ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5149 “อีกแล้ว”มันหมายความว่ายังไงคะ? 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5149 “อีกแล้ว”มันหมายความว่ายังไงคะ? 2
หลินหว่านเอ๋อร์ยังคงพยักหน้าเบา ๆ อยู่เช่นเคย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคุณหนูลูกคนรวยที่ชอบสันโดษ รวมไปถึงไม่นำผู้ใดมาไว้ในสายตา
แต่ทว่าอย่างไรเสียความเป็นมาของชิวอิงซานก็ใหญ่โตมากเกินไป ตัวตนของเหลนสาวห่าง ๆ ของเขาก็ไม่มีทางแย่อย่างแน่นอน ดังนั้นทุกคนจึงยอมรับและเข้าใจสภาวะของเธอดีเป็นพิเศษ
หัวหน้าหลิวรีบนำเอกสารข้อมูลที่เพิ่งให้คลอเดียอ่านในเมื่อกี้นี้ ยื่นไปให้หลินหว่านเอ๋อร์อีกครั้งพลางยิ้มพลางพูด: “คุณหนูหลิน ข้อมูลอยู่ในนี้หมดแล้วครับ ผมเพิ่งเรียบเรียงวันนี้ เชิญอ่านดูได้เลยครับ”
จางชินหยุนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม: “หัวหน้าสำนักงานรับสมัครนักศึกษาของเรานี่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก ๆ รวบรวมข้อมูลทุกอย่างเสร็จตั้งนานแล้ว”
หัวหน้าหลิวยิ้มอย่างถ่อมตัว พูดขอบคุณเฉินจื๋อข่ายในใจยกใหญ่แล้วนึกในใจ: “นักศึกษาต่างชาติทั้งสองคนที่สมัครเข้าเรียนก่อนและหลังนี่มาได้ตรงจังหวะเสียจริง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะผู้จัดการทั่วไปเฉินมาถึงก่อน ถ้าจะให้ฉันเรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดนี้กะทันหันละก็ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกนิดหนึ่ง”
หลินหว่านเอ๋อร์รับข้อมูลมาแล้วเปิดอ่านเร็ว ๆ รอบหนึ่ง จริง ๆ เธอไม่ได้สนใจในด้านการเรียนมากเท่าไหร่นัก แถมก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตัวเองจะอยู่ในจินหลิงได้นานเท่าไหร่
แต่ทว่าในเมื่อเลือกที่จะเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยจินหลิงแล้ว จึงต้องเลือกสาขาวิชาหนึ่งก่อนอยู่แล้ว
หลินหว่านเอ๋อร์เปิดอ่านรอบหนึ่ง พบว่าก็มีแค่วิชาด้านประวัติศาสตร์เท่านั้น ที่ตัวเองยังมีความสนใจเล็กน้อย
เชื่อมโยงกับเครื่องลายครามที่ตัวเองรักตลอดมา ดังนั้นเธอจึงดึงกระดาษหน้าที่แนะนำภาควิชาโบราณคดีออกมา แล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง: “เอาอันนี้เถอะค่ะ”
เมื่อหัวหน้าหลิวเห็นแบบนี้จึงเบิกตากว้าง แล้วอุทานออกมา: “โบราณคดีอีกแล้วเหรอ?! ดูท่าภาควิชาโบราณคดีของปีนี้จะพลิกตัวได้แล้วสินะ……”
หลินหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วพลางมองหน้าเขาพลางถาม: “‘อีกแล้ว’มันหมายความว่ายังไงคะ?”
หัวหน้าหลิวตอบกลับด้วยหัวใจจริง: “ผมจะบอกความจริงกับคุณก็ได้ครับคุณหนูหลิน ไม่กี่นาทีก่อนคุณจะมาถึง ผมเพิ่งรับนักศึกษาต่างชาติคนหนึ่งที่มาจากประเทศแคนาดา และเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเช่นกัน เป็นลูกครึ่งจีนอิตาลี และเธอก็เลือกภาควิชาโบราณคดี……ตอนนั้นผมยังเตือนเธออยู่เลยว่าภาควิชาโบราณคดีมีคนเรียนน้อยมากจริง ๆ ซึ่งส่งผลต่อหน้าที่การงานในอนาคตอย่างมาก แต่ว่าเธอกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เลือกภาควิชาดังกล่าวอย่างแน่วแน่……ตอนนี้คุณก็จะเลือกภาควิชานี้เหมือนกัน อนาคตเมื่อมีพวกคุณทั้งสองท่านอยู่ภาควิชาโบราณคดี ผมว่าภาควิชาโบราณคดีน่าจะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งมหาวิทยาลัยแล้วล่ะครับ……”
หลังจากพูดจบ หัวหน้าหลิวก็หยิบใบสมัครของคลอเดียออกมา แล้วยื่นไปด้านหน้าหลินหว่านเอ๋อร์อย่างกระตือรือร้น: “คุณหนูหลิน คุณดูสิครับ เธอคือผู้หญิงคนนี้ครับ พวกคุณทั้งสองมาจากต่างประเทศ ถ้าเกิดรู้สึกถูกคอกันละก็ หลังจากเปิดเรียนแล้วพวกคุณทั้งสองสามารถพูดคุยกันให้มาก ๆ ไม่แน่อาจจะได้เป็นเพื่อนกันก็ได้นะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์เหล่ตามองรอบหนึ่งแล้วหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้าพลางตอบกลับ: “ไม่มีความจำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบคบใครเป็นเพื่อน”
“อ้อ ก็ดีเหมือนกันครับ……”หัวหน้าหลิวยิ้มเยาะทีหนึ่ง ก่อนจะเก็บใบสมัครของคลอเดียกลับมา
แต่ในเวลานี้เองหลินหว่านเอ๋อร์กลับมองเห็นอะไรบางอย่างกะทันหัน แล้วพูดโพลงออกมา: “เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
หัวหน้าหลิวได้ยินเสียงของหลินหว่านเอ๋อร์ ร่างกายจึงชะงักลงไป ก่อนจะรีบถามเธอ: “คุณหนูหลิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ใช้นิ้วชี้ไปทางใบสมัครที่อยู่บนมือเขาแล้วเอ่ยปากถาม: “ขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ?”
หัวหน้าหลิวตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหยุดคิด: “แน่นอนอยู่แล้วครับ ๆ!”
พอพูดจบ เขาก็ยื่นใบสมัครนั่นไปให้หลินหว่านเอ๋อร์ ทว่ากลับตำหนิในใจ: “อยากให้เธอดูตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่เธอยังบอกอีกว่าไม่มีความจำเป็น……เด็กวัยรุ่นในช่วงวัยนี้ดูนี่กะล่อนจริง ๆ”
หลินหว่านเอ๋อร์รับใบสมัครของคลอเดียไป ดวงตาของเธอดูเหมือนกับว่ากำลังอ่านข้อมูลส่วนตัวของคลอเดียอยู่ แต่หางตาและจุดสนใจกลับเพ่งเล็งไปบนช่องผู้ติดต่อเร่งด่วน