ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5178 สำเร็จลุล่วง 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5178 สำเร็จลุล่วง 1
ตอนนี้เธอกำลังมัวยุ่งอยู่กับการโน้มน้าวให้หม่าหลันล้มเลิกความคิดที่จะให้เย่เฉินช่วยดูฮวงจุ้ย
เพราะหม่าหลันกำลังพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสมเหตุสมผล: “เย่เฉินเป็นลูกเขยฉัน เขาช่วยคนอื่นดูฮวงจุ้ยมาเยอะขนาดนั้น หรือจะไม่ช่วยฉันที่เป็นแม่ยายดูหน่อยเลย?”
เซียวชูหรันถอนหายใจแล้วพูด: “โอ๊ยแม่คะ ไหนแม่บอกว่าจะไม่ให้เย่เฉินรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างเรื่องฮวงจุ้ยควรจะเป็นเรื่องที่มหภาคมาก ๆ มันเป็นการแก้ไขปัญหาระดับมหภาค ไม่มีทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปเป็นร่างได้อย่างแน่นอน เพราะงั้นจะมีผลต่อความปังในห้องไลฟ์สดของแม่ได้ยังไงล่ะ? บ้านเราใช้น้ำมันรถเยอะขนาดนั้น ถ้าให้เย่เฉินช่วยดูฮวงจุ้ยแล้วจะทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นเหรอ? มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยนะคะ……”
“ก็จริงเหมือนกัน……”หม่าหลันพูดอย่างซึมเซา: “ช่างมันเถอะ ๆ ยังไงวันนี้อะไรที่ควรพูดกับพระพุทธเจ้าฉันก็พูดไปหมดแล้ว รอดูอีกทีแล้วกันว่าพระพุทธเจ้าจะไว้หน้าหรือเปล่า ถ้าเกิดท่านไว้หน้า ฉันไม่เพียงจะรุ่งอย่างเดียว เฉียนหงเย่นก็จะซวยเหมือนกัน ถ้าเกิดท่านไม่ไว้หน้า งั้นต่อไปฉันจะไม่มาสถานที่แห่งนี้อีก……”
พอพูดจบ หม่าหลันนึกอะไรได้อย่างฉับพลันก่อนจะถามเซียวชูหรันเสียงต่ำ: “ชูหรัน แกคิดว่าพระพุทธเจ้าคงไม่ได้รับของดี ๆ จากเฉียนหงเย่นก่อนหรอกใช่ไหม?”
เซียวชูหรันรู้สึกปวดหัวมาก ๆ ก่อนจะรีบประคองตัวเธอแล้วพูดกับพระพุทธรูปด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “ขอโทษด้วยนะเจ้าคะพระพุทธเจ้า……แม่หนูพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ ได้โปรดท่านช่วยให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ……”
เมื่อพูดจบ เธอก็รีบประคองตัวหม่าหลันออกไปด้านนอก
หม่าหลันจนปัญญา จึงทำได้แค่เดินขากะเผลกออกไปข้างนอกพร้อมกับเซียวชูหรัน
เมื่อแม่ลูกทั้งสองคนมาถึงนอกพระอุโบสถ หลินหว่านเอ๋อร์ก็หายวับไปแล้ว เดิมทีหม่าหลันยังอยากไปทะเลาะกับเธออยู่เลย แต่เมื่อกวาดตามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นตัวเธอ จึงทำได้แค่เดินออกไปจากวัดพร้อมกับเซียวชูหรัน เตรียมพร้อมที่จะลงไปจากเขา
และในขณะที่พวกเธอเริ่มลงไปจากเขา หลินหว่านเอ๋อร์ก็ปรากฏในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากด้านหลังพวกเธอ มองดูเงาหลังของทั้งสองคนเงียบ ๆ จากนั้นก็มองดูหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองอีกรอบ
และในโทรศัพท์มือถือก็คือภาพถ่ายขณะเซียวชูหรันประคองตัวหม่าหลันออกไปจากประตูใหญ่ของวัดนั่นเอง เป็นภาพที่หลินหว่านเอ๋อร์หลบอยู่ด้านหลังกลุ่มคนแล้วแอบถ่ายมา
จากนั้นเธอก็ส่งภาพถ่ายดังกล่าวไปให้ซุนจือต้ง แล้วส่งข้อความตามไปอีกหนึ่งข้อความ: “เฒ่าแก่ซุน หาวิธีช่วยฉันตรวจสอบแม่ลูกคู่นี้หน่อย ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ!”
แม้ข้อมูลของเซียวชูหรันและหม่าหลันจะไม่ต้องผ่านการเข้าถึงรหัสใด ๆ แต่การที่อยากตรวจสอบข้อมูลตัวตนของพวกเธอทั้งสองคน ผ่านภาพแอบถ่ายภาพหนึ่งนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับซุนจือต้งเช่นกัน
อย่างน้อยการที่อยากตรวจสอบจนทราบผลภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากอยู่
ดังนั้น ซุนจือต้งจึงโทรหาหลินหว่านเอ๋อร์ แล้วรายงานผ่านโทรศัพท์: “คุณหนู คุณยังมีข้อมูลอื่น ๆ ของทั้งสองคนนี้ไหมครับ? ถ้าเกิดมีข้อมูลอื่น ๆ ละก็ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็อาจจะตรวจสอบได้ง่ายขึ้นหน่อย”
หลินหว่านเอ๋อร์นึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับ: “ฉันไม่มีข้อมูลอะไรแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นภรรยาของเย่เฉิน แต่ข้อมูลของเย่เฉินต้องเข้าถึงรหัส เราก็ไม่ทราบเลขประจำตัวประชาชนในปัจจุบันของเย่เฉินเช่นกัน ไม่ทราบว่าสามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้หญิงทุกคนในจินหลิงที่แต่งงานกับคนที่ชื่อเย่เฉินได้ไหม?”
ซุนจือต้งตอบกลับ: “ในเมื่อข้อมูลของเย่เฉินต้องเข้ารหัส งั้นเราก็เริ่มบุกทะลวงจากตัวเย่เฉิน ต่อให้หาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่แต่งงานกับคนที่ชื่อเย่เฉินออกมาได้แล้ว ภายในก็คงไม่มีข้อมูลของคนที่คุณอยากตามหาหรอกครับ”
พอพูดจบ ซุนจือต้งก็พูดอีกว่า: “แต่ว่าเมื่อมีรูปถ่ายที่คุณส่งมาแล้ว เราสามารถลองใช้ระบบเปรียบเทียบภาพบุคคลก่อนได้ครับ แต่ทว่าองศารูปถ่ายของทั้งสองคนนี้ไม่ค่อยได้มาตรฐาน เมื่อใส่เข้าไปในระบบแล้วเปรียบเทียบอย่างเลือนราง อย่างน้อยก็จะเจอคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกันออกมาได้เป็นพันเป็นหมื่นคน ถึงตอนนั้นค่อยทำการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทั้งหมดด้วยแรงงานคนอีกคน”