ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5180 สำเร็จลุล่วง 3
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5180 สำเร็จลุล่วง 3
รอหลินหว่านเอ๋อร์กลับมาถึงโฮมสเตย์จื่อจินซุนจือต้งก็ได้รับเอกสารทั้งหมดของทั้งสองคนมาแล้ว เมื่อเห็นหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ เขาจึงพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “คุณหนู คุณกลับมาได้ตรงจังหวะพอดีเลยครับ ผมตรวจสอบข้อมูลของทั้งสองคนที่คุณให้ผมตรวจสอบเจอแล้วครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามอย่างดีใจ: “เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? รีบเอามาให้ฉันดูหน่อยเร็ว!”
ซุนจือต้งใช้มือทั้งสองข้างยื่นโทรศัพท์ไปด้านหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ แล้วพูดอย่างเคารพนบนอบ: “เชิญคุณหนูอ่านผ่านตาได้เลยครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์มองภาพถ่ายของหม่าหลันรอบหนึ่ง ภาพถ่ายดังกล่าวคือภาพตอนที่หม่าหลันเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อหลายปีก่อน แม้จะดูอ่อนเยาว์กว่าตอนนี้นิดหน่อย แต่อวัยวะบนใบหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ดังนั้นหลินหว่านเอ๋อร์จึงจำเธอได้ในทันที ก่อนจะยิ้มพลางพูด: “ใช่แล้ว! นี่แหละคือคนที่ฉันต้องการตามหา”
พอพูดจบ เธอก็ไม่ได้ดูข้อมูลของหม่าหลันอีกเลย แต่เป็นการดูช่องข้อมูลของเซียวชูหรันโดยตรง
ดูไปด้วยพูดไปด้วยว่า: “ข้อมูลบนนี้แสดงให้เห็นว่าเซียวชูหรันอยู่ในสถานะสมรสแล้ว ไปตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสามีเธอได้ไหม?”
“ได้ครับ”ซุนจือต้งรีบตอบกลับ: “แต่ว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้ดึงข้อมูลความสัมพันธ์ทางเครือญาติของเซียวชูหรันออกมา คุณรอสักครู่นะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา ซุนจือต้งจึงตรวจสอบจนเจอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคู่สมรสของเซียวชูหรันผ่านแอปพิเศษนั้น
และข้อมูลดังกล่าวก็คือระดับข้อมูลของเย่เฉินที่อยู่ในจินหลิง
แม้ข้อมูลในระดับดังกล่าวของเขาต้องเข้าถึงรหัส แต่อ้างอิงจากตรรกะการเข้าถึงรหัส ทันทีที่มีคนตรวจสอบข้อมูลระดับนี้ของเขาผ่านเซียวชูหรัน สามารถตรวจสอบผ่านช่องทางนี้ได้โดยไม่ต้องมีขอบเขตอำนาจ ดังนั้นซุนจือต้งจึงสามารถตรวจสอบข้อมูลปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับตัวตนในระดับนี้ของเย่เฉินได้อย่างง่ายดาย
และสาเหตุที่ถังซื่อไห่ทิ้งช่องทางดังกล่าวเอาไว้หลังจากเย่เฉินและเซียวชูหรันแต่งงานกันแล้วนั้น ก็เพราะกลัวว่าสักวันหากเซียวชูหรันจะซื้อบ้าน เมื่อจะกู้เงินหรือทำกิจกรรมทางสังคมอื่น ๆ ที่ต้องเข้าถึงไฟล์ข้อมูล ผู้ตรวจสอบอาจจะพบจุดพิรุธ
อีกอย่างถังซื่อไห่ก็เชื่อเหมือนกันว่าถ้าเกิดมีคนจงใจตรวจสอบเย่เฉิน อีกทั้งตรวจสอบถึงตัวเซียวชูหรัน งั้นตัวตนในระดับนี้ของเย่เฉินที่อยู่ในจินหลิง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีการปิดบังใด ๆ อย่างไรเสียเซียวชูหรันก็คือภรรยาของตัวตนเขาในปัจจุบัน ถ้าเกิดจงใจปกปิด มันกลับเป็นการทำให้เรื่องราวแย่ลง
หลินหว่านเอ๋อร์มองดูข้อมูลตัวตนชุดนี้ของเย่เฉิน แล้วพูดอย่างตื่นเต้นดีใจมาก: “ภารกิจตามหาเย่เฉินในช่วงแรกสำเร็จลุล่วงแล้ว นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะราบรื่นขนาดนี้……”
พอพูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างทอดถอนใจอีก: “คนที่ช่วยเย่เฉินปิดบังตัวตนนั้นฉลาดมากจริง ๆ แถมฝีมือชำนาญ ตรรกะละเอียดรอบคอบ หลังจากเย่เฉินหายตัวไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะส่งเย่เฉินเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แถมสร้างตัวตนใหม่ให้เย่เฉินในทะเบียนรวมของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า!”
“การที่เขาสามารถทำเรื่องราวที่มากมายขนาดนี้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้นั้น แสดงว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งมีโอกาสสูงมาก ๆ ที่พนักงานทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าดังกล่าว ล้วนเป็นลูกน้องของเขา!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดอย่างทอดถอนใจ: “มิน่าล่ะคนจำนวนมากล้วนเริ่มตามหาเย่เฉินจากจินหลิง ตามหามา 20 ปีแล้วแต่ก็ไม่เจอตัวเขาเลย ที่แท้เขาก็ใช้วิธีการแบบนี้ซ่อนตัวอยู่ในจินหลิงมาโดยตลอดนี่เอง! แถมยังถูกคนอื่นใช้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่พิเศษอำพรางตัวตนเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ! วิธีการแบบนี้หลอกตาทุกคนที่อยากตามหาเย่เฉินได้อย่างไร้ที่ติ!”
ซุนจือต้งยิ้มพลางพูด: “คุณหนูครับ ฝีมือของผู้ควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แต่สุดท้ายเขาก็หลอกคุณไม่ได้เลยนะครับ! คุณเพิ่งมาถึงจินหลิงแค่สองวัน ก็ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องการตรวจสอบได้หมดแล้ว ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับหากผมพูดตรงเกินไป ในโลกใบนี้ผมยังไม่เคยเห็นคนที่ฉลาดกว่าคุณหนูเลยครับ”