ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5195 ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5195 ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว 2
“กฎเกณฑ์ของการครอบครองสิ่งล้ำค่าจะไปกระตุ้นความริษยาของผู้อื่นๆ ฉันยังคงเข้าใจดี ไม่ได้มีอายุยืนยาว บางทีในอนาคตเขาอาจจะตายอย่างสงบที่บ้านพักคนชราของรัฐ หากว่ามีอายุยืนยาวจริงๆ อาจจะตายโหงอีกไม่กี่ปีก็เป็นไปได้……”
เย่เฉินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และกล่าวด้วยใจจริงขฌ : “พูดตามตรงนะ ผ่านไป 1,400-1,500 ปีแล้ว ฉันคิดว่าบรรพอาจารย์เมิ่งน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะรอ ก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่สามารถรอให้ถึงโอกาสนี้ได้”
นายหญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวว่า : “ฉันก็มีความหวังเลือนรางเช่นกัน ดังนั้นลูกของฉันคนนี้จึงถูกคนหลอก อยากออกไปทำงานหารายได้เยอะๆ แล้วพาฉันไปใช้ชีวิตที่เมืองหลัก ฉันก็เคยชินกับเขา จึงขายเครื่องประดับที่ตกทอดจากบรรพบุรุษไป รวบรวมค่าเดินทาง และตามเขาไปที่เม็กซิโก แต่ฉันคาดไม่ถึงเลยว่า ครั้งนั้น ชีวิตเราสองแม่ลูกเกือบต้องสูญเสียไปซะแล้วขภ เคราะห์ดีที่ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเอาไว้ เราจึงโชคดีมีชีวิตรอดกลับมา……”
พูดจบนายหญิงใหญ่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า : “ใช่สิผู้มีพระคุณ ตอนที่ลูกชายของฉันอยู่ที่เม็กซิโก เขาหายใจแขม่วๆ แล้ว แต่พอเราฟื้นขึ้นมาบนรถบัสขนาดใหญ่ สภาพของเขากลับเหมือนคนปกติทั่วไป นี่อาจจะเป็นการอาศัยวาสนาของท่านใช่ไหม?”
เย่เฉินพยักหน้า : “ในตอนนั้นสภาพของเขาดูใกล้จะตายแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยชีวิตเขาด้วยวิธีการปกติ ดังนั้นจึงให้ยาช่วยหัวใจแก่เขา ยานี้มหัศจรรย์มาก แต่เมื่อเทียบกับยาอายุวัฒนะแล้วก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย”
นายหญิงใหญ่แปลกใจ พร้อมกล่าวขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง : “ท่านสามารถให้ยาที่ล้ำค่าเช่นนี้แก่ลูกของฉัน บุญคุณนี้ ฉันจะจดจำมันไปตลอดชีวิต…..เพียงแต่ว่าฉันไม่มีความสามารถอะไรมากนัก จึงไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระคุณในการช่วยชีวิตของท่านอย่างไร……
เย่เฉินมองไปยังกำไลเถากระดูกวิหคในมือ และกล่าวอย่าสงบว่า : “คุณย่าเจียง ถึงแม้ว่าฉันจะช่วยท่านกับลูกชายของท่านเอาไว้ แต่กำไลของท่านนี้มีค่าเป็นอย่างยิ่ง และได้ช่วยเหลือฉันเป็นอย่างมาก ฉันเห็นว่า ถึงแม้ฉันจะทำสิ่งเหล่านี้ไป ในใจก็ยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอยู่ดี”
นายหญิงใหญ่กล่าวอย่างตื่นตระหนก : “ผู้มีพระคุณอย่าคิดอย่างนี้เลย……สิ่งของจะล้ำค่าแค่ไหน สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งของ มันไม่สามารถสำคัญไปกว่าชีวิตได้……”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่าญด : “ในตอนนั้นที่แยกจากกัน ฉันเคยรับปากกับท่านไว้ ว่าหลังจากที่กลับประเทศจีนจะต้องมาเยี่ยมท่านด้วยตัวเอง และจะทำให้ท่านกับลูกชายของท่านไม่ต้องทุกข์ใจไปตลอดชีวิต ดังนั้นครั้งนี้ที่ฉันมา ก็เพื่อมาทำตามสัญญา ฉันจะให้คนซื้อคฤหาสน์เล็กๆ ให้หนึ่งหลังและตึกบริเวณใกล้เคืองอีกหนึ่งหลัง ท่านกับลูกชายของท่านสามารถย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันได้เลย”
นายหญิงใหญ่รีบกล่าวว่า : “ผู้มีพระคุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ……ท่านช่วยชีวิตเราสองแม่ลูก เราก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้ว จะมาต้องการทรัพย์สินบ้านเรือนของคุณอีกได้อย่างไร……”
เย่เฉินโบกไม้โบกมือ และกล่าวอย่างจริงจัง : “คุณย่าเจียง เงินเล็กน้อยนี้สำหรับฉันแล้ว มันไม่ได้กระทบกระเทือนทางการเงินเลย ยิ่งไปกว่านั้น กำไลที่คุณมอบให้ฉันมันมีประโยชน์ต่อฉันมาก ฉันจะปล่อยให้คุณกับลูกชายของคุณอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้ยังไง”
พูดจบ เย่เฉินก็กล่าวว่า : “ผ่านไปพันกว่าปีแล้ว บรรพอาจารย์เมิ่งก็ไม่เคยปรากฏตัวเลย ในอนาคตก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปรากฏตัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องรอเพราะปณิธานของบรรพบุรุษอีกต่อไป สู้ออกจากที่นี่ไปกับลูกชายของท่านจะดีกว่า และไปใช้ชีวิตอย่างมั่นคงในเมืองหลัก”
“อีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าลูกชายของท่านจะสูญเสียไตไปข้างหนึ่ง แต่มีประสิทธิภาพของโอสถนี้ โดยรวมแล้วจึงไม่ด้อยไปกว่าปกติ ในอนาคตจะสามารถแต่งงานและมีลูกได้อย่างแน่นอน เพื่อสืบทอดตระกูลเจียงต่อไป แต่ถ้าหากอยู่ที่นี่ตลอดไป สายเลือดตระกูลเจียงบางทีอาจจะตัดขาดเพียงแค่นี้จริงๆ”
คำพูดของเย่เฉินจท ไปสัมผัสถึงจุดอ่อนของนายหญิงใหญ่เจียงโดยตรง