ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5348 วันมงคลสมรส 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5348 วันมงคลสมรส 1
และ ณ วินาทีนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกตั้งตารอคอยชีวิตหลังแต่งงานมากขึ้น เขาแค่อยากใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาใหม่อย่างเรียบง่าย เงินและตำแหน่งล้วนไม่สำคัญ เนื่องจากคิดลึกมากเกินไปจึงส่งผลให้ใบหน้าเขาเปี่ยมล้นไปด้วยราศีแห่งความสุขโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ซูจือเฟยที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากเหมือนกัน แม้เขาก็รู้อยู่ว่าอดีตเหออิงซิ่วเคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสมรสของพ่อแม่ แต่เขายิ่งรู้ด้วยว่าการสมรสของพ่อแม่มันไม่มีความสุขตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การฝืนใจอยู่ด้วยกันต่างไม่ใช่เรื่องดีต่อทั้งสองฝ่าย ในทางตรงกันข้ามการเลิกลากัน ช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ถึงจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่างหาก
ตลอดช่วงสองวันที่กลับมา เขาพักอาศัยอยู่ในบ้านเก่าที่เย่เฉินอยู่ร่วมกับพ่อแม่สมัยที่ยังเป็นเด็ก เมื่อเห็นแม่ดูแลจัดการสนามหญ้านั่นด้วยความพึงพอใจ และไม่รู้สึกรำคาญ เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าความรักของแม่ที่มีต่อเย่ฉางอิงนั้นมันแข็งแกร่งมากแค่ไหน มันแข็งแกร่งถึงขั้นที่ว่าถึงแม้แค่ได้เฝ้าบ้านที่เย่ฉางอิงเคยอยู่ เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงความพอใจและความสุขในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่วนวันนี้ เขาก็ได้มองเห็นสภาพที่มีความสุขของพ่ออย่างหาดูได้ยากด้วยสายตาตัวเอง นี่จึงทำให้เขาตระหนักหลักการหนึ่งได้ นั่นก็คือบางครั้งความสมบูรณ์แบบที่ดูสมบูรณ์แบบ แท้จริงแล้วใช่ว่ามันจะสมบูรณ์แบบจริง ๆ เสมอไป ในทางตรงกันข้ามการเรียนรู้จากประสบการณ์ ไม่ต้องกังวลปัจจัยอื่น ๆ ในอดีตกลับเป็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวเย่เฉินอย่างอดไม่ได้ ถ้าเกิดไม่มีเย่เฉิน จากตำแหน่งและตัวตนของพ่อ ต่อให้แม่อยากหย่าร้างกับเขาก็ไม่มีความเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ และจากอุปนิสัยของคุณพ่อ ก็ไม่มีทางยอมปล่อยมือแน่นอน หากไม่มีเย่เฉิน พ่อแม่จะยังผูกติดอยู่ในการสมรสที่ไม่มีความสุขนั่นอยู่เช่นเคย เกรงว่าคงเดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ตลอดชีวิต
เมื่อเห็นว่าพ่อยังมัวยืนบื้ออยู่ตรงนั้น ซูจือเฟยจึงหันหลังไปหารองเท้าสีแดงข้างนั้นได้จากประตูหลัง ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นไปในมือพ่อ
ซูโสว่เต้าชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรองเท้าสีแดงแล้วถึงจะดึงสติกลับมาได้
และเมื่อเห็นว่าคนที่ยื่นรองเท้าให้ตัวเองคือลูกชายของตัวเองซูจือเฟย เขาก็ระงับความรู้สึกในใจไม่ได้ทันที น้ำตาลร่วงหล่นลงมาจากเบ้าตาภายในพริบตา
ซูจือเฟยคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ พ่อจะร้องไห้ จึงรีบดึงตัวเขาเข้ามา ย่อขาทั้งสองข้างลงไปเล็กน้อย ใช้ไหลของตัวเองช่วยเขาซับน้ำตา
ซูโสว่เต้ายิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายตัวเองจะดูแลเอาใจใส่ดีแบบนี้ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าซูจือหยูก็รออยู่ในโรงแรมเพื่อเข้าร่วมงานแต่งของตัวเองด้วยเหมือนกัน วินาทีนี้เขายิ่งมีความรู้สึกว่าต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรนึกเสียดายแล้ว
และเขาก็เพิ่งจะตระหนักได้ตอนนี้เหมือนกันว่า ตัวเองมีชีวิตมา 50 ปี วันนี้ถึงจะถือว่าใช้ชีวิตได้กระจ่างแจ้งอย่างแท้จริง
ไม่มีเรื่องใดสามารถเทียบเคียงกับความสุขและความรักใคร่กลมเกลียวปรองดองกันของคนในครอบครัว
ถึงแม้อนาคตตัวเองอาจจะไม่มีวันได้ติดต่อคบค้าสมาคมกับตู้ไห่ชิงอีกแล้ว แต่ตัวเองก็ได้รับความรักที่แท้จริง และได้รับการสนับสนุนจากลูกทั้งสามคน ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ซูจือเฟยตบแผ่นหลังพ่อตัวเองเบา ๆ ซูโสว่เต้าควบคุมน้ำตาเอาไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเห็นลูกชายใช้นิ้วชี้ช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือตัวเอง
เขาดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น ใช้มือทั้งสองข้างจับช่อดอกไม้แล้วยื่นไปตรงหน้าเหออิงซิ่วพลางพูดเสียงดังว่า: “ที่รักแต่งงานกับผมเถอะ!”
วินาทีนี้ ผู้คนในตระกูลซูรวมไปถึงตระกูลเหอที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ล้วนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างลึกซึ้ง จึงพากันพูดคล้อยตามเสียงดัง ตะโกนคำว่าแต่งงานกับเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เหออิงซิ่วไม่สามารถควบคุมน้ำตาได้ น้ำตาไหลพลางยิ้มพลางพยักหน้า ในขณะเดียวกันก็ตะโกนตอบกลับอย่างเสียงดังว่า: “ได้ค่ะ!”
จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับดอกไม้ช่อนั้นมา
ถึงแม้จะทำแบบพอเป็นพิธี ทว่าซูโสว่เต้าก็ยังรู้สึกมีความสุขมากจนปากแทบจะฉีก
ซูรั่วหลีที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบย้ำเตือน: “พ่อ รีบใส่รองเท้าให้แม่สิคะ ยังต้องคารวะชากับคุณตาอีก!”
ซูโสว่เต้ารีบพยักหน้า เปิดผ้าห่มสีแดงออก แล้วสวมใส่รองเท้าให้เหออิงซิ่ว