ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5438 เจ้าสำนักคนที่สี่สิบ 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5438 เจ้าสำนักคนที่สี่สิบ 1
คำถามของหลงซือฉี ทำให้หงฉางชิงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรไปชั่วขณะ
จะให้เขาบอกศิษย์สืบทอดของตนเองว่า หลังจากนี้ไปตนเองจะอยู่ที่จินหลิง ทำงานรับใช้เย่เฉินก็คงไม่ได้ว่าไหมล่ะ?
ดังนั้น เขาจึงได้แต่กล่าวกับหลงซือฉี: “ซือฉี อาจารย์อยู่เต๋าไท่เจินในหลายปีมานี้ ก็นับว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตอนนี้อายุมากแล้ว เลยอยากใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ เธอดูนะที่จินหลิงมีทิวทัศน์งดงาม อากาศดีตลอดทั้งปี สอดคล้องกับความชื่นชอบของอาจารย์มาก ดังนั้นอาจารย์เลยเตรียมตั้งรากฐานอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง และลองดูว่าจะสามารถทำให้ผลการฝึกฝนมีการบรรลุได้หรือไม่”
หลงซือฉีขมวดคิ้วเอ่ยถาม: “อาจารย์ หลายปีมานี้ อาจารย์ใช้เวลาส่วนมากในการเก็บตัวฝึกฝน ในตอนที่นายหญิงใหญ่อานเชิญอาจารย์ลงจากเขา อาจารย์ก็กำลังปิดตัวฝึกฝนอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ตอนนั้นอาจารย์ยังบอกกับเขาว่า รอท่านช่วยคุณท่านตระกูลอานให้มีชีวิตกลับมาได้ก็จะกลับไปเก็บตัวฝึกตนที่สำนักอีกครั้ง แต่จากนั้นอาจารย์ก็มาที่จินหลิงอย่างไม่บอกไม่กล่าว ตอนนั้นทำไมจู่ ๆ ถึงได้บอกว่าจะสละตำแหน่งเจ้าสำนัก ตั้งรากฐานที่จินหลิง?”
หงฉางชิงได้แต่กล่าวอธิบาย: “คนเราน่ะ อยู่ที่ที่หนึ่งนานเกินไป ความทะเยอทะยานก็จะลดลง ดังนั้นฉันก็เลยอยากเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมหน่อย”
หลงซือฉีมองดูหงฉางชิง และหันไปมองเย่เฉินที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา: “อาจารย์คะ ต่อให้ที่อาจารย์พูดมานั้นเป็นความจริง ท่านอยากถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักให้ศิษย์ ก็ไม่ควรที่จะให้ศิษย์มาที่จินหลิง ตามขนมธรรมเนียมของเต๋าไท่เจิน พิธีถ่ายทอดตำแหน่ง จะต้องกลับไปที่สำนัก จัดพิธีขึ้นต่อหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่น ๆ ในสำนัก”
หงฉางชิงโบกมือด้วยความเคอะเขิน กล่าว: “ปัดโธ่ ที่เธอพูดมานั้นล้วนเป็นพิธีการที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ในเมื่อเป็นการถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก ฉันก็แค่ถ่ายทอดตำแหน่งให้เธอก็เสร็จแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ จะอยู่ในสถานการณ์หรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ถึงตอนนั้นเธอนำของแทนกายเจ้าสำนักกลับไป พวกเขาก็จะเคารพเธอในฐานะเจ้าสำนักคนใหม่เอง”
หลงซือฉีกล่าวด้วยความไม่พอใจนัก: “อาจารย์ ถึงยังไงนี่ก็เป็นขนบธรรมเนียมของเต๋าไท่เจิน อาจารย์เป็นเจ้าสำนักของเต๋าไท่เจิน ก็ไม่ควรเมินเฉยต่อขนบธรรมเนียมของเต๋าไท่เจินใช่ไหมล่ะคะ? อีกอย่าง อาจารย์เลือกสถานที่มักง่ายไปหน่อยไหม อาจารย์เคยเห็นสำนักไหนบ้าง ที่ถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักในห้องพักในโรงแรม?”
หงฉางชิงได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าอับอายจนแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
ถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่ในโรงแรม จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ
เขาผู้ไร้ซึ่งหนทาง จึงได้แต่กัดฟันกล่าว: “เรื่องอย่างการถ่ายทอดตำแหน่ง เดิมก็ไม่ควรเอิกเกริกระดมผู้คน จะให้ฉันเรียกศิษย์ของเต๋าไท่เจิน เดินทางไกลดั้นด้นมาถึงจินหลิงเพื่อเป็นพยานก็คงไม่ได้ใช่ไหม? ฉันในฐานะเจ้าสำนัก จะกล้าทำให้ทุกคนทรมานแบบนี้ได้อย่างไร”
หลงซือฉีบีบถามเขา: “แล้วทำไมอาจารย์ไม่กลับอเมริกาล่ะ? ต่อให้ท่านอยากอยู่ที่จินหลิง แต่ด้วยความเคารพที่มีต่อเต๋าไท่เจิน อาจารย์ก็ควรปลีกเวลากลับไปที่สำนักสักระยะหนึ่ง อย่างมากก็แค่รอถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักเสร็จ ท่านค่อยกลับมาจินหลิงก็ได้นี่นา!”
“เรื่องนี้……” หงฉางชิงถูกหลงซือฉีถามจนไม่รู้จะตอบยังไง
ในคำถามนี้ เดิมที่เข้าก็กินปูนร้อนท้องอยู่แล้ว
สาเหตุที่เขาเรียกหลงซือฉีมาจากอเมริกา ถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักอยู่ในโรงแรม ก็เพียงเพราะต้องการให้เย่เฉินได้เห็นท่าทีของตนเองเท่านั้น
พูดง่าย ๆ ก็คือ ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อประจบเย่เฉินเท่านั้นเอง
เพียงแต่ว่า เพื่อประจบเย่เฉิน ก็จำเป็นต้องเมินเฉยต่อกฎของสำนัก
ในตอนนี้เอง หลงซือฉีเห็นหงฉางชิงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดอะไรไม่ออก จึงได้ใช้หางตาเหลือบมองเย่เฉิน กล่าว: “อาจารย์ เมื่อกี้ท่านบอกว่าเพียงแค่ถ่ายทอดตำแหน่งเจ้าสำนักให้ศิษย์ได้แล้ว คนอื่นจะอยู่ในเหตุการณ์หรือไม่ไม่สำคัญ งั้นศิษย์ถามอาจารย์หน่อย ในเมื่อศิษย์ร่วมสำนักต่างไม่จำเป็นต้องมาร่วมเป็นพยาน งั้นทำไมท่านต้องเชิญคุณเย่คนนี้มาด้วยล่ะ? เขาน่าจะไม่ใช่คนของเต๋าไท่เจินสินะคะ?”
หงฉางชิงยิ่งเคอะเขิน รีบไอแห้ง ๆ สองครั้ง กล่าว: “ซือฉี ที่ฉันเรียกคุณเย่มา ด้านหนึ่งเพราะคุณเย่มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับฉัน อีกด้านนั้นเป็นเพราะคุณเย่เองก็อยู่ที่จินหลิง……”