่วนนี้ สถานะของเฉินจื๋อข่ายก็สูงกว่าหงห้ามาก
หากจะเอามาเทียบกันหงห้าก็รู้ตัวเองดี ดังนั้นต่อให้เขาจะมีอายุมากกว่าเฉินจื๋อข่ายหลายปี แต่เมื่อต้องเจอกับเฉินจื๋อข่าย ก็ยังต้องเอ่ยเรียกอย่างเคารพว่าผู้จัดการทั่วไปเฉิน
และคำว่าพี่ห้าของเฉินจื๋อข่ายนี้ ก็ราวกับสะกิดไปที่ก้นบึ้งของหัวใจหงห้า ทำเอาเขารู้สึกชื่นใจ และเบิกบานใจอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เหลิงเพราะคำว่าพี่ห้าที่เฉินจื๋อข่ายเรียก แต่หัวเราะร่าแล้วพูดว่า“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เราสองคนมีมิตรภาพที่ดีต่อกันจนสละชีวิตเพื่อกันและกันได้ นายยังต้องเกรงใจแบบนี้ทำไม?สองสามวันนี้นายก็รีบจัดการเรื่องทางโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงให้เรียบร้อย รอทางนี้เริ่มเปิดการเรียนการสอนเมื่อไร นายคงต้องอยู่ที่นี่ยาวๆไปเลยล่ะ !”
“ไม่มีปัญหา!”เฉินจื๋อข่ายพูดอย่างไม่ต้องคิด “งั้นฉันจะจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด !”
พูดจบ เขาก็ถามอย่างเป็นกังวลว่า“พี่ห้า พี่ว่าสภาพของเราสองคน ทั้งเรื่องอายุ ยังเข้าสู่เส้นทางวิถีบู๊ได้อีกเหรอ?ฉันได้ยินมาว่า เส้นทางวิถีบู๊นั้นไม่ง่ายเลย แล้วยังชี่เฉินตันเถียนอะไรนั้นอีกไม่ใช่ว่าใครก็จะทำมันได้ง่ายๆนะ คนส่วนใหญ่ฝึกมาทั้งชีวิตก็ยังไม่รู้เลยว่าจุดตันเถียนนั้นอยู่ที่ไหน……”
“นายกลัวอะไร……”หงห้าพูดโพล่งออกไป“นายคิดว่าอาจารย์เย่จะปล่อยให้เราสองคนได้ปะปนเข้าไปอยู่ในหมู่ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเหรอ?เราสองคนก็ถือว่าเป็นคนสนิทของอาจารย์เย่เหมือนกัน หากเราสองคนทำอะไรไม่ได้ในระหว่างการฝึกนี้เลย อย่างนั้นอาจารย์เย่ก็ต้องเสียหน้าด้วยนะสิ!”
เฉินจื๋อข่ายถามเขา “พี่หมายความว่า ในเมื่อคุณชายให้เราสองคนไป ก็ย่อมต้องช่วยเหลือเราในหลักพื้นฐานวิชาเบื้องต้นงั้นเหรอ?”
หงห้าพูดอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด“ก็ย่อมต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว นายยังไม่รู้นิสัยของอาจารย์เย่อีกเหรอ?ขอแค่เป็นคนที่เขาอยากจะช่วย เขาต้องช่วยให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน !”