ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5346 วันที่เปิดเผยใจจริง 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5346 วันที่เปิดเผยใจจริง 2
นี่จึงทำให้เธอรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น: “ตกลงความเป็นมาของคุณหลินคนนี้เป็นยังไงกัน……”
วินาทีนี้ ชิวอิงซานได้พูดกับพี่เสียนว่า: “ชูเสียน เธอถอยออกไปก่อนเถอะ”
พี่เสียนรีบพยักหน้าแล้วพูดอย่างเคารพนบนอบ: “คุณผู้ชาย คุณหลิน ดิฉันขอลาก่อนนะคะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบถอยออกไปจากลานบ้าน ตอนออกไปยังไม่ลืมปิดประตูด้วย
รอหลังจากที่พี่เสียนจากไปไกลแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์ก็มองผู้อาวุโสคนนั้นแล้วถามว่า: “ระหว่างทางมาเหล่าจางราบรื่นไหมคะ?”
ผู้อาวุโสที่ถูกเรียกแทนว่าเหล่าจางรีบตอบกลับ: “ตอบกลับคุณหนู ยังถือว่าราบรื่นอยู่ครับ แค่ปฏิบัติตามการจัดแจงของคุณหนู และอ้อมเส้นทางต่าง ๆ มากกว่าปกตินิดหน่อย อีกอย่างสิ่งของติดตัวที่ต้องดูแลมีเยอะเกินไป ดังนั้นการเดินทางจึงล่าช้านิดหน่อยน่ะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามเขา: “ของของฉันมาถึงอย่างปลอดภัยอยู่ใช่ไหม?”
เหล่าจางพยักหน้าหงึก ๆ แล้วพูด: “เครื่องลายครามของคุณ ผมได้เอามาหมดแล้วครับ เนื่องจากมูลค่าล้ำค่ามากเกินไป เกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของด่านตรวจทางชายแดนและด่านศุลกากร เพราะฉะนั้นการเดินทางในช่วงสุดท้าย ผมจึงเลือกที่จะเดินทางจากคาซัคสถาน แล้วเข้ามาภายในประเทศผ่านเส้นทางพิเศษน่ะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์จึงถามว่า: “แล้วของล่ะ?”
เหล่าจางรีบตอบกลับ: “อยู่ด้านล่างหมดเลยครับ อิงซานได้สั่งการให้คนไปแกะของแล้ว หลังจากแกะเสร็จก็จะส่งขึ้นมาให้คุณเลยครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าแล้วเอ่ยปากพูด: “ระหว่างทางนี้ลำบากคุณเลยนะคะ ไปพักผ่อนดี ๆ ก่อนเถอะค่ะ ช่วงเวลาต่อจากนี้ ฉันอาจจะพักอยู่ในจินหลิง คุณก็ถือโอกาสนี้พักผ่อนดี ๆ หน่อย”
เหล่าจางทำท่าคารวะอย่างเคารพนอบน้อม: “บ่าวรับทราบครับ!”
พอพูดจบ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะถามอย่างต่อเนื่องว่า: “ใช่สิครับคุณหนู บ่าวได้ยินอิงซานบอกว่าคุณเจอคนที่คุณจะตามหาแล้วเหรอครับ?”
“ใช่”หลินหว่านเอ๋อร์ผงกหัวพลางตอบกลับ: “เขาก็อยู่ในจินหลิงนี่แหละ ถึงแม้คุณจะจำเขาไม่ได้แล้ว แต่เขายังจำคุณได้แน่นอน เพราะฉะนั้นช่วงนี้คุณอย่าออกจากโฮมสเตย์จื่อจินนะ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย”
เหล่าจางตอบกลับอย่างเคารพนบนอบ: “ได้เลยครับคุณหนู บ่าวเข้าใจครับ!”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น เหล่าคนใช้ก็ขนของที่ห่อด้วยบับเบิ้ลพิเศษเข้ามาเป็นกอง
เหล่าจางทำการนับทีละชิ้นอย่างละเอียด หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาแล้ว เขาถึงจะให้คนใช้เหล่านั้นจากไป จากนั้นก็พูดกับหลินหว่านเอ๋อร์ว่า: “คุณหนู วันนั้นบ่าวขนมาจากยุโรปเหนือทั้งหมด 83 ชิ้น ซึ่งอยู่ที่นี่หมดแล้วครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าแล้วพูดอย่างอดใจรอไม่ค่อยได้ว่า: “รีบเอาโถเครื่องลายครามมังกรน้ำของฉันมาให้ฉัน”
“รอสักครู่นะครับคุณหนู!”
เหล่าจางตอบกลับคำหนึ่ง ก่อนจะรีบหาโถกระเบื้องเคลือบลายครามที่มีขนาดเท่าลูกบาสหนึ่งลูกออกมาจากของทั้ง 83 ชิ้น จากนั้นก็ยื่นโถกระเบื้องเคลือบนั่นให้หลินหว่านเอ๋อร์
หลินหว่านเอ๋อร์เปิดฝาออก ก่อนจะมีกลิ่นหอมของชาที่เข้มข้นโชยออกมาจากด้านใน
หลินหว่านเอ๋อร์หยิบคุกกี้ชาผูเอ๋อร์ออกมาจากด้านในหนึ่งชิ้น แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างทอดถอนใจ: “ฉันเฝ้าคอยมันมาหลายวันแล้ว ในที่สุดก็คอยวันนี้มาถึงสักที”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยกกาน้ำชาที่วางอยู่บนถ่านไฟขึ้นมา แล้วเทน้ำชาออกมาจากกาจนหมด จากนั้นก็หยิบมีดชาผูเอ๋อร์ออกมาหนึ่งเล่ม เตรียมพร้อมที่จะแบ่งคุกกี้ชาผูเอ๋อร์ที่อยู่ในมือออก
แต่ทันทีที่ปลายมีดสัมผัสลงบนคุกกี้ชา เธอก็ดึงมือกลับมาแล้วพูดพึมพำ: “นี่คือชิ้นสุดท้ายแล้ว……”
เมื่อเหล่าจางเห็นแบบนี้ จึงรีบถามว่า: “คุณหนูครับ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าถ้ากินคุกกี้ชาชิ้นสุดท้ายนี้ให้หมดเร็ว ๆ ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องโหยหาถึงมันอีกแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง มองดูคุกกี้ชาชิ้นนี้พลางพูดพึมพำ: “เก็บชิ้นสุดท้ายนี้ไว้ดีกว่า ฉันอยากต้มให้เขาลองชิมด้วยตนเอง เมื่อวันที่ฉันและเขาเปิดเผยใจจริงมาถึง”
สีหน้าอารมณ์ของผู้อาวุโสทั้งสามต่างดูเข้มงวด หลังจากสบตาซึ่งกันและกันแล้ว เหล่าจางก็ก้มคำนับแล้วพูด: “คุณหนูครับ บ่าวขออนุญาตถามหน่อยนะครับ คุณจะเปิดเผยใจจริงต่อคุณผู้ชายท่านนั้นจริง ๆ เหรอครับ?”